จากมิลานไปทางตะวันออก 140km ขับรถใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงทะเลสาบการ์ด้า (Lake Garda) ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี แหล่งพักผ่อนชื่อดัง ซึ่งรอบๆ มีเมืองรีสอร์ตหลายเมืองเลยค่ะ แต่ที่มิสกะโปโลปักหมุดไว้เป็นอย่างดี ก็คือ ซีร์มิโอเน่ (Sirmione) ซึ่งตอนแรกก็ยังไม่รู้ว่าพิเศษยังงัยหรอกนะ อาศัยตระเวนรอบๆ ผ่าน google map ถึงได้มาปิ๊งปั๊งกับเมืองเล็กๆ หน้าตาเป็นติ่งแหลมๆ ยื่นเข้าไปในทะเลสาบแห่งนี้ ดูน่าสนใจดี และพอเจาะลึกเข้าไป ก็พบว่าเป็นเมืองเก่าแก่อายุมากกว่า 2,000 ปี แบบนี้แหละใช่เลย ซีร์มิโอเน่ เจอแบบนี้ก็ไม่หาที่อื่นต่อแล้ว
มุมสวยๆ จากยอดหอคอย Scaliger Castle เมือง Sirmione
หน้าตามันก็จะเป็นติ่งๆ ยื่นเข้าไปในทะเลสาบหน่อยๆ แบบนี้ (credit ตามรูป)
วิวอาหารเช้าที่โรงแรม หลักล้านจริงๆ
บรรยากาศสวยๆ ระหว่างเดินไปย่านเมืองเก่า
ร้านข้างทางแถวๆ ลานจอดรถก่อนเข้าเขต ZTL ... ก็น่าอร่อยนะ
บล็อกก่อนส่งรูปล็อตแรกมาให้ชิมลางกันเล่นๆ แล้วนะคะ น่ารักสุดๆ เลยใช่มั้ยล่ะ มาบล็อกนี้พาเที่ยวจริงจังแล้วค่ะ จากโรงแรมมีเพียงถนนสายหลักเส้นเดียวสู่เขตเมืองเก่า ระหว่างทางผ่านรีสอร์ตหรูหราหลายแห่ง (บางแห่งเหมือนยังไม่ค่อยเปิดเท่าไหร่ เหมือนจะยังไม่ใช่หน้าเที่ยวนัก คงต้องรอหน้าร้อน) บรรยากาศเอาใจนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายสุดๆ
ที่เมืองเล็กๆ น่ารักแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวแบบเป็นเรื่องเป็นราว ที่น่าสนใจ 2 แห่ง มิสกะโปโลปักหมุดไว้ทั้งคู่เลยค่ะ เริ่มต้นด้วย Area archeologica delle Grotte di Catullo … ยาวจัง เรียกสั้นๆ ว่า Cave of Catullus ละกัน ตั้งอยู่ที่ติ่งปลายสุดของแหลมเมืองซีร์มิโอเน่เลยค่ะ ได้ออกกำลังกายเดินกันแต่เช้าเลย 555 ผ่านปราสาทอันเป็นด่านตั้งต้นของเขต ZTL (เด๋วขากลับค่อยแวะนะ) ผ่านย่านเมืองเก่า และร้านเจลาโตไอศครีมหลายร้าน (ไว้ก่อน ยังอิ่มอยู่ ค่อยขากลับจ้ะ) ผ่าน Aquaria Spa and Wellness Center แหล่งสปาน้ำพุร้อนชื่อดัง (แต่น่าจะแพงน่าดู ชาวโรมันสมัยก่อน เชื่อว่าน้ำพุร้อนแถวนี้ มีแร่ธาตุสำคัญใช้รักษาโรคได้) แล้วก็ได้เวลาปีนป่ายอีกแล้วค่ะ จัดไปเลยตั๋วคอมโบ (อีกแล้ว) รวบยอดทั้ง Cave of Catullus แห่งนี้ และปราสาทแลนด์มาร์คของเมืองเลย
Cave of Catullus เป็นซากปรักหักพังของคฤหาสน์ใหญ่โตยุคโรมันโบราณ และยังมีห้องอาบน้ำพุร้อนธรรมชาติเจาะเป็นช่องๆ อยู่ใต้ดินอีกด้วย (มิน่า ถึงเรียกว่า cave หรือถ้ำ) สภาพตอนนี้เป็นซากหมดแล้วนะคะ ร่องรอยพอเดาได้ว่าสมัยก่อนอลังการแค่ไหน แต่ที่ติดใจมากกว่าคือวิวทะเลสาบการ์ด้า และลานทุ่งหญ้า ทุ่งดอกไม้ ในโทนสีเรียบๆ และคลาสสิคสุดๆ แถมยังได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของที่นี่ด้วย ถึงได้รู้ว่าทะเลสาบการ์ด้านี้ แท้จริงก็คือน้ำแข็งละลายจากเทือกเขาแอลป์นั่นเอง
ปีนป่ายแบบผิดกติกา จนโดนเช็คบิลไป 3 รอบแล้ว (ตัวอย่างไม่ดีนะคะ ห้ามลอกเลียนแบบ ยังดีไม่โดนไล่ออกไปซะก่อน อิอิ) ท้องไส้ก็เริ่มปั่นป่วน พวกเราเดินย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิน ผ่านย่านเมืองเก่าอีกครั้ง คราวนี้ได้เจลาโต้ติดไม้ติดมือกันมาคนละแท่ง รองท้องไปก่อนค่ะ จนมาเจอร้านถูกใจใกล้ๆ ปราสาทแล้วจึงค่อยฝากท้อง + พักเหนื่อยไปพลางๆ
ร้าน gelato แบบนี้เยอะมากเลยค่ะ เมืองนี้
ลองมั้ย อร่อยน้าาาา อิอิ
ปีนกันแบบนี้เลย
ทริปอิตาลี ตอนเหนือ #3 – Sirmione
ทริปอิตาลี ตอนเหนือ #5 – Venice, Murano & Buranoทริปอิตาลี ตอนเหนือ #6 – Rimini & Republic of San Marino
ทริปอิตาลี ตอนเหนือ #7 – Heart of Tuscany Drive
ทริปอิตาลี ตอนเหนือ #8 – San Gimignano, Volterra, Siena
ทริปอิตาลี ตอนเหนือ #9 – Florence & Levanto
ทริปอิตาลี ตอนเหนือ #10 – Cinque Terre
ทริปอิตาลี ตอนเหนือ #11 – Portofino
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น