My travel diary: ทริปโครเอเชีย - สโลวีเนีย ตอน 7 (Trogir & Split)

พักหายใจหายคอแป๊บ แล้วเตรียมตัวยิงยาวสู่ปลายทางที่เมือง Split กันเลยค่ะ ระยะทางจาก Plitvice ถึง Split ไกลพอสมควรประมาณ 260 km ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่งบวกลบ ตอนแพลนทริปครั้งแรก ก็ลังเลว่าจะแวะพักและเตร็ดเตร่เมืองไหนระหว่างทางดีมั้ย แต่เอาเข้าจริงกว่าจะพร้อมออกเดินทางจาก Plitvice ก็เกือบๆ 4 โมงแล้ว คงไม่มีเวลาแวะเที่ยวได้เยอะขนาดนั้น ถ้าแอบส่องโปรแกรมทัวร์โครเอเชียของบริษัททัวร์ต่างๆ จะเห็นเค้าแวะเมือง Zadar มั่ง Šibenik มั่ง Trogir มั่ง ซึ่งก็เป็นเมืองระหว่างทางเหมาะกับการให้ลูกทัวร์และคนขับได้ลงไปยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย (หรือไม่ก็เหนื่อยกว่าเดิมจากการขึ้นๆ ลงๆ รถหลายครั้ง ... นึกถึงตอนไหว้พระ 9 วัดสิคะ แหม)

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมนิดนึงว่าเมืองพวกนี้มีอะไรน่าสนรึป่าว ก็รู้สึกว่าคล้ายๆ กันดีเนอะ เลือกซักเมืองแวะกินข้าวมื้อเย็นไปเลยดีกว่า สุดท้ายก็มาลงเอยที่เมือง Trogir ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Split เพื่อจะได้ขึ้น highway แบบยาวๆ รวดเดียวจาก Plitvice แล้วไม่ต้องวกกลับมาขึ้น highway อีกครั้งตอนไป Split

เส้นทางจาก Plitvice ลงใต้เฉียงตะวันตกนิดๆ สู่แถบชายฝั่งทะเล Dalmatian Coast ผ่านป่าเขาและหมู่บ้านน้อยใหญ่ ส่วนใหญ่ก็วิวสีเขียวสวยๆ ดูเพลิน สลับกับเล่นเกมส์ซ่อนตาเล็กน้อย (เฉพาะผู้โดยสารนะ คนขับห้ามเล่นด้วยเด็ดขาด) แต่พอถึงเส้นทางเลียบชายฝั่งแล้วนี่สิ อุแม้เจ้า ทิวทัศน์แถวนี้มัน very super scenic จริงๆ เที่ยวมาหลายประเทศและเห็นมาเยอะแล้วนะ แต่ไอ้แบบที่สวยสุดยอดสุดๆๆ ตลอดเส้นทางแบบนี้ก็เพิ่งเคยนี่แหละ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะภูมิประเทศที่พิเศษกว่าที่อื่น หรือเพราะเทคนิคด้านวิศวกรรมออกแบบ ถึงทำให้ได้เส้นทางถนนเลียบชายฝั่ง ที่สามารถเพลิดเพลินไปกับวิวทะเลสีเทอร์คอยซ์ สะท้อนแสงแดดยิบยับวับแวบเช่นนี้ได้ตลอดทาง แบบไม่มีอะไรรุงรังมาคั่นสายตาเลย เสียอย่างเดียวตรงเวลาเจอมุมพอให้หยุดแวะได้ ก็มักจะตัดสินใจช้าจนขับเลยไปเรียบร้อยแล้ว เลยไม่ได้รูปสวยติดมาซักใบ เหลือแค่ความประทับใจแบบสุดๆ ที่เก็บด้วยสายตา และหน้าตาครึ่งซีกขวาที่โดนแดดเผาเกรียม (ที่นั่งข้างคนขับอยู่ด้านขวา ทิศเดียวกับแสงแดดที่สาดเข้าตลอดช่วงบ่ายพอดี เฮ้อ)

ผ่านไป 3 ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงเมือง Trogir ซึ่งเป็นเมืองสมัยกลางติดชายทะเล และอยู่ห่างจาก Split แค่ 30 km เท่านั้น เมือง Trogir มีขนาดไม่ใหญ่นัก ใช้เวลาเดินเตร็ดเตร่ไม่นานก็เก็บได้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแลนด์มาร์คของเมืองที่ Cathedral of St. Lawrence บรรยากาศชิลๆ เลียบหาดที่ Harborfront promenade และป้อมปราการโบราณ Kamerlengo fortress เป็นต้น จากนั้นก็หาร้านอาหารดีๆ นั่งเพลินๆ ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล แล้วมุ่งหน้าสู่ที่พักคืนนี้ในเมือง Split กันเลย

บรรยากาศชิลๆ ที่เมือง Trogir จุดแวะพักระหว่างทางของเรา

ถ่ายกับป้อมโบราณ Kamerlengo fortress

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

เช้านี้ที่ Split เราเริ่มต้นจากไฮไลท์ของเมืองใหญ่แห่งนี้ คือ Diocletian's Palace นั่นเอง ร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ของพระราชวังแห่งนี้แสดงถึงความยิ่งใหญ่ตั้งแต่สมัยโรมัน โดยอาณาบริเวณถูกล้อมรอบด้วยกำแพงเก่ารูปทรงสี่เหลียมจัตุรัส แต่ก็ปนเปไปกับชุมชน กลายเป็นร้านอาหารและร้านค้าไปเยอะแล้ว เราสามารถขึ้นไปเดินเล่นด้านบนเพื่อหามุมสวยๆ ถ่ายรูปกับ Cathedral of St. Dominus ได้ และทางประตูรั้วด้านหลังของพระราชวังเป็นที่ตั้งของรูปปั้นบิชอฟ Gregory of Nin นักบวชผู้พยายามเรียกร้องให้วาติกัน อนุญาติให้ใช้บทสวดมนต์เป็นภาษาโครเอเชียนั่นเอง

ภายใน Diocletian's Palace

มีแบบนี้ให้ดูด้วยแฮะ

ได้มุมถ่ายรูปสวยๆ กับ Cathedral of St. Dominus

ตรอกเล็กซอยน้อยภายในอาณาเขตของ Diocletian's Palace

รูปปั้นบิชอฟ Gregory of Nin ที่ทางออกประตูรั้วด้านหลัง

ออกจากประตูรั้วทางทิศตะวันตกจะพบกับ People’s Square ซึ่งมีบรรยากาศคึกคักและจอแจไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยว สีสันของร้านค้าและบ้านเรือนแถวนี้น่ารักมากมาย เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟชิลๆ และชวนหลับซะเหลือเกิน อย่ากระนั้นเลย ทะลุออกมาด้านใต้ดีกว่า พบกับ Riva ซึ่งเป็นถนนเลียบชายฝั่ง เต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ มากมาย หาไอศครีมเจลาโต้ติดมือซักอันแล้วเดินเล่นลั้นลา ชมท่าจอดเรือยอร์ชหรูหรา ก่อนจะปีนป่าย Marjan Peninsula ขึ้นไปชมวิวเมืองเก่า Split จากมุมสูง และหอบหิ้วร่างลงมาแบบแฮ่กๆ เป็นอันจบทัวร์เมือง Split แบบครบถ้วน ก่อนจะหามื้อเที่ยงใส่ท้อง และเตรียมเดินทางข้ามเส้นแบ่งเขตประเทศกันอีกครั้งสู่บอสเนีย