My travel diary: สุราษฎร์ เขาสก 4D3N ตอน 2

ลั้นลากับเหล่าบรรดาฮีโร่ และนอนหลับเอาแรงเต็มๆ มาแล้วเมื่อคืนนี้ เช้านี้ขับรถมาส่งคืนที่สนามบิน ในสภาพพร้อมเที่ยวต่อแบบสุดๆ และรอรถตู้จากแพ็จเก็จ 3D2N มารับไปพร้อมกับลูกทัวร์คนอื่น เพื่อไปรับเอกสารเข้าพักกับบริษัททัวร์เล็กน้อย ก่อนออกเดินทางไปยังเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือชื่อพระราชทานคือ เขื่อนรัชชประภา ไฮไลท์สำคัญของทริปนี้ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาสกนั่นเอง

วิวสวยๆ เหนือเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือเขื่อนรัชชประภา

พนักงานต้อนรับ ของบริษัททัวร์

ก่อนขึ้นเรือมีเวลาให้ได้ชมวิวสันเขื่อน และเก็บภาพทีระลึกจากมุมสูงเล็กน้อย ซึ่งปลายปีแบบนี้ ถึงแม้แดดจะแรง แต่สภาพอากาศก็ไม่ร้อนอบอ้าวนัก ได้กรี๊ดกร๊าดกันแบบเต็มพิกัด

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

จากนั้นก็ได้เวลาขึ้นเรือที่ท่า และออกเดินทางโดยเรือหางยาว ซึ่งกว่าจะถึงยังที่พักบนแพ 500 ไร่ ก็ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่งแน่ะ ถือเป็นการเดินทางทางน้ำที่ค่อนข้างยาวนานทีเดียว แถมลมเย็นเหนือเขื่อนก็พัดมาทักทาย แร้ง แรง น้ำกระเซ็นกระซอนเปียกปอนตลอดทาง แบบที่ต้องเอาร่มมาแอบกาง เพื่อบังน้ำถาโถม แต่ก็ต้องระวังไม่ให้บดบังสายตากัปตัน ที่นั่งอยู่ด้านท้ายเรือด้วยเช่นกัน

เติมน้ำมันกันแบบนี้เลย

โหลดกระเป๋าสัมภาระขึ้นหัวเรือ

แบบว่าเปียกมาก ขอกางร่มแพร้บ ...

ระหว่างนั่งเรือชมวิวเหนือเขื่อน ก็ได้หยุดแวะชมจุดไฮไลท์สำคัญ เช่น เขาสามเกลอ เป็นต้น ขอบอกว่าสวยจริงจังเหลือเกินค่ะ unseen จริงๆ และเที่ยงกว่าๆ เมื่อมาถึงที่แพ 500 ไร่ ก็ได้เวลามื้อเที่ยงพอดี ซึ่งอาหารบนแพก็อุดมสมบูรณ์ดีเหลือเกิน อิ่มไป ชมวิวสวยเพลินๆ กันไป จากนั้นก็ใช้เวลาบนแพกันตามสไตล์ส่วนตัวค่ะ หรือถ้าใครมีแรงเหลือเฟือ ก็อาจเลือกซื้อกิจกรรมเสริม เช่น ไปชมน้ำตกแปดเซียน ถ้ำน้ำทะลุ ถ้ำปะการัง หรือล่องเรือชมวิถีสัตว์ป่าก็ได้ สำหรับมิสกะโปโลและผองเพื่อน แค่พายเรือคายัค และกระโดดน้ำเล่นรอบๆ แพ ท่ามกลางวิวสวย และลมเย็นแบบนี้ ก็สบายสุดๆ แล้ว (คนแถวนี้บอกว่า ถ้ามาช่วงหน้าร้อน จะไม่ชิลได้ขนาดนี้หรอกนะ 555)

เขาสามเกลอ

ถึงแล้ว ที่พักบรรยากาศ ดี๊ ดี

เจอกันอีกครั้งสินะ

ปลาเยอะมากๆๆ

อาหารพร้อมเสริฟ หิวพอดีเลย

กุญแจห้องพักก็ตัวนี้เลย

มีเรือคายัคประจำแพแต่ละหลังเลยค่ะ

แผนที่เขตอุทยานทั้งหมด

แล้วอยู่บนแพนี่ก็ไม่ต้องกลัว ว่าหิวแล้วลอยแพโดดเดี่ยวอยู่อย่างนี้ ไม่มีร้านสะดวกซื้อให้จับจ่ายอะไรได้เลย เพราะระหว่างมื้อ เค้ามีของว่างมาเตรียมไว้ให้พร้อม เล่นน้ำต่ออีกเล็กน้อย แป๊บๆ ก็มื้อเย็นอีกแล้ว เรียกว่าได้พักผ่อนจริงจัง กินๆ และนอนๆ กลิ้งไปกลิ้งมาสบายสุดๆ เลยค่ะ

ไม่มีหิวแน่

ไม่อ้วนให้มันรู้ไป

พายเรือชิลๆ

ว่ายน้ำก็สนุก

กระโดดเลย จ๋อม!

วิวยามเย็นสวยๆ

อีกวันถัดมา ก็ตื่นมารับอรุณแต่เช้าตรู่ รับประทานของว่างท่ามกลางไอหมอกที่ลอยเหนือน้ำสุดโรแมนติก แล้วนั่งเรือออกไปดูนก ชมหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นที่กลางเขื่อน ฟินไปเลยสิคะ คนขับเรือของพวกเราเช้านี้เล่าให้ฟังว่า บ้านเดิมของเค้าก่อนสร้างเขื่อน ก็เป็นสวนที่อยู่ข้างล่างใต้พื้นน้ำแถบนี้นี่แหละ และจากแต่ก่อนที่เคยขับรถด้วยความชำนาญเส้นทาง มาตอนนี้ก็เพิ่มเรื่องขับเรือได้อีก (ซึ่งก็ยังชำนาญทางอยู่เหมือนเดิม) ขากลับแวะส่องสัตว์ป่าเล็กน้อยจากบนเรือ ซึ่งก็พบเห็นทั้งหมูป่า ไก่ป่า และลิงค่าง ออกมาแสดงตัวแถบชายฝั่งบ้างเหมือนกัน

รับแสงอรุณ จากบนเรือที่กลางเขื่อนเลย

แม่หมูป่าพาลูกๆ มาหากิน

ลิงค่างก็มี

จากนั้นก็มื้อเช้าต่อเลยสิคะ เป็นมื้อสุดท้ายแล้วบนแพแห่งนี้ ก่อนจะเก็บข้าวของและโบกมือ บ๊าย บาย … ในรอบขากลับนี้ น้ำไม่เปียกปอนเท่าขามา (คือลมสงบกว่า) และก็ได้แวะชม กุ้ยหลินน้อย จุดชมวิวสำคัญเหนือเขื่อนอีกจุดหนึ่ง ก่อนจะมาขึ้นที่ท่าเรือ และเดินทางไปยังที่พักแรมแห่งใหม่ คือ ภูผาและลำธารรีสอร์ต นั่นเอง

ล่องเรือชมกุ้ยหลินน้อย

ถึงท่าเรือแล้ว เย้ เย้

ทำเลที่ตั้งของภูผาและลำธารรีสอร์ต มีภูเขาสูงโอบล้อมอยู่ด้านหลัง พร้อมด้วยโตรกธารใส ซึ่งก็ได้บรรยากาศสบายๆ ใกล้ชิดติดกับอุทยานแห่งชาติเขาสก ในอีกรูปแบบหนึ่ง

ภูผาและลำธารรีสอร์ต

แคนูเพลินๆ

กระโดดน้ำกันด้วย

ป่าเขา ธรรมชาติ สมบูรณ์จริงๆ

และถ้าแรงยังเหลือ ก็อีกเช่นเคย สามารถเลือกซื้อกิจกรรมเพิ่มเติม เช่น เดินป่าชมดอกบัวผุด หรือ เดินป่าเล่นน้ำตก เป็นต้น แต่มิสกะโปโล แค่ได้เพลิดเพลินไปกับวิวสวยๆ ในอ้อมกอดขุนเขาแบบนี้ก็ชิลสุดๆ แล้ว แถมแป๊บๆ 4 โมงเย็นก็ได้เวลาล่องเรืออีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเรือแคนู ที่จะพาลัดเลาะซอกเขาไปตามลำน้ำคลองศก ซึ่งบอกเลยว่า สุดยอดมากๆ ค่ะ ป่าแถวนี้สมบูรณ์ดีจริงๆ ทั้งพรรณไม้และสายน้ำ ร่มรื่นสุดแสนสบาย ให้ล่องแบบนี้ทั้งวันก็ไม่เบื่อ

สายหมอกรับอรุณ ท่ามกลางขุนเขา

ธารน้ำเล็กๆ ในยามเช้า

บ๊าย บาย ดินแดนในฝัน

เช้าวันสุดท้ายแล้ว ตื่นมาสัมผัสไอหมอกและสายน้ำกันอีกครั้งเล็กน้อย ก่อนที่แดดจะออก จนต้องขอหลบอยู่ในห้องแอร์ … รอรถมารับออกจากรีสอร์ตตอนบ่ายโมง แวะซื้อของฝากเล็กน้อยก่อนขึ้นเครื่อง และปิดทริปสุราษฎร์ เขาสก ดินแดนในฝัน มาเผชิญความจริงต่อที่กรุงเทพฯ นี้เอง 555