มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

22 พฤษภาคม 2561

Merry X’mas เวียดนามเหนือ ตอน 3 – Sa Pa วันนี้มีรถ


วันที่ 2 ที่ซาปานี้ เราจะไปเที่ยวกันไกลหน่อยค่ะ เดินเองไม่ได้ ต้องอาศัยรถละ ซึ่งจะเช่ารถขับเองที่นี่ ก็มีแต่มอเตอร์ไซค์เท่านั้นแหละ ถ้าอยากได้ 4 ล้อต้องพ่วงคนขับด้วย ไม่มีให้ขับเอง และไม่มี Hertz ไม่มี Avis ไม่มี Budget ใดๆ ทั้งสิ้น … ซึ่งต่อไปถ้าสังเกตุไปเรื่อยๆ จะพบว่าดีแล้วที่ไม่ขับเอง เพราะถนนในเมืองค่อนข้างแคบ ขึ้นเขาลงเขาตลอด และคนแถวนี้ก็ขับรถกันงงๆ ถ้าไม่มีคนท้องถิ่นไปด้วยกัน คงทะเลาะตบตีเองไม่ไหวแน่ 55 … ให้ผู้จัดการโรงแรมช่วยหาให้ค่ะ เหมาไป 75 เหรียญต่อวัน … คนขับพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่บอกเส้นทางไปล่วงหน้าแล้ว ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม ก็โทรบอกผู้จัดการให้ช่วยเคลียร์ให้ ไม่ได้ลำบากอะไร

สวยบาดใจ @Fansipan Peak, Sa Pa

มีรถแล้วก็จัดไปให้คุ้มเลยสิคะ โปรแกรมวันนี้ยาวเหยียด แบบที่ไม่รู้จะเที่ยวทันหมดภายใน 1 วันมั้ย … ตอนนี้แรงยังดีอยู่ ก็เริ่มจากไฮกิ้ง 2 น้ำตกชื่อดัง คือ Silver Waterfall และ Love Waterfall กันก่อนเลยค่ะ

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

ออกจากเมืองกันประมาณ 9 โมงนะคะ ไม่นานนักก็มาถึงน้ำตก Silver Waterfall เป็นที่แรก น้ำตกนี้ต้องปีนขึ้นเขาค่ะ ที่เห็นลิบๆ ตรงเกือบๆ ยอดเขานู่นแน่ะ ที่หมายของพวกเรา ค่าตั๋วคนละ 2 หมื่นด่องหรือ 30 บาท ก็ได้ออกแรงปีนเขาฮึบๆ กันแต่เช้าเลย 55 แต่ก็สวยสมใจนะคะ ปีนขึ้นไปถึงข้างบน เดินข้ามสะพาน แล้วก็ปีนลงอีกฝั่งนึง สนุกดี ใช้เวลาไม่นาน (แม้จะมีแอบอู้บ้างเล็กน้อย)

นู่นเลยค่ะ Silver Waterfall ลิบๆ บนยอดเขานู่นเลย

ระหว่างปีน ขออู้แพร้บ 

ต่อไปก็ที่ Love Waterfall ค่ะ น้ำตกนี้จะตรงข้ามกับที่แรก เพราะต้องออกแรงในแนวราบ (จริงๆ คือขึ้นๆ ลงๆ สลับกัน แถมบางจุดก็ชันซะด้วย แต่เฉลี่ยแล้วเทียบกับที่แรกเรียกว่าแนวราบได้อยู่ 55) และระยะทางก็ไกลพอควรอยู่ แค่เดินไปเดินกลับก็น่าจะเป็นชั่วโมงแล้ว (ค่าตั๋วก็ตามขนาดพื้นที่ ล่อไปคนละ 7 หมื่นด่องแน่ะ) แต่วิวสวยๆ ระหว่างทางก็ทำให้ต้องหยุด แชะๆๆ ไปเรื่อย (จริงๆ ก็อู้ด้วยแหละ จากหนาวๆ ต้องปลดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น 55) ทำให้เวลาโดนบริโภคไปอย่างเมามัน

มีทุ่งนา มีควายเดินไปเดินมา ถ่ายรูปซะเลย อย่าวิ่งมาขวิดนะ

ครึ่งทางละ มีธารน้ำด้วย สวยจริงๆ

ปีนป่ายเลียบธารน้ำไป ถ่ายรูปไป

ปีนไปเรื่อย

ถึงแล้ว Love Waterfall

แอ๊คอย่างเมามัน

แชะกันรัวๆ คนขับรถก็รอไปนานๆ เลย

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

กว่าจะเสร็จคนขับรถนี่รอเง่กเลยค่ะ ท้องไส้เริ่มร้องเพลง แต่ยังเที่ยวแถวนี้ไม่จบเลย เลยขอให้เค้าขับต่อขึ้นไปอีกนิด ถึงที่วิวสวยๆ แถว O Quy Ho pass เพื่อถ่ายรูปซัก 2-3 แชะพอ ระหว่างทางก็หยิบขนมที่เตรียมมาแจกเด็ก โซ้ยเองอย่างเมามัน รองท้องไปก่อน (ขอโทษนะเด็กๆ)

อุแม่เจ้า O Quy Ho pass สวยได้ขนาดนี้ คุ้มที่ทนหิวมา

โอ้โห จุดชมวิวที่ O Quy Ho pass แถวนี้เล็กนิดเดียวเอง นั่งๆ ไปมันจะพังครืนลงมามั้ยเนี่ย 55 แต่วิวก็สวยสมใจจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะหิวคงนั่งชมวิวเพลินๆ ได้อีกนานเลย

อย่าเพิ่งพังซะก่อนล่ะ

จากนั้นก็ขับย้อนกลับลงมาละ มายังจุดหมายถัดไปที่ Fansipan Legend อีกหนึ่งไฮไลท์ของทริปนี้ทั้งทริป ตรงนี้มีทั้งโรงแรม สถานีเคเบิ้ลคาร์ ร้านอาหาร และลานกิจกรรมเอาท์ดอร์ อีกทั้งสวนสนุก และอื่นๆ ที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จอีกเยอะ ขนาดวัด Bao An Thian Tu ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีเคเบิ้ลคาร์ ยังดูใหม่กิ๊กสุดๆ

ถึงแล้ว Fansipan Legend

ฉลองคริสต์มาสด้วย น่ารักมากมาย

วัด Bao An Thian Tu ใหม่กิ๊กเลย

แหวกกระเป๋าสตางค์เช็คสถานะเล็กน้อย อุแม่เจ้า กินแพงไม่ได้แล้วนะมื้อนี้ ไม่งั้นจะเหลือเงินด่องไม่พอขึ้นเคเบิ้ลคาร์ สุดท้ายเลยลงเอยกับร้านที่ลานกลางแจ้งแบบนี้เลย ข้าวหลาม ไข่ปิ้ง แล้วก็ BBQ อะไรบ้างก็ไม่รู้ กินเหมือนคนท้องถิ่นแถวนี้เลย เหมามาเกือบหมดร้าน ในราคากันเองสุดๆ

ไข่ปิ้งดูน่ากิน คนขายก็หน้าตาดี


เหมาๆๆๆ

สุดท้ายก็บริหารจัดการจนเหลือเงินด่องพอจ่ายค่าเคเบิ้ลคาร์แล้ว เย้ๆๆ (คนละ 6 แสนด่อง แพงทีเดียว) แต่ … หลังเคเบิ้ลคาร์มีรถไต่เขา funicular ต่ออีกคนละ 1 แสนด่องน่ะสิคะ ฮือๆๆ รูดบัตรเอาก็ได้ แหม


วิวนาขั้นบันไดข้างล่าง สวยจุง


เคเบิ้ลคาร์ของเค้าดูดีและแข็งแรงมากทีเดียว โมเมเอาเองว่าน่าจะสแตนดาร์ดระดับยุโรป เพราะถ้าเทียบกับที่เคยนั่งที่จีน จะดูก๊องแก๊งน่าระแวงกว่านี้เยอะ 55 ข้างในมีลำโพงบรรยายนู่นนี่ และถุงอ๊วกเตรียมไว้พร้อมสรรพ วิ่งยาวๆ ไปประมาณ 6,300 เมตร และไต่ระดับความสูง 1,410 เมตร ก็มาถึงสถานีปลายทางบนยอดเขา

ถุงอ๊วก พร้อม!

มาถึงตรงนี้ แม้ยังไม่ใช่ summit หรือ Fansipan peak แต่ก็ หูยยย สวยจะแย่แล้ว วัดแถวนี้อีก 2 วัดดูใหม่กิ๊กไม่แพ้กัน และยังสร้างไม่ค่อยจะเสร็จเลย 55 แต่ถ้าไม่รูดบัตรเป็นค่า funicular อีกคนละ 1 แสนคงเสียใจสุดๆ เป็นแน่ เพราะข้างบนจะสวยสะพรึงกว่านี้อีก … และชันขนาดนี้ บอกเลย ปีนเองได้ขาดใจตายแหง 55

สวยมากกกกก

ลอดประตูนี้ไปต่อข้างบนอีกหน่อย


มีวัดจีนตรงนี้ด้วย

ตรงนู้นบนเขามีอีกวัด ด้านล่างเป็นสถานีรถไต่เขา funicular

ไต่กันแบบนี้แหละ

ชันจริงจัง ปีนเองแย่แน่

แต่น แต๊น นั่ง funicular มาถึงยอดเขาจริงๆ แล้ว ที่ 3,143 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเค้าเคลมว่าสูงที่สุดในอินโดจีนเชียวละ แล้วดูวิวสิคะ ดู ดู๊ ดู ไม่รู้จะบรรยายยังงัยดี สวยแบบไม่มีอะไรบดบังเยี่ยงนี้ ค่าเคเบิ้ลคาร์บวก funicular รวม 7 แสนด่องต่อคน จิ๊บๆ ไปเลย

3,143 งวดไหนดี อิอิ

สวรรค์หรือนี่


ผู้พิชิต (หรา?)

ดื่มด่ำกับบรรยากาศสวยๆ อากาศดี๊ดี จนเต็มดิ่ม ก็ได้เวลากลับลงมาข้างล่าง ซึ่งก็บ่ายสามนิดๆ แล้ว เวลาเหลือน้อยนิดเช่นนี้ จะเที่ยวไหนต่อยังไม่รู้ แต่ตอนนี้ขอคุณพี่คนขับรถช่วยพากลับเข้าตัวเมืองซาปา และพาไปแบงค์ก่อนเลยค่ะ เพราะถ้าไม่แลกตังค์มีหวังอดตายแน่ 55

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

แบงค์ที่นี่จริงๆ ก็อยู่แถวโรงแรมที่พักนั่นแหละ คนขับคงหมั่นไส้ ทำไมไม่แลกให้มันจบๆ ไปตั้งแต่ก่อนตะลอนเที่ยวนะ (หึๆๆ หาเรื่องดีแท้) และดูเหมือนจะเป็นธนาคารเพื่อเกษตรกรเลยนะคะ เข้าไปเจอแต่ผู้คนท้องถิ่นและชาวเขาเผ่าต่างๆ นักท่องเที่ยวแบบมิสกะโปโลเดินเข้าไปขอแลกที 100 เหรียญ ได้หอบเงินด่องกลับออกมาเป็นล้านเลย

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

กลับมาขึ้นรถรอบนี้ รวยละ อิอิ แถมยังคิดออกแล้วด้วยว่าจะไปไหนต่อ มิสกะโปโลอยากไปดูสะพานหวาย (ratten bridge) ข้ามลำน้ำที่หมู่บ้าน Cau May ใกล้ๆ หุบเขา Giang Ta Chai และหมู่บ้าน Ta Van ค่ะ อยู่ห่างออกไปประมาณ 12 กิโลทางทิศใต้ แต่ด้วยสภาพถนนก็อาจใช้เวลาเดินทางบ้างเหมือนกัน เสียค่าผ่านทางคนละ 75,000 ด่อง สำหรับเข้าได้หลายหมู่บ้านจากนี้ไป เพราะจะไม่มีด่านเก็บเงินแยกเป็นรายหมู่บ้านแล้ว … แต่สำหรับพวกเราก็คงได้แค่หมู่บ้านเดียวนั่นแหละ ไม่รู้ไปถึงแล้วจะได้ดูอะไรแค่ไหน แต่ก็ลองดูค่ะ ลุยยยยย

วิวชนบทสวยๆ แถวทางเข้าหมู่บ้าน Cau May

ถนนก่อนถึงหมู่บ้าน Cau May เพิ่มความกระเด้งกระดอนมากขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเราเริ่มหวาดเสียวละ คิดถูกรึป่าวเนี่ย มาเที่ยวอะไรกันไกลๆ แถมยังเย็นย่ำขนาดนี้แล้วด้วย 55 แล้วอยู่ๆ คนขับก็จอดรถกึ๊กข้างถนน บอกว่าถึงแล้ว ให้เราเดินลงไปเองเลย ตรงตามทางไปเรื่อยๆ เด๋วก็ถึงแม่น้ำเอง แล้วจะเจอสะพานหวายสมใจ

เป็ดว่ายน้ำในนา

ไอ๊หยา ทิ้งกันแบบนี้เลยนะ ถามคนขับย้ำอีกที เราเดินไปกันเองได้ใช่มั้ย คุณไม่ไปกับเราก็ได้ใช่มั้ย คนขับก็บอกไปเถอะๆ เด๋วก็ถึง ชริ เอาวะ มาซะขนาดนี้แล้ว ก็เดินดุ่ยๆ ลงไป ข้างทางมีแต่ทุ่งนาขั้นบันได สวยดีเหลือเกิน เดินมาเรื่อยๆ จนถึงทางแยก เอางัยดีล่ะทีนี้ เริ่มไม่มั่นใจ … ก็เดินไปถามเด็กๆ ที่เตะบอลกันอยู่กลางทุ่งแถวนั้น กวักมือเรียกครั้งแรก เจ้าตัวเล็กเดินมา ภาษามือล้วนๆ เลยค่ะ พี่สาวอยากไปดูสะพานหวายแบบในรูปนี้ (เปิดรูปในมือถือให้ดู) ไปทางนี้ หรือทางโน้นดี เจ้าตัวเล็กเริ่มตามพรรคพวกมาช่วย เด็กตัวโตกว่าก็มาชี้ๆ บอกให้ไปทางโน้นเลย เจ๊เลยแจกขนมไปคนละชิ้น แล้วก็บ๊าย บาย หวังว่าจะไม่โดนเด็กหลอกนะ 55

มีหมู

มีวัว

มีเป็ด

มีคุณยาย

มีเด็กๆ

เดินมาตามทางที่เด็กบอก ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย เจอแต่เป็ด ไก่ หมู และเด็ก 55 ถึงหมู่บ้านระหว่างทาง ก็เช็คฟี้ดแบ็คกับเด็กแถวนั้นไปเรื่อยค่ะ คนไหนคอนเฟิร์มว่าเรามาถูกทางแล้ว ก็แจกขนมระรัวเลยสิคะ อิอิ

ในที่สุดก็มาถึงสะพานหวายข้ามแม่น้ำจนได้ หายเหนื่อยเลยค่ะ แม้จะไม่หรูเหมือนในรูป ที่มีเด็กชาวเขาในชุดเต็มยศเดินเรียงกันข้ามสะพาน แต่ธรรมชาติและบรรยากาศแถวนี้ก็ประทับใจมากมาย ไม่มีความ touristy เลย (ไม่รู้มาผิดสถานที่ หรือผิดเวลาสินะ 55) แม้ว่าโครงสร้างหวายของเดิมจะถูกเสริม ด้วยลวดเหล็กเพิ่มความแข็งแกร่งแล้ว แต่การจะเดินข้ามก็สร้างความหวั่นใจใช่น้อย

ถึงแล้ว เย้ๆๆๆ

ขาสั่น เกาะแน่นเลย 55


แน่จริง ปล่อยมือดิ คริๆๆ

ข้ามเสร็จก็ค่อยมาสังเกตุพบว่า มีป้ายเขียนบอกไว้ว่าค่าข้ามสะพานคนละ 1 หมื่นด่อง ซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่ไม่รู้จะจ่ายที่ใครน่ะสิ แป๊บๆ ก็มีผู้ชายคนนึงเดินมา บอกว่าจ่ายที่เค้านี่แหละ ใช่รึป่าวก็ไม่รู้ แต่แค่ 1 หมื่นด่องก็จ่ายๆ ไปเถอะ ขี้เกียจทะเลาะด้วย จากนั้นก็เริ่มมีเด็กๆ เอาของมาขายละ แต่ละคนมอมแมมมากมาย สงสัยอากาศจะเย็นเกินจนขี้เกียจอาบน้ำ แบบนี้ก็เข้าทางนางงามรักเด็กสิคะ เอาขนมไปคนละห่อเลย จบค่ะ เด็กๆ แกะขนมกันเมามัน จนลืมไปเลยว่ามีภารกิจต้องขายของ … หลังจากนั้นก็มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเดินมาอีก 2 คน เย้ๆๆ พวกเราไม่โดดเดี่ยวแล้ว ไว้เด็กๆ ไปขายพี่ๆ 2 คนนั้นต่อนะ ส่วนนางงามทางนี้ ก็ บ๊าย บาย ไปก่อนนะจ๊ะ คริๆๆ 

รักเด็กค่ะ แจกขนมเพลินเลย

ขากลับขึ้นมา ระยะทางเท่าเดิม แต่ลั้นลายิ่งกว่าตอนขามาซะอีก เพราะเที่ยวจบได้ก่อนพระอาทิตย์ตก และยังเป็นปลื้มกับบรรยากาศที่ค่อนข้าง virgin ไม่ค่อยมีจัดฉากเพื่อการท่องเที่ยวเท่าไรนัก ถึงตอนนี้รู้สึกคุ้มมากที่ได้มา ลืมไปเลยว่าเคยตุ๊มๆ ต่อมๆ ในตอนขามาแค่ไหน 55 และก็ถือว่าใช้รถเช่าคันนี้พร้อมคนขับได้คุ้มสุดยอดอีกด้วย อิอิ

สนุกกันใหญ่

ขนกันแบบนี้ ง่ายดีแฮะ

ขากลับมีน้องหมาตามมาส่ง เพื่อนกันตลอดทางเลยแฮะ

บ๊าย บาย หมู่บ้าน Cau May ที่น่ารัก

กลับมาถึงซาปาก็ได้เวลามื้อเย็นพอดี วันนี้พวกเราตะลอนเหนื่อยกันมามากแล้ว แต่ยังติดใจหม้อไฟอยู่ ก็เลยลงเอยกับหม้อไฟที่ร้านบนถนนแถวที่พักนั่นแหละ ครึกครื้นดี มีให้เลือกหลายร้าน ราคาก็ไม่แพง แต่ก็คุณภาพตามราคานะคะ ไม่ได้เลิศหรูเท่ามื้อออร์แกนนิคแบบเมื่อวาน

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

ได้ข่าวว่า แซ่บไม่เท่าเบียร์ฮานอยนะ

วันที่ 3 สุดท้ายที่ซาปา ฝนตกแต่เช้า แม้แค่ปรอยๆ แต่ก็เที่ยวไม่สนุกแล้ว … แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะไฮไลท์ทุกอย่างพวกเราเที่ยวจบไปหมดแล้ว (ดีที่ 2 วันแรกอากาศดี) ก็เลยกางร่มเที่ยวใกล้ๆ ไปเก็บตกบรรยากาศรอบทะเลสาบ ซึ่งก็สวยดีเหมือนกัน แต่สภาพถนนตอนฝนตก ก็ทำให้ไม่ค่อยอยากเดินเท่าไหร่ เลอะเทอะไปหมด สวนดอกไม้ที่ภูเขา Ham Rong ก็คงไม่น่าไปละ สุดท้ายเลยหาร้านกาแฟนั่งเล่นชิลๆ แถมยังติดใจกลับไปร้านหม้อไฟร้านเดิม แต่ลองเมนูอื่นก็ไม่ผิดหวัง อีกทั้งยังสั่งเบอร์เกอร์เตรียมไปสำหรับมื้อเย็น ตอนนั่งรถบัสกลับฮานอยอีกด้วย (ติดใจมากเลย ร้านนี้ ^^)


สวยแบบแฉะๆ

ขนาดฝนตกยังสวย


กาแฟอีกละ

เป็ดกระทะร้อนมื้อเที่ยง กลิ่นเย้ายวนขนาดที่ฝรั่งโต๊ะข้างๆ มาถามว่าเมนูไหน ... จะเลียนแบบ :)

ลองพิซซ่าซักมื้อ อร่อยดีแฮะ

รถบัสขากลับไปฮานอย กำหนดเวลาออกจากซาปาตอน 4 โมงเย็นค่ะ ไปถึงสถานีซักประมาณ 3 โมงครึ่งกำลังดี แต่ฝนตกแบบนี้และกระเป๋าก็ใบใหญ่ เลยฝากผู้จัดการโรงแรมช่วยเรียกแท๊กซี่ให้ ซึ่งเธอทำหน้าตาตกใจมาก ว่าใกล้ๆ แค่นี้ไม่ต้องเรียกหรอก ให้พวกเราเดินไปเลย เด๋วเธอช่วยลากกระเป๋าตามไปให้ โอ้โห น้ำใจงามขนาดนี้ เอาทิปไปเลยค่ะ แล้วช่วยเรียกแท๊กซี่ให้ทีนะ 55 อย่าให้ความทุลักทุเลในวินาทีสุดท้าย ต้องมาบดบังความทรงจำดีๆ ที่เก็บมาตุนไว้มากมาย จากซาปา ดินแดนในฝัน แห่งนี้เลย ^^


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    


https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น