สายการบินสัญชาติอาหรับเนี่ย ใครๆ ก็ว่าถูก หรู ดี คนอื่นบินกันตรึม แต่มิสกะโปโลไม่เคยเลยค่ะ เพิ่งจะมีรอบนี้แหละที่จะลองกับเขาซักยก คือจะบินไปเที่ยวประเทศทางแถบแอฟริกาเหนืองัยคะ ไม่มีบินตรง ยังงัยก็ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ไหนซักที่ ซึ่งตอนแรกก็เลือกระหว่าง Egypt Air กับ Etihad ราคาพอๆ กัน แถม Egypt Air ได้สะสมไมล์กับ Star Alliance ด้วย แต่ด้วยความที่ Etihad เครื่องใหม่กว่า เวลาก็ดีกว่า เลยยอมไม่สะสมไมล์ค่ะ ... แต่พอมาคิดๆ หลังกดซื้อไปแล้ว อืม ... ไปแอฟกาเหนือแวะ UAE เปลี่ยนเครื่อง ก็อดนอนยาวเลยสินะ คงเน้นกิน 555
แล้วแบบนี้ต้องขอวีซ่าไหมหนอ ... ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ ถ้าไม่ใช่แค่แวะเปลี่ยนเครื่องสั้นๆ สำหรับคนไทยถ้าเกิน 8 ชั่วโมงบนผืนแผ่นดิน UAE ต้องขอวีซ่าค่ะ เป็น transit visa แบบ 48 หรือ 96 ชั่วโมง (หรือถ้านานกว่านั้นก็เป็น tourist visa จะเป็น short term, long term, single entry หรือ multiple entry อะไรยังงัย เด๋วท้ายบล็อกแปะลิงค์ไว้ให้เลือกกันตามสบายเลยจ้า)
ซึ่งการขอวีซ่า UAE เนี่ย ไปยื่นขอเองที่สถานทูตไม่ได้นะ ต้องขอผ่าน authorized agent ได้แก่ สายการบิน (Emirates, Etihad, Fly Dubai, Air Arabia ไรงี้) เอเย่นใน UAE ที่ได้รับการรับรอง หรือโรงแรมที่เราพักใน UAE เท่านั้น แล้วก็ขอผ่านออนไลน์นั่นแหละ สแกนพาสปอร์ตกับรูปถ่ายส่งไป ได้วีซ่ามาทางออนไลน์พริ้นเองได้ ไม่ต้องเดินทางไปขอเอง ซึ่งค่าธรรมเนียมจากถูกสุดก็ไล่เรียงตามนั้นเลยค่ะ ... สายการบินถูกสุดเพราะเราใช้บริการของเค้าอยู่แล้ว ส่วนเอเย่นก็แพงขึ้นหน่อยเพราะเป็นอาชีพของเค้า ในขณะที่โรงแรม/ที่พักก็อาจจะแพงขึ้นอีกนิด แต่น่าจะหลากหลายอยู่ เพราะโรงแรมอาจทำเอง หรือไม่ก็ส่งต่อให้เอเย่นทำให้แล้วเก็บค่าส่วนต่างอีกที ไรงี้ ... แต่อะไรๆ ก็ไม่โหดสุดเท่าให้เอเย่นที่เมืองไทยทำให้ เหมาะกับนักธุรกิจที่เวลาบีบคั้น หรือใครที่ไม่อยากติดต่อต่างชาติต่างภาษาเอง ก็ให้เค้าจัดให้และยอมโดนค่าส่วนต่างมหาโหดหลายเท่าตัวไปค่ะ
ของมิสกะโปซื้อตั๋วกับ Etihad ก็เลยคิดว่าจะใช้บริการวีซ่าของ Etihad เนี่ยแหละ ก่อนอื่นเลยเข้าไปหาข้อมูลจาก UAE Government Portal (อันนี้น่าเชื่อถือแน่นอนว่าเป็นของรัฐฯ บางเว็บดู URL แล้วเหมือนจะเป็นของรัฐฯ แต่ยังไม่ทันไรจะเก็บเงินท่าเดียว สงสัยไว้ก่อนเลยว่าเป็นเอเย่น) แล้วจาก portal ก็จะมีลิ้งค์ตรงไปหาสายการบินในส่วนของวีซ่า
เหมือนจะง่ายๆ เลยใช่มั้ยคะ อ่านรีวิวหลายคนก็บอกว่าง้ายยยย ง่าย เป็นการขอวีซ่าที่ง่ายที่สุดในโลกแล้ว ไรงี้ ... คือมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักหรอกค่ะ ... แต่ แต่ แต่ ... ในรายละเอียดปลีกย่อยทั้งหลาย ลองมาดูว่ามิสกะโปโลต้องเจอกับอะไรบ้าง เฮ้ออออ
เริ่มจากเรื่องประเภทของวีซ่ากับจำนวนชั่วโมงที่อยู่ได้ คือ 8 ชั่วโมงไม่ต้องขอ 48 ชั่วโมงต้องขอแต่ฟรี 96 ชั่วโมงต้องขอและไม่ฟรี (50 AED คือประมาณ 4-500 บาทค่ะ ไม่แพง ... แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจ่าย 555) เทียบเวลากับตั๋วเครื่องบิน ไอ้เราก็นั่งนับ ตั้งแต่ลงเครื่อง จนเครื่องออกอีกครั้ง รวมๆ แล้วมันก็ 49.5 ชั่วโมงอ่ะ ... โอ้ว ก้ำกึ่งมาก ... จะขอแบบเสียตังค์หรือไม่เสียตังค์ดี
ด้วยความงกที่มีอยู่ในสายเลือด ก็เลยว่าจะขอแบบไม่เสียตังค์ 48 ชั่วโมง เพราะคิดเองเออเองว่าเค้าคงนับจากเวลาที่ stamp ที่ด่านตรวจคนเข้าออกเมืองนั่นแหละ ถ้าต้องเสียเวลารอรับกระเป๋า กับวันกลับก็ไปถึงสนามบินให้เร็วหน่อย แค่ 1-2 ชั่วโมงก็น่าจะบริหารจัดการได้อยู่ ... เอาละ ลุย ขอแบบนี้เลย ... กดคลิ้ก
ผลปรากฏ ไม่ต้องเสียเวลานับนิ้วเลย เพราะ 48 ชั่วโมงแปลว่า 2 วันปฏิทิน ถ้าเข้าวันนี้พรุ่งนี้ต้องออก … แล้วจะตั้งชื่องงๆ ให้ต้องนับนิ้ว 48 ชั่วโมงเพื่อ? เช่นกันสำหรับ 96 ชั่วโมงค่ะ ไม่มีหรอกคำว่า 96 ชั่วโมง เข้าวันนี้กี่โมงไม่รู้นับวันที่ 1 นับต่อไปวันที่ 2, 3 และวันที่ 4 กี่โมงไม่สน ต้องออกจ้า ... ออกเกินเวลาเป็นงัย ...โดนปรับสิจ๊ะ แพงด้วย ... นี่แค่ด่านแรก เสียเวลาไปกับการนับนิ้ว ... ทำไมไม่ตั้งชื่อว่า transit visa 2 or 4 calendar days ให้มันจบๆ ไปเลยนะ? มาทำให้มึนด้วยจำนวนชั่วโมงซะงั้น 555
มิสกะโปโลก็ต้องสมัครแบบ 96 ชั่วโมงค่ะ เพราะค้าง 2 คืน ก็ 3 calendar days แล้ว ... ทีนี้มาถึงตอนต้องกรอกแบบฟอร์ม ก็มาเจอด่านสอง คือ ชื่อ นามสกุล สัญชาติ และชื่อมารดา ต้องกรอกทั้งภาษาอังกฤษและอารบิคค่ะ และเป็นช่อง mandatory ซะด้วย คือบังคับกรอก ไม่กรอก ปล่อยว่างๆ ไม่ได้ กรอกว่า n/a หรือ – ก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ตัวอักษรในภาษาอารบิก
ชีวิตนี้เกิดมา ตัวอักษรภาษาอารบิคคืออะไรเคยรู้หรา? เป็นการ apply visa ครั้งแรกในชีวิตที่ต้องเดินเคียงคู่ไปพร้อมกับ Google Translate ... คือแบบว่า สัญชาติไทย หรือจังหวัดกรุงเทพฯ ไรงี้ ก็อาจพอเชื่อกูเกิ้ลได้อยู่ ... แต่ชื่อ นามสกุลของเรา กับชื่อมารดาที่ให้กรอกเป็นภาษาอารบิคเนี่ย ... เราเชื่อกูเกิ้ลได้หมดใจจริงหรา? แบบ ... ไม่กล้าเชื่ออ่ะค่ะ หนังสือส่งให้ราชการ เป็นประวัติติดตัวไปชั่วชีวิต ไม่กล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ไม่รู้อ่ะค่ะ สุดท้ายแม้ในเว็บขอวีซ่าของ Etihad เองก็จะพยายามแปลเป็นภาษาอารบิคให้ แต่มิสกะโปโลก็เลือกที่จะกรอกว่า n/a ในรูปแบบอักษรอารบิคตามที่กูเกิ้ลแปลให้แทน ... แล้วก็แอบสงสัย ถ้าดิชั้นรู้ภาษาอารบิค ก็น่าจะอยู่ในกลุ่มประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่ารึเปล่านะ ... จะมา mandatory กันทำไมคะ 555
ด่านสาม สุดท้ายแต่ไม่ยอมให้สุด คือด่านรูดบัตรจ่ายตังค์นั่นเอง เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ใส่รหัส OTP เสร็จเรียบร้อยรอ verify ก็ปรากฏว่าระบบ visa down ค่ะ ... ทำไมต้องมา down ตอนนี้ แงๆๆๆๆ ... กดถอยหลังไปก๊อปข้อมูลที่เคยกรอกไว้ก็ไม่ได้ ... พังค่ะ เริ่มใหม่หมดเคียงคู่ไปกับ Google Translate อีกครั้ง ... ทำแบบนี้วนไป 4 รอบคนแรกถึงผ่าน ... เอาล่ะ เริ่มของคนที่สอง ต่อเลย ฮือๆๆๆๆ ... กรอกไปก็เครียดไป ชีวิตนี้ถ้าไม่จำเป็นจะไม่มาสมัครแบบนี้อีกแล้วนะ
การสมัครเสร็จสิ้น เพลียเหลือเกิน เข้านอนดีกว่า ... อีก 2 วันถัดมา ได้รับอีเมล์แจ้งกลับว่า visa application ของท่านถูกตีกลับ เนื่องจากไม่มีตั๋วเครื่องบินแนบมา ... แบบว่า ... นี่เราขอผ่าน Etihad ที่จะบินไปด้วยกันหรือผ่านบริษัทรถทัวร์หว่า? ... แล้วทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้ ตอนด่านสองก็ขอแค่หน้าพาสปอร์ตกับรูปถ่ายไม่ใช่หรา ทำไมไม่บอกมาทีเดียวว่าจะเอาตั๋วด้วย ... บ่นอุบอิบจบ ... ก็ก้มหน้าก้มตาล็อคอิน ส่งตั๋วเครื่องบิน แล้วเข้าคิวรอวนรอบใหม่ไปค่ะ
อีกวันก็ได้เมสเสจ visa application ของท่านครบถ้วนแล้ว เราจะจัดส่งให้สถานกงสุล ... เท่านั้นแหละ หลังจากนั้นคือแป๊บเดียวเลย กงสุลไวมาก ส่งลิงค์วีซ่ามาให้เรียบร้อย พริ้นได้เอง ผ่านฉลุย
ดีใจน้ำตาร่วง จบซะที เที่ยวรอบนี้รอบเดียวให้จบๆ แล้วไม่ต้องมากรอกแบบนี้อีกแล้วนะ ... ปรากฏว่า สุดท้ายเกิดเหตุฉุกเฉิน ทำให้ต้องเลื่อนทริปแอฟริกาเหนือทั้งทริป รวมทั้งทริปพ่วง UAE นี้ด้วย ... UAE transit visa 96 hrs ที่ได้มาแบบมึนๆ ซึ่งเปลี่ยนวันไม่ได้แล้ว ก็ทิ้งไปแบบสวยๆ ค่ะ ... ส่วนทริปแอฟริกาเหนือที่เลื่อนออกไปนั้น พอจัดใหม่เราก็ transit ที่ Abu Dhabi airport กันไวๆ เพราะตอนนี้ยังไม่พร้อมมึนอีกรอบจริงๆ ค่ะ บอกตรง 555
ใครพร้อมจะมึนแล้วเข้าเว็บนี้ได้เลยนะคะ เป็น UAE Government Portal ที่ให้ข้อมูลเรื่องขอวีซ่าค่ะ ... โชคดีนะตัวเอง
เหมือนจะง่ายๆ เลยใช่มั้ยคะ อ่านรีวิวหลายคนก็บอกว่าง้ายยยย ง่าย เป็นการขอวีซ่าที่ง่ายที่สุดในโลกแล้ว ไรงี้ ... คือมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักหรอกค่ะ ... แต่ แต่ แต่ ... ในรายละเอียดปลีกย่อยทั้งหลาย ลองมาดูว่ามิสกะโปโลต้องเจอกับอะไรบ้าง เฮ้ออออ
เริ่มจากเรื่องประเภทของวีซ่ากับจำนวนชั่วโมงที่อยู่ได้ คือ 8 ชั่วโมงไม่ต้องขอ 48 ชั่วโมงต้องขอแต่ฟรี 96 ชั่วโมงต้องขอและไม่ฟรี (50 AED คือประมาณ 4-500 บาทค่ะ ไม่แพง ... แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจ่าย 555) เทียบเวลากับตั๋วเครื่องบิน ไอ้เราก็นั่งนับ ตั้งแต่ลงเครื่อง จนเครื่องออกอีกครั้ง รวมๆ แล้วมันก็ 49.5 ชั่วโมงอ่ะ ... โอ้ว ก้ำกึ่งมาก ... จะขอแบบเสียตังค์หรือไม่เสียตังค์ดี
ด้วยความงกที่มีอยู่ในสายเลือด ก็เลยว่าจะขอแบบไม่เสียตังค์ 48 ชั่วโมง เพราะคิดเองเออเองว่าเค้าคงนับจากเวลาที่ stamp ที่ด่านตรวจคนเข้าออกเมืองนั่นแหละ ถ้าต้องเสียเวลารอรับกระเป๋า กับวันกลับก็ไปถึงสนามบินให้เร็วหน่อย แค่ 1-2 ชั่วโมงก็น่าจะบริหารจัดการได้อยู่ ... เอาละ ลุย ขอแบบนี้เลย ... กดคลิ้ก
ผลปรากฏ ไม่ต้องเสียเวลานับนิ้วเลย เพราะ 48 ชั่วโมงแปลว่า 2 วันปฏิทิน ถ้าเข้าวันนี้พรุ่งนี้ต้องออก … แล้วจะตั้งชื่องงๆ ให้ต้องนับนิ้ว 48 ชั่วโมงเพื่อ? เช่นกันสำหรับ 96 ชั่วโมงค่ะ ไม่มีหรอกคำว่า 96 ชั่วโมง เข้าวันนี้กี่โมงไม่รู้นับวันที่ 1 นับต่อไปวันที่ 2, 3 และวันที่ 4 กี่โมงไม่สน ต้องออกจ้า ... ออกเกินเวลาเป็นงัย ...โดนปรับสิจ๊ะ แพงด้วย ... นี่แค่ด่านแรก เสียเวลาไปกับการนับนิ้ว ... ทำไมไม่ตั้งชื่อว่า transit visa 2 or 4 calendar days ให้มันจบๆ ไปเลยนะ? มาทำให้มึนด้วยจำนวนชั่วโมงซะงั้น 555
มิสกะโปโลก็ต้องสมัครแบบ 96 ชั่วโมงค่ะ เพราะค้าง 2 คืน ก็ 3 calendar days แล้ว ... ทีนี้มาถึงตอนต้องกรอกแบบฟอร์ม ก็มาเจอด่านสอง คือ ชื่อ นามสกุล สัญชาติ และชื่อมารดา ต้องกรอกทั้งภาษาอังกฤษและอารบิคค่ะ และเป็นช่อง mandatory ซะด้วย คือบังคับกรอก ไม่กรอก ปล่อยว่างๆ ไม่ได้ กรอกว่า n/a หรือ – ก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ตัวอักษรในภาษาอารบิก
ชีวิตนี้เกิดมา ตัวอักษรภาษาอารบิคคืออะไรเคยรู้หรา? เป็นการ apply visa ครั้งแรกในชีวิตที่ต้องเดินเคียงคู่ไปพร้อมกับ Google Translate ... คือแบบว่า สัญชาติไทย หรือจังหวัดกรุงเทพฯ ไรงี้ ก็อาจพอเชื่อกูเกิ้ลได้อยู่ ... แต่ชื่อ นามสกุลของเรา กับชื่อมารดาที่ให้กรอกเป็นภาษาอารบิคเนี่ย ... เราเชื่อกูเกิ้ลได้หมดใจจริงหรา? แบบ ... ไม่กล้าเชื่ออ่ะค่ะ หนังสือส่งให้ราชการ เป็นประวัติติดตัวไปชั่วชีวิต ไม่กล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ไม่รู้อ่ะค่ะ สุดท้ายแม้ในเว็บขอวีซ่าของ Etihad เองก็จะพยายามแปลเป็นภาษาอารบิคให้ แต่มิสกะโปโลก็เลือกที่จะกรอกว่า n/a ในรูปแบบอักษรอารบิคตามที่กูเกิ้ลแปลให้แทน ... แล้วก็แอบสงสัย ถ้าดิชั้นรู้ภาษาอารบิค ก็น่าจะอยู่ในกลุ่มประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่ารึเปล่านะ ... จะมา mandatory กันทำไมคะ 555
ด่านสาม สุดท้ายแต่ไม่ยอมให้สุด คือด่านรูดบัตรจ่ายตังค์นั่นเอง เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ใส่รหัส OTP เสร็จเรียบร้อยรอ verify ก็ปรากฏว่าระบบ visa down ค่ะ ... ทำไมต้องมา down ตอนนี้ แงๆๆๆๆ ... กดถอยหลังไปก๊อปข้อมูลที่เคยกรอกไว้ก็ไม่ได้ ... พังค่ะ เริ่มใหม่หมดเคียงคู่ไปกับ Google Translate อีกครั้ง ... ทำแบบนี้วนไป 4 รอบคนแรกถึงผ่าน ... เอาล่ะ เริ่มของคนที่สอง ต่อเลย ฮือๆๆๆๆ ... กรอกไปก็เครียดไป ชีวิตนี้ถ้าไม่จำเป็นจะไม่มาสมัครแบบนี้อีกแล้วนะ
การสมัครเสร็จสิ้น เพลียเหลือเกิน เข้านอนดีกว่า ... อีก 2 วันถัดมา ได้รับอีเมล์แจ้งกลับว่า visa application ของท่านถูกตีกลับ เนื่องจากไม่มีตั๋วเครื่องบินแนบมา ... แบบว่า ... นี่เราขอผ่าน Etihad ที่จะบินไปด้วยกันหรือผ่านบริษัทรถทัวร์หว่า? ... แล้วทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้ ตอนด่านสองก็ขอแค่หน้าพาสปอร์ตกับรูปถ่ายไม่ใช่หรา ทำไมไม่บอกมาทีเดียวว่าจะเอาตั๋วด้วย ... บ่นอุบอิบจบ ... ก็ก้มหน้าก้มตาล็อคอิน ส่งตั๋วเครื่องบิน แล้วเข้าคิวรอวนรอบใหม่ไปค่ะ
อีกวันก็ได้เมสเสจ visa application ของท่านครบถ้วนแล้ว เราจะจัดส่งให้สถานกงสุล ... เท่านั้นแหละ หลังจากนั้นคือแป๊บเดียวเลย กงสุลไวมาก ส่งลิงค์วีซ่ามาให้เรียบร้อย พริ้นได้เอง ผ่านฉลุย
ดีใจน้ำตาร่วง จบซะที เที่ยวรอบนี้รอบเดียวให้จบๆ แล้วไม่ต้องมากรอกแบบนี้อีกแล้วนะ ... ปรากฏว่า สุดท้ายเกิดเหตุฉุกเฉิน ทำให้ต้องเลื่อนทริปแอฟริกาเหนือทั้งทริป รวมทั้งทริปพ่วง UAE นี้ด้วย ... UAE transit visa 96 hrs ที่ได้มาแบบมึนๆ ซึ่งเปลี่ยนวันไม่ได้แล้ว ก็ทิ้งไปแบบสวยๆ ค่ะ ... ส่วนทริปแอฟริกาเหนือที่เลื่อนออกไปนั้น พอจัดใหม่เราก็ transit ที่ Abu Dhabi airport กันไวๆ เพราะตอนนี้ยังไม่พร้อมมึนอีกรอบจริงๆ ค่ะ บอกตรง 555
ใครพร้อมจะมึนแล้วเข้าเว็บนี้ได้เลยนะคะ เป็น UAE Government Portal ที่ให้ข้อมูลเรื่องขอวีซ่าค่ะ ... โชคดีนะตัวเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น