มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

29 มกราคม 2560

มาดูปลา ตอน 2 (วาฬบรูด้า Bryde's Whale ณ อ่าวไทย)


ถัดจากทริปไล่ล่าตามหาโลมา ที่ทะเลเหนือหาดโลวีน่า บนเกาะบาหลี เมื่อช่วงหยุดยาวต้นเดือน พ.ค. มิสกะโปโลก็มีโอกาสได้มาดูปลาอีกครั้ง คราวนี้เป็นปลาวาฬตัวใหญ่ยิ่งกว่า แถมไม่ต้องไปไหนไกล อยู่ที่อ่าวไทยใกล้ๆ นี้เอง เป็นทริปสั้นๆ ไปเช้าเย็นกลับ หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้วสิ อ่าวไทยมีวาฬด้วยหรือ อิอิ … ก็มีสิคะ มีมากซะด้วย เพียงแต่เราอาจเพิ่งรู้ตัวกันเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ประเทศไทยพบวาฬและโลมาถึงเกือบ 30 ชนิด ทางฝั่งอันดามันซึ่งเป็นทะเลเปิดจะพบมากชนิดกว่าฝั่งอ่าวไทย ส่วนที่อ่าวไทยรูปตัว ก ตั้งแต่ปากแม่น้ำบางปะกง เจ้าพระยา ไล่เรียงไปถึงทะเลแถบเพชรบุรี ประจวบฯ มีวาฬชนิดหนึ่ง ซึ่งมีมากเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย จนเรียกว่าเป็นสัตว์ประจำถิ่นไปเสียแล้ว นั่นคือวาฬบูรด้า (Bryde’s Whale) หรือวาฬแกลบ นั่นเอง


ปกติวาฬบรูด้าซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง (เหมือนโลมา คือไม่ใช่ปลา) จะพบได้ในทะเลเขตอบอุ่นทั่วโลก ในประเทศไทยพบอาศัยอยู่มากที่อ่าวไทย โดยเฉพาะที่อ่าวรูปตัว ก หรืออ่าวไทยตอนบน วาฬบรูด้าถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จากการสำรวจของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คาดว่ามีมากถึง 5-60 ตัว และสามารถทำการจำแนกอัตลักษณ์ของวาฬแต่ละตัว จากจุดสังเกตุและ/หรือตำหนิตามจุดต่างๆ พร้อมตั้งชื่อให้แต่ละตัวอีกด้วย ตัวเมียเรียกขึ้นต้นว่า แม่ เช่น แม่สดใส ตัวไหนไม่แน่ใจ ก็เรียก เจ้า เช่น เจ้าศรีสุข เป็นต้น

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

แล้วทำไมวาฬบรูด้าถึงอาศัยอยู่ที่อ่าวไทยเป็นจำนวนมากขนาดนี้ล่ะ แสดงว่าอ่าวไทยต้องอุดมสมบูรณ์มากขึ้นเลยสินะ วาฬบรูด้าเค้าก็หากินของเค้าวนเวียนในอ่าวไทยไปเรื่อยๆ แหละ แต่จะมีช่วงปลายฝนต้นหนาว คือตั้งแต่ ต.ค. เป็นต้นไป ที่จะมีโอกาสได้พบมากเป็นพิเศษ (เรามากันวันหยุด 23 ต.ค.) เพราะน้ำฝนจะชะล้างและพาสารอาหารไหลลงสู่ทะเล แพลงตอนก็เจริญเติบโตได้ดี พอปลาเล็กปลาน้อยมารุมกินแพลงตอนแถวปากแม่น้ำ ปลาตัวใหญ่ก็ค่อยตามมา วาฬบรูด้าเองก็ด้วย อร่อยกันไปเป็นทอดๆ ตามไซส์ เข้าตำราปลาใหญ่กินปลาเล็ก แบ่งๆ กันไปตามวิถีธรรมชาตินั่นเอง

ออกทะเลจากตรงนี้แหละ

ท่าเรือทะเลบางขุนเทียนนี้เอง

ทะเลกรุงเทพฯ จริงๆ นะ

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

8 โมงนิดๆ ได้เวลากัปตันนำเรือออกจากฝั่งที่ท่าเรือแถบบางขุนเทียน (น่าจะเป็นท่าที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุดแล้ว) สมาชิกในเรือมีทั้งผู้ใหญ่ และเด็กตัวเล็กตัวน้อย ชาวต่างชาติทั้งฝรั่งและเอเชียก็มี เรือลำค่อนข้างใหญ่ใช้ได้ แต่ไม่วายโดนคลื่นลมทำเอาเมาได้อุตลุด สัญญาณเน็ตก็ไม่มี อยู่ว่างๆ มิสกะโปโลเลยหาเรื่องไปจับจองพื้นที่บนชั้น 2 นอนเล่นรับลมทะเลเย็นๆ ซะเลย บนชั้น 2 มีผ้าใบกางบังแดดให้ด้วย แต่ก็ยังกลิ้งไปกลิ้งมาหามุมหลบแดดที่ทะลุลงมาโดนตัวเป็นพักๆ … ออกทะเลมาได้ซักชั่วโมงนิดๆ กำลังเคลิ้มเลย เครื่องยนต์เรือก็เบาลง และเริ่มมีเสียงฮือฮา … วาฬบูรด้าตัวแรกโผล่ขึ้นมาให้เห็นแล้ว

ห่างไปประมาณเกือบๆ ร้อยเมตร ตรงจุดที่เห็นนกวนเวียนอยู่เยอะๆ นั่นแหละค่ะ หลังจากที่ไล่ต้อนฝูงปลามารวมกันได้ที่ เจ้าวาฬบรูด้าก็โผล่หัวตรงๆ ขึ้นมาเหนือน้ำ ตื่นเต้นๆๆๆ มันทิ้งปากล่างลงมากระแทกผิวน้ำกระจาย กลายเป็นอ่างน้ำขนาดยักษ์ที่มีปลาเล็กปลาน้อยเป็นร้อยๆ กระดึ๊งกระดั๋งอยู่ภายในนั้น ระหว่างนั้นนกนางนวลก็แฉลบขโมยปลาไปต่อหน้าต่อตา … เป็นระบบนิเวศน์ที่เกื้อกูลกัน จากท้องทะเลสู่ท้องฟ้าดีจริง แบ่งๆ กันไป … แป๊บๆ ก็หมดเวลาของนก วาฬบรูด้ายกปากล่างขึ้นมาปิดหงับ ปลาที่เหลือถูกกลืนลงคอ แล้ววาฬบรูด้าก็ค่อยๆ จมหายไปในท้องทะเลแบบสโลโมชั่น ก่อนจะโผล่ขึ้นมางับปลาซ้ำๆ อีกหลายครั้ง (เป็นวิธีกินที่แตกต่างจากวาฬบรูด้าที่อื่นๆ ที่กินปลาจากใต้น้ำ) และสลับกับพ่นลมหายใจ (บอกแล้วว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จึงต้องโผล่มาเหนือน้ำใช้ปอดหายใจมั่ง) ก่อนจะว่ายจากไปในที่สุด  

มาแล้วๆ ตัวแรก

ซูมได้แค่นี้แหละ อ้าปากละ นกเริ่มมา

แหงบๆๆ

อ้าปากกว้างๆ น้ำกระจาย

โชคดีมากเลยที่ออกเรือมาไม่นานก็ได้เจอแล้ว แถมตัวแรกตัวนี้กินโชว์ให้ดูหลายครั้งมาก ตากล้องทั้งหลายฮือฮากันมากทีเดียว นอกจากนี้ในช่วงที่วาฬบรูด้าอิ่มปลาเต็มท้อง ในระยะใกล้ๆ ตอนมันพ่นน้ำอาจได้กลิ่นปลาเน่าโชยมาตะหงิดๆ (ถ้าไม่ได้กลิ่นแสดงว่ายังไม่ได้กินอาหารเช้ามา) แต่มิสกะโปโลไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะพิสูจน์เรื่องกลิ่นนี้ได้ แล้วก็ไม่ได้อยู่ชมจนมันว่ายหายไปด้วย เพราะตอนดับเครื่องยนต์และจอดเรือล่องลอยตุ๊บป่องๆ เนี่ยละ ทำมึนได้มากมายเลยค่ะ ไม่ไหวละ ตัวนี้ดูพอแล้ว ขอกลับไปนอนกลิ้งท้ายเรือต่อดีกว่า

จะว่าไปเจ้าวาฬพวกนี้ไม่ค่อยกลัวเรือเท่าไหร่นะ แต่เรือก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้มากๆ ได้ เพราะมันอาจจะว่ายไปว่ายมา เสี่ยงต่อการชนกัน เป็นอันตรายทั้งต่อเรือและปลา กัปตันเรือที่มีประสบการณ์เยอะ จะระวังไม่พาเรือเข้าไปใกล้ตัววาฬมากเกินไป เรื่องที่จะไล่ล่าติดๆ แบบตอนไปดูปลาโลมาที่หาดโลวีน่า บาหลี นี่ยิ่งไม่มีเลย ทั้งนี้ยิ่งวาฬและโลมาเป็นสัตว์ที่สื่อสารโดยใช้เสียง ถ้าไม่ดับเครื่องยนต์ หรือวิ่งไปตัดหน้ามัน จะทำให้มันหวาดกลัวหรือแตกตื่นเอาได้ เรื่องพวกนี้ขอชมเชยว่า ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับ ททท. จัดฝึกอบรมให้ความรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้อง แก่ผู้ประกอบการและเจ้าของเรือ ได้ค่อนข้างดีถึงดีมากทีเดียว จึงทำให้พวกเราได้มาท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ ไม่รบกวนวิถีชีวิตตามธรรมชาติของพวกมันจนเกินไป 

ตัวนี้อิ่มไปหลายรอบละ นกเยอะเชียว

ใกล้หมดเวลาของนกแล้ว

จะหงับละนะ

หงับ

กัปตันพวกเราเก่งมาก หลังจากตัวแรกแล้ว แป๊บๆ ก็แกะรอยตามบรรดานก ตามไปเจอตัวที่ 2 ที่ 3 ได้อีก แถมยังจำชื่อได้ทุกตัวที่เจอด้วย แต่มิสกะโปโลก็มึนๆ เมาๆ ลุกขึ้นมาดูมั่งไม่ดูมั่งไปตามเรื่อง บางทีนอนๆ อยู่ก็เห็นวาฬบรูด้าว่ายมาทักทายที่ข้างเรือ ในระยะใกล้ชิดมากๆ ถือเป็นซีทพิเศษที่ได้นอนดูสบายๆ แบบ very VIP (บังเอิญแบบนี้กัปตันก็ต้องเบาเครื่องยนต์ลงด้วย) 

มื้อเที่ยงเรารับประทานอาหารกันบนเรือนั่นแหละ ซึ่งก็เป็นอาหารง่ายๆ ที่ทางเรือจัดให้ แต่บอกเลยค่ะ ท้องไส้ ณ เวลานั้นแทบไม่สามารถแตะต้องสารอาหารได้ เพราะมันทั้งมึนทั้งกวนวนจนได้ที่เลยน่ะสิ เลยเป็นทริปดูปลาแบบผอมๆ กันไป 555 

วนไปวนมาอยู่บนท้องทะเลอีกซักพัก จนบ่ายแก่ๆ จุใจกันเต็มที่ ทั้งทริปกัปตันบอกได้เห็น 6 ตัวแน่ะ และเตรียมหันหัวเรือพาพวกเรากลับขึ้นฝั่ง เด็กๆ แข็งแรงกันดีมาก ยังวิ่งเล่นได้สบายๆ ดูแล้วน่าอิจฉา ผิดกับมิสกะโปโลที่ตอนนี้หมดสภาพจริงจัง ช่วงขากลับมีสมาชิกมานอนเป็นเพื่อน ที่ใต้ผ้าใบชั้น 2 ท้ายเรืออีกหลายคน นอนกันไปเรื่อยเปื่อย จนถึงฝั่งก็ประมาณ 4 โมงเย็นนิดๆ 

มาอีกลำเป็นเพื่อนกัน ตากล้องอุปกรณ์ครบ ลำเล็กกว่าของเราตั้งเยอะ จะมึนมั้ยเนี่ย

โดยรวมถือว่าโชคดีมากที่ได้เห็นวาฬบรูด้าหลายตัว ไม่เสียเวลาวนหามากมายนัก (แม้ไม่ได้เห็นซักตัวกระโดดขึ้นมาตีลังกา 2 ตลบก็ตาม) และแม้จะนอนเสียสภาพอยู่บนเรือซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ภูมิใจในความสมบูรณ์ของทะเลอ่าวไทย และดีใจที่ได้มาเที่ยวในทริปที่ค่อนข้างใส่ใจและทะนุถนอมธรรมชาติ มีการเรียนรู้ที่จะไม่รบกวนวิถีชีวิตตามปกติของพวกมัน (จะไม่ชอบอยู่นิดก็ตรงเรื่องห้องน้ำในเรือนี่แหละ ที่ยังใช้วิธีฟลัชลงทะเลอยู่) ถือเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวตัวอย่างจริงๆ (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ dolphin watching ที่บาหลี โอว แม่เจ้า บ้านเราพัฒนากว่าเยอะเลย) … ทะเลก็สมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ก็ให้ความรู้อย่างเต็มที่ และผู้ประกอบการก็ให้ความร่วมมือ … หวังว่าบรรดาเจ้าวาฬบรูด้า จะสร้างครอบครัว มีลูกมีหลานเต็มบ้านหลังนี้ ให้อยู่กับพวกเราไปอีกนานแสนนาน

บล็อกถัดไป บินไปไกลถึงวาคายาม่า ประเทศญี่ปุ่น ดูทั้งวาฬและโลมาเลยนะคะ รอบนี้มีตีลังกากระโดดควงให้ดูด้วย ติดตามอ่านกันค่ะ :)

http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

มาดูปลา ตอน 1 (Lovina Beach, Dolphin Watching)
มาดูปลา ตอน 2 (วาฬบรูด้า Bryde's Whale ณ อ่าวไทย)
มาดูปลา ตอน 3 (Taiji Whale Museum วาคายามะ)

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น