มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

19 มีนาคม 2560

ชมสถาปัตยกรรมอาหรับในแคว้นอันดาลูเซีย (Cordoba & Granada)


บล็อกนี้พาไปเที่ยว 2 เมือง ในแคว้นอันดาลูเซียทางตอนใต้สุดของประเทศสเปน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่รวบรวมวัฒนธรรมไว้ได้หลากหลายที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งโรมัน มัวร์ อิสลาม และคริสต์ หล่อหลอมกันผ่านกาลเวลาอันยาวนานของแต่ละยุคสมัย โดยมิสกะโปโลจะพาไปเยี่ยมชม เมซกิตา (Mezquita) ในเมืองกอร์โดบา (Córdoba) และพระราชวังอะลัมบรา (Alambra Palace) ในเมืองกรานาดา (Granada) กันนะคะ

พระราชวังอะลัมบรา ในเมืองกรานาดา

กอร์โดบา
เป็นเมืองขนาดกลาง ซึ่งในอดีตเคยเป็นทั้งเมืองหลวงของโรมัน และของรัฐอาหรับ Al-Andalus อารยธรรมอิสลามมีผลกับความเจริญทางสถาปัตยกรรม และผังเมืองในสเปนมากที่สุด ไฮไลท์สำคัญของเมืองกอร์โดบา ก็คือเมซกิตา (Mezquita) หรือมหาวิหารแห่งกอร์โดบา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ที่แสดงถึงการหลอมรวมอารยธรรมอาหรับและคริสต์ แบบที่จะหาที่อื่นในโลกนี้ไม่มีอีกแล้ว หลายคนจึงไม่แน่ใจว่าจะเรียกสุเหร่าหรือโบสถ์ดี 555 แต่ถ้าเรียกสุเหร่า ก็ถือเป็นสุเหร่าที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก แล้วก็พิเศษตรงที่มีโบสถ์คริสต์ตั้งอยู่ตรงกลางสุเหร่าพอดี


https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com



 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

ตั้งแต่อดีต เมซกิตาเคยเป็นทั้งวัดโรมัน โบสถ์ และสุเหร่า ตามชนเผ่าที่เข้าครอบครอง แต่ครั้งสุดท้ายที่คริสเตียนยึดกอร์โดบาคืนมาได้ ก็แน่นอนว่าจะต้องถูกยึดไปเป็นโบสถ์อีกครั้งสินะ แต่คราวนี้แทนที่จะทุบของเก่าทิ้ง กลับเป็นการสร้างโบสถ์ไว้ภายใน ทำให้เมซกิตาเป็นสิ่งก่อสร้างหนึ่งเดียวในโลก ที่ทั้งสถาปัตยกรรมอาหรับและคริสต์อยู่ปนในที่เดียวกัน ซึ่งก็ดูสะเปะสะปะไปนิดนึงเหมือนกัน 555


มีฮ์ราบ (mihrab) หรือซุ้มสวดของมัวร์ 

จุดเด่นอย่างหนึ่งของเมซกิตา ก็คือเสาประตูโค้ง 2 ชั้นทำจากอิฐสีแดงสลับกับหินสีทราย (แต่หลังๆ ประหยัดงบ ใช้สีเพ้นท์แทน) และทางทิศใต้ก็มี มีฮ์ราบ (mihrab) หรือซุ้มสวดของมัวร์ ซึ่งเป็นสถานที่สักการะที่เก็บพระคัมภีร์โกหร่านไว้ สีทองอร่ามสวยงามมาก มีฮ์ราบหันหน้าไปทางนครเมกกะ ทำให้ชาวมุสลิมในสมัยนั้นไม่จำเป็นต้องเดินทางไปแสวงบุญไกล



โบสถ์คริสตรงกลาง

ส่วนโบสถ์คริสต์ที่อยู่ตรงกลาง  ตอนแรกสถาปนิกก็ออกแบบไว้ดีอยู่หรอก สัญลักษณ์ของคริสต์ที่จะสร้างไว้ภายใน ถูกออกแบบให้ผสมผสานศิลปะทั้งแบบโกธิค เรเนสซอง บารอค ให้เข้ากับศิลปะแบบดั้งเดิม แต่พอเอาเข้าจริงกษัตริย์ในยุคต่อมาเกิดเปลี่ยนใจ ให้รื้อบางส่วนออกและสร้างเป็นวิหาร (Cathedral) จึงทำให้สุเหร่าเดิมเสียรูปร่าง และความงามของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมถูกทำลายไป จนมาสำนึกและเสียใจในภายหลังก็ไม่ทันเสียแล้ว … แต่ก็เอาเถอะค่ะ ตอนนี้เราก็ได้มีสิ่งก่อสร้างเพียงหนึ่งเดียวในโลก อยู่ที่เมซกิตาแห่งนี้แล้ว

สวนส้ม และหอนาฬิกาภายในเมซกิตา

กรานาดา 
เป็นเมืองขนาดกลางบนพื้นที่สูง ซึ่งโอบล้อมด้วยภูเขาถึง 3 ด้าน คือ อะลัมบรา อัลไบซิน และซาโกรมอนเต ในอดีตเป็นเมืองที่มั่นสุดท้ายของมัวร์ ยิ่งทางฝั่งคริสต์มีชัยอย่างต่อเนื่อง มุสลิมก็อพยพหลั่งไหลเข้าสู่กรานาดาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้กรานาดาเจริญขึ้นมากมาย ทั้งภาคเกษตร ชลประทาน และศิลปกรรมต่างๆ และที่โดดเด่นเป็นพิเศษ จนเป็นสัญลักษณ์สำคัญก็คือพระราชวังอะลัมบรา (Alambra Palace) นั่นเอง


อัลกาซาบา (Alcazaba)

พื้นที่เข้าชมในพระราชวังอะลัมบราแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ อัลกาซาบา (Alcazaba) ตำหนักนาสริด (Nasrid Palace) และเฆเนราลิเฟ (Generalife) ซึ่งมิสกะโปโลจะพาไปเยี่ยมชม Alcazaba ป้อมปราการทางตะวันตกสุดของพระราชวังเป็นที่แรก

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook


วิวเบื้องล่างเมื่อมองจากอัลกาซาบา

Alcazaba ส่วนใหญ่ก็สร้างโดยแขกมัวร์นั่นแหละ แต่หลังจากนั้นก็มีเพิ่มเติมโดยคริสเตียนบ้าง ข้างในเป็นซากปรักหักพัก ที่เคยเป็นห้องเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ ดูเหมือนเขาวงกตมาก (จะหาอาวุธซักชิ้นเอามาใช้ คงยากเหมือนกันสินะ) ส่วนบันไดขึ้นหอสังเกตุการณ์หรือ Torre de la Vela ก็ทั้งสูงและแคบ (ทหารสมัยก่อนต้องอึดและตัวเล็ก อีกแล้วสินะ) วิวจากมุมสูงชวนเคลิ้มเหลือเกิน จากหอคอยจะมองเห็นเมืองกรานาดาครบเลย





วิจิตรตระการตาภายใน ตำหนักนาสริด (Nasrid Palace)

มาต่อที่ Nasrid Palace พระตำหนักที่ประทับของสุลต่านกรานาดาในอดีต เก่าแก่มากเลยค่ะ ต้องเข้าชมตามสล็อตเวลาเท่านั้น จู่โจมเข้าไปทีละเยอะๆ ไม่ได้เด็ดขาด ภายในตระการตราไปด้วยการประดับตกแต่งชั้นเลิศ ทั้งเพดานไม้แกะสลัก ลายนูนละเอียดบนผนังปูน หรือลายฉลุระยิบของคานโค้งบนเสาหินอ่อน ถือเป็นไฮไลท์ของการมาเยือนพระราชวังอะลัมบราทั้งหมดเลย บริเวณตำหนักแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือส่วนแรกสุด Mexaur เป็นส่วนที่สุลต่านใช้ประชุมงานกับข้าราชบริพาร และรับฎีกาจากราษฎรทั่วไป มีห้องสำคัญชื่อ Golden room สีทองอร่ามทั้งห้องแสบตาไปหมด

วิวสวนสวยภายในตำหนักนาสริด

ถัดมาเป็นส่วนที่ 2 คือ Serallo ซึ่งเป็นที่ประทับของแขกบ้านแขกเมือง และมีลานสระน้ำขนาดใหญ่ชื่อว่า ปาติโอ เด โลส อาร์รายาเนส (หรือลานดอกเมอร์เทิล) ตอกย้ำความสำคัญของสายน้ำที่มีต่อชาวมุสลิม จนมาถึงส่วนที่ 3 สุดท้ายคือ Harem หรือที่พำนักของสุลต่านและครอบครัวนั่นเอง มีลานสิงโตหรือปาติโอ เด โลส เลโอเนส เป็นไฮไลท์สำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นลานน้ำพุที่เชื่อมต่อกับห้องสำคัญต่างๆ ทั้งห้องสุลต่าน และห้องมเหสี ด้วยสายน้ำ

นี่ก็วิวสวย ระหว่างทางไปเฆเนราลิเฟ (Generalife) 

จาก Nasrid Palace ก็ไปที่พระตำหนักเฆเนราลิเฟ (Generalife อย่าอ่านเป็นภาษาอังกฤษเชียวนะ 555) ซึ่งเป็นรีสอร์ทตากอากาศสำหรับสุลต่าน ต้องเดินไปอีกฟากหนึ่งไกลหน่อย ประมาณซักกิโลนึงเห็นจะได้ (แต่ก็ง่ายกว่าต้องเดินทางไปพักผ่อนจังหวัดอื่นไกลๆ)  ภายในพระตำหนักมีสวนสวยที่ต้องร้องว้าว คือ ปาติโอ เด ลา อะเซเกีย หรือลานสระยาว (Court of the Water Channel) ที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสี รายรอบสายน้ำ อีกทั้งยังสามารถชื่นชมวิวสวยๆ ของอัลไบซินและซาโครมอนเต จากระเบียงตรงนี้ได้อย่างชัดเจน

สวนรูปทรงเรขาคณิตหน้าทางเข้าเฆเนราลิเฟ


ลานสระยาว (Court of the Water Channel)

มองย้อนกลับไปยัง Alcazaba

เป็นงัยคะ ในยุโรปตะวันตกก็สามารถหาชมวัฒนธรรมอาหรับและอิสลามได้ แถมยังเป็นสถาปัตยกรรมระดับโลกเสียด้วย ว้าวมั้ยล่ะ จากมาดริดเดินทางมาได้ไม่ยากเลย หรือถ้ามีเวลาก็แถมเซบิยา และรอนดาไปด้วยเลยนะ จะได้ครบถ้วนที่สุด … มาไม่ถึงแล้วจะเสียใจนะเออ อิอิ


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

งานเทศกาลเดือนเมษายน Feria de Abril, Spain
1-day trip เที่ยวเมือง Ronda, Spain
เที่ยวง่ายๆ ใกล้มาดริด – Toledo & Segovia
ตะลอนทัวร์มาดริด (Madrid)
ชมสถาปัตยกรรมอาหรับในแคว้นอันดาลูเซีย (Cordoba & Granada)

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น