พม่าเป็นอีกประเทศหนึ่งใน AEC ที่มิสกะโปโลอยากไปนานแล้ว และเพิ่งมีโอกาสได้ไปจริงๆ จังๆ แบบเจาะลึกก็เมื่อช่วง ธ.ค. ที่ผ่านมานี้แหละ เนื่องจากวันลาเหลือไม่เยอะ เลยได้เต็มที่แค่ 6 วันเท่านั้น (เที่ยวจริง 5 วัน) แต่ก็ยังสามารถตะลอนได้ตั้ง 4 เมือง ไล่เรียงตั้งแต่มัณฑะเลย์ (Mandalay) พุกาม (Bagan) ทะเลสาบอินเล (Inle Lake) และปิดท้ายที่ย่างกุ้ง (Yangon) โดยใช้บริการ Air Asia จากกรุงเทพไปมัณฑะเลย์ ส่วนการเดินทางระหว่างเมืองใช้สายการบินภายในประเทศของพม่าตลอดทั้ง 3 ต่อ แล้วจากย่างกุ้งก็ชะแว้บมาเป็น Thai Smile (เพราะรวมค่าโรงแรมอีกคืนแล้ว บังเอิญว่ายังถูกกว่า Air Asia) เดินทางกลับกรุงเทพฯ ถือเป็นอันจบทริป
พิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี
ทริปนี้บอกเลยไม่ถูกเหมือนรอบอินโด อินโดไปตั้ง 9 วัน 8 คืน (เที่ยวจริง 7 วัน) นั่งเครื่องบิน 3 ต่อ แค่ 3 หมื่น พม่าอยู่ใกล้กว่าตั้งเยอะ ไปแค่ 6 วัน 5 คืน (เที่ยวจริง 5 วัน) นั่งเครื่องบิน 5 ต่อ ล่อไป 4 หมื่น (พอๆ กับราคากรุ๊ปทัวร์เลย) ซึ่งจริงๆ ทริปพม่านี้จะถูกหรือแพงก็ขึ้นกับว่าเลือกอยู่โรงแรมแบบไหนเลยนะคะ ของมิสกะโปโลนี่เรียกร้องแต่ละโรงแรม rating ไม่ต่ำกว่า 8.0 ใน booking.com เลยแอบน้ำตาร่วงเล็กน้อย (แต่ทั้งนี้ก็ rating เดียวกับอินโดเลยนะ ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวของ 2 ประเทศนี้มันช่างต่างกันจริงๆ)
และบริษัททัวร์รายนี้ก็น่ารักอีกอย่าง คือ ไม่เก็บค่ามัดจำเลยค่ะ นี่ขนาดต้องคอนเฟิร์มตั๋วในประเทศตั้ง 3 ต่อนะ ถ้าเราเป็นลูกทัวร์นิสัยไม่ดี มายกเลิกเอาดื้อๆ คงเลิกคบกันเลยสินะ 555 ค่าทัวร์ทั้งหมดเราจ่ายเป็นเงินสด US dollar เมื่อไปถึง ซึ่งต้องเป็นแบงก์ใหม่ ไม่มีรอยยับ หรือรอยพับใดๆ เท่านั้น (เวลาแลกเงินต้องบอกธนาคารหรือร้านแลกเงินด้วยนะ) และเราจะได้ voucher โรงแรมกับตั๋วเครื่องบินมาเก็บไว้เอง เพราะไกด์ไม่ได้เดินทางไปกับเราตลอดทั้งทริป ย้าย 4 เมืองก็ได้ไกด์ 4 คนล่ะค่ะ
เยี่ยมชมพระอารามชเวนันดอว์ (Shwenandaw Monastery)
ตอนนี้ทริป VIP ตะลุยพม่าแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัว ของมิสกะโปโลพร้อมแล้ว เครื่อง Air Asia พามาส่งถึงสนามบินมัณฑะเลย์เที่ยงครึ่งตรงเวลา มื้อเที่ยงก็เสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่บนเครื่องบิน จึงพร้อมลุยเที่ยวทันที โปรแกรมวันนี้จริงๆ ก็คือ แล้วแต่ไกด์เลยค่ะ (เรามั่นใจว่าด้วยรีวิวระดับนี้แล้ว เค้าจะพาไปแต่ที่ดีๆ แน่ 555) เพราะสำหรับมิสกะโปโล วันนี้ขอแค่ไฮไลท์ที่สะพานไม้อูเบ็ง ให้ทันพระอาทิตย์ตกก็พอแล้ว
ไกด์คนแรกของเราที่มัณฑะเลย์ มารับพวกเราถึงสนามบินในชุดโสร่ง (ผู้ชายที่นี่ใส่โสร่งกันทุกคน น่าจะเย็นสบายดีนะ) และแอบบ่นอุบอิบนิดๆ ว่ามัณฑะเลย์มีวัดและสถานที่สวยๆ ตั้งมากมาย พวกเรามากันแค่ครึ่งวันเที่ยวไม่หมดหรอก (แหม ทั้งทริปไม่ได้เที่ยวมัณฑะเลย์ที่เดียวนี่คะ) ที่พม่านี้ส่วนใหญ่เค้าเรียกวัดที่เดินดูได้แค่ด้านนอกรอบๆ ไม่มีประตูเข้าไปข้างในว่า สถูป (stupa) หรือเจดีย์ (pagoda) ส่วนวัดที่เรียกว่า temple หรือในภาษาพม่าเรียก Phaya ต้องมีประตูให้เข้าไปสำรวจอาณาบริเวณด้านในได้ และมักพบเห็นพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ แต่พระไม่ได้อยู่ในวัดนะคะ ถ้าวัดที่พระจำวัดอยู่เรียกว่า monastery หลักการคร่าวๆ ประมาณนี้ ซึ่งพุกามก็คล้ายๆ กัน (แต่พอไปย่างกุ้งเรียกวัดหมดเลย ลูกทัวร์เลยมึนเล็กน้อย 555)
วัดแรกที่ไกด์พาไป ก็คือ พระอารามชเวนันดอว์ (Shwenandaw Monastery) หรือพระราชมณเฑียรทอง (Golden Palace) ซึ่งสร้างจากไม้สักทองและปิดทองทั้งหลัง แต่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยละ แผ่นทองจึงหลุดลอกออกไปจนเห็นเนื้อไม้ ส่วนด้านในยังหลงเหลือที่เป็นทองอยู่บ้าง ทำให้ไม่แสบตาเท่าไรนัก พระอารามนี้สมัยก่อนเป็นที่เจริญสมาธิของพระเจ้ามินดง อยู่ในเขตพระราชวัง แต่พอหมดรัชสมัยของท่าน ก็ย้ายมาอยู่ตรงนี้ ทำให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือการทำลายล้างในสมัยสงครามโลกมาได้
วัดกุโสดอนี้รวบรวมหนังสือเล่มใหญ่ที่สุดในโลกไว้
มณฑปสีขาวที่สร้างครอบพระไตรปิฎกหินอ่อน ณ วัดกุโสดอ (Kuthodaw Pagoda)
เจดีย์มหาโลกมารชิน (Maha Lawka Marazein) สีทองอลังการมาก
ต้น The Star อายุกว่า 100 ณ วัดกุโสดอ
ถัดไปคือ วัดกุโสดอ (Kuthodaw Pagoda) ซึ่งจะเห็นป้ายต้อนรับตั้งแต่ที่หน้าวัด ว่าเป็นสถานที่เก็บหนังสือเล่มใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งหนังสือที่ว่านี้ก็คือพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ที่จารึกลงบนแผ่นหินอ่อนจำนวน 729 แผ่น และสร้างมณฑปสีขาวครอบไว้นั่นเอง นอกจากนี้ด้านในยังมีเจดีย์มหาโลกมารชิน (Maha Lawka Marazein) ใหญ่โตสีทองอลังการตั้งเด่นเป็นสง่า ซึ่งมีต้น The Star อายุกว่า 100 ปีแผ่กิ่งก้านสาขาบนไม้ช่วยค้ำยันตั้งอยู่ใกล้ๆ ให้ความร่มรื่นมากเลยค่ะ
มุมสวยๆ ของพระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace)
ไปเยี่ยมชมร้านตีแผ่นทอง
ด้วยเวลาเท่าที่มี จะไปชื่นชมวัดกุโสดอจากมุมสูงที่ Mandalay Hill คงไม่ทันเป็นแน่แท้ (ไกด์ได้แต่ส่ายหัว) มิฉะนั้นอาจพลาดไฮไลท์ของวัน จึงอำลามัณฑะเลย์แต่เพียงเท่านี้ แล้วมุ่งหน้าลงใต้สู่ทะเลสาบตองตะมาน (Thaungthaman Lake) อันเป็นที่ตั้งของสะพานไม้อูเบ็ง ระหว่างทาง ไกด์ใจดีสุดๆ พาไปแวะถ่ายรูปกับมุมสวยๆ ของพระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) นิดนึง ต่อด้วยร้านตีแผ่นทอง (ไม่ค่อยมีอะไร ดูนิดเดียวไม่ถึง 5 นาทีก็บ๊ายบายละ) ศูนย์ทอผ้าไหม (อันนี้ชอบมาก ตื่นเต้นกับสีสันและลวดลายสวยงามสุดๆ เก่งมาก ทอกันได้งัยเนี่ย) และถนนที่มีแต่อาชีพแกะสลักพระพุทธรูปหินอ่อนตลอดทั้งสาย (ฝุ่นเยอะมาก ไม่ควรอยู่นาน) ซึ่งดีใจมากเพราะทั้งสนุกและไม่ต้องถอดรองเท้า (เที่ยววัดที่พม่าต้องถอดรองเท้ากันตั้งแต่หน้าวัด แถมพื้นก็ใช่จะสะอาดหมดจด ทั้งหินทั้งทราย ต้องอดทนเท้าเปื่อยไปประมาณนึง … ทำงัยได้ ผู้คนเค้าศรัทธากันจริงๆ นี่คะ)
ศูนย์ทอผ้าไหม (silk weaving) ลายละเอียดสุดๆ ทำมือล้วน น่าทึ่งมาก
ถนนสายแกะสลักพระพุทธรูปหินอ่อน (marble carving)
จนมาถึงสะพานไม้ชื่อดังในที่สุด … สะพานไม้อูเบ็งนี้ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดอมรปุระ (Amarapura) สร้างขึ้นจากไม้สักที่รื้อมาจากพระราชวังเก่าที่เมืองอังวะ แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ไม้สักก็ไม้สักเถอะ ตอนนี้ต้องอาศัยปูนและคอนกรีตมาเสริมเป็นบางช่วงแล้ว สะพานมีความยาวประมาณ 1.2 กิโลเมตร ระหว่างทางมีศาลาให้พักเป็นช่วงๆ และมีบันไดให้ลงไปสำรวจด้านล่างได้ด้วย
สะพานไม้ U-bein
อีกหนึ่งครอบครัว ใกล้ๆ สะพานไม้ U-bein
วิวพระอาทิตย์ตก งดงามจริงๆ
จบไปแล้ววันแรก เต็มอิ่มสุดๆ เท่าที่เวลาจะอำนวย แต่ทริปมัณฑะเลย์ยังไม่จบแค่นี้ค่ะ วันถัดมาเราตื่นกันแต่เช้ามากมาย เพื่อให้มาถึงวัดมหามัยมุนี (Maha Myat Muni Pagoda) 1 ใน 5 มหาบูชาสถาน ก่อนตี 4 ครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาเริ่มต้นพิธีล้างพระพักตร์ อันเนื่องมาจากความเชื่อที่ว่า พระมหามัยมุนีนั้นมีชีวิต ต้องล้างพระพักตร์ให้ทุกเช้านั่นเอง
ผู้คนทยอยมาต่อคิวรอเข้าร่วมพิธี
ประตูลูกกรงเหล็กยังปิดอยู่
สุภาพบุรุษ ถ้ามาเร็วเชิญหน้าสุดได้เลยนะคะ ส่วนสุภาพสตรี เค้ากันให้นั่งข้างหน้าได้ไม่เกินจุดที่ถวายของไหว้เท่านั้นล่ะค่ะ นั่งรอซักพัก ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาเยอะแล้ว เมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่และพระผู้ใหญ่ ก็เปิดประตูลูกกรงเหล็กออกให้พวกเราได้ชื่นชมความงาม และสีทองอลังการของพระมหามัยมุนี ทั้งแบบตรงๆ และแบบผ่านจอมอนิเตอร์ ระหว่างพิธีชาวบ้านก็สวดมนต์ไปเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นบทสวดที่พวกเราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่อาจฟังดูแปร่งนิดๆ สำหรับพวกเรา (ตามสำเนียงพม่า) ต่างคนต่างสวดกันไปค่ะ แต่จะมาคล้องจองกันได้เอง ซึ่งก็ดูขลังและเต็มไปด้วยศรัทธามากมายจริงๆ ค่ะ
ประกอบพิธีล้างพระพักตร์โดยพระผู้ใหญ่
ผู้คนมากมาย ทั้งนักท่องเที่ยว และชาวบ้านท้องถิ่น มาด้วยศรัทธาจริงๆ
ภายในวัดสีทองอลังการมากมาย
จากนั้นก็พกความง่วงขึ้นรถกลับโรงแรมไป รับประทานอาหารเช้า เช็คเอาท์ และออกเดินทางไปสนามบิน เพื่อเดินทางสู่พุกามเป็นลำดับถัดไป
หนาวนี้ที่พม่า ตอน 1 - Mandalay
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น