My travel diary: อุบลฯ จังหวัดเดียว เที่ยว amazing ได้ถึง 4 วัน - ตอน 1 (วัดเรืองแสง ผาแต้ม น้ำตกแสงจันทร์ ทุ่งดอกไม้ป่า)

เที่ยวเมืองไทยเนี่ยนะคะ ขนาดทริปร่มรื่นริมสายน้ำ ยังเลือกไปช่วงปลายปีที่อากาศดีๆ เลย ยิ่งถ้าเป็นทริปอีสานก็ยิ่งหายห่วง ไม่พ้น ธ.ค.-ม.ค. แน่นอนค่ะ ซึ่งจะว่าไปก็เป็นโอกาสที่ดีเหมือนกัน เพราะช่วงนี้วันหยุดยาวเยอะ จากกรุงเทพฯ เดินทางไปอีสานก็ไกลอยู่ เสียค่าเครื่องบินเดินทางทั้งที ต้องเที่ยวให้คุ้มหน่อย จริงมั้ยคะ

ณ ทุ่งดอกไม้ป่า น้ำตกสร้อยสวรรค์

ทริปนี้เลือกปักหมุดที่อีสานใต้ ณ อุบลราชธานีจังหวัดเดียวเลยค่ะ ตะลอนเที่ยวจากตัวเมือง และไล่เลียบฝั่งโขงขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งแค่ที่อุบลฯ จังหวัดเดียวนี้ ก็สามารถเที่ยวแบบ unseen ไม่มีเบื่อได้ถึง 4 วันเชียวล่ะ ไม่ต้องตะลอนเที่ยวเก็บพ้อยต์หลายๆ จังหวัดก็คุ้มได้เหมือนกัน ตามมาดูโปรแกรมของมิสกะโปโลกันเลยค่ะ

เที่ยวแบบไม่เหนื่อยจนเกินไปนัก ก็เลือกบินไฟลท์ขี้เกียจตื่นเช้า ตามสไตล์มิสกะโปโล แบบที่ลงเครื่องปุ๊บ ก็ชีพจรลงเท้าเตรียมหามื้อเที่ยงอร่อยๆ กันได้เลย จากนั้นก็เที่ยวตัวเมืองสักนิดสิคะ ไปกันที่วัดพระธาตุหนองบัว ที่ อ. เมืองนี้เอง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ สถาปัตยกรรมแนวผสมอันงดงามตามแบบอีสาน เพื่อสักการะพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่จำลองมาจากเจดีย์พุทธคยา และแวะชมต้นเทียนพรรษาแกะสลักขนาดใหญ่ ที่ทางวัดส่งเข้าประกวดเป็นประจำทุกปี และยังคงจัดแสดงไว้ประปราย

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

จากนั้นยิงยาว 100 กม. ไปทางตะวันออกถึงวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือชื่อเล่นคือ วัดเรืองแสง ใน อ. สิรินทร ซึ่งมีไฮไลท์ที่พระอุโบสถ ที่มีภาพจิตรกรรมต้นกัลปพฤกษ์บนผนังด้านหลัง ที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกฝั่งลาว เรืองแสงเป็นสีเขียวในยามค่ำคืน จากการที่สีเรืองแสงฟอสฟอเรสเซนซ์ คายพลังงานแสงที่สะสมมาตลอดในช่วงกลางวันนั่นเอง (นอกจากนี้ก็ยังเรืองแสงตามทางเดิน ที่ลงสีเรืองแสงแบบเดียวกันไว้ด้วย) ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป แต่ก็ควรมาถึงตั้งแต่ยังไม่มืดนัก เพื่อชมวิวลำน้ำโขงสวยๆ

วันที่ 2 จะตะลุยเที่ยวแบบเก็บแต้มกันแล้วนะคะ ต้องฟิตร่างกายมาดีนิดนึง อิอิ เริ่มจากผาแต้ม อ. โขงเจียม ซึ่งก่อนถึงประมาณ 3 กม. จะมี unseen เสาเฉลียงให้ได้ปีนป่ายขึ้นไปถ่ายรูปกันก่อน เป็นที่ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จึงทำให้จากเดิมที่ว่าจะแวะทักทายเพียงเล็กน้อย กลายเป็นอยู่ยาวเกินเวลาที่แพลนไว้เยอะเลยค่ะ 555

จากนั้นไปชมภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม แต่ด้วยแสงแดดที่สาดส่องเปรี้ยงๆ ผู้ใหญ่หลายคนขอหาที่หลบแดดรับลมโชยเย็นๆ แทนค่ะ เหลือแต่เด็กๆ ที่แรงดีเหลือเกิน ไปตะลุยกันได้ประมาณครึ่งทาง ถึงภาพวาดจุดที่ 2 ก็ย้อนกลับมาทางเดิมกันแล้ว (คือถ้าจะเดินให้ครบทั้ง 4 จุด จะค่อนข้างไกลมาก แถมแดดก็ซะขนาดนั้น ดูแล้วไม่น่ารอด 555)

วิวน้ำโขงสวยๆ จากผาแต้ม

ดูออกมั้ย รูปอะไร

อุณหภูมิจริงดังภาพ ถ้าไม่มีแดดเปรี้ยงๆ ตกใส่

ไปต่อกันที่ unseen น้ำตกแสงจันทร์ หรือชื่อเล่นคือ น้ำตกลงรู เพราะมันเป็นสายน้ำที่ซึมมาจากซอกหินด้านบน และไหลลงรูมาจริงๆ ตามรูป พวกเราไปถึงกันประมาณตอนเที่ยง ก็ได้เวลาพระอาทิตย์ตั้งตรงที่กลางรูพอดี แสงได้แต่น้ำน้อยไปหน่อยค่ะ (ก็หน้าแล้งนี่คะ)

ช่วงนี้น้ำน้อย

นี่เลยค่ะ ตกลงไปจากรู้ข้างบนนี้เองแหละค่ะ

ข้างบนตรงนี้เอง

ถัดจากนั้นก็ไปหามื้อเที่ยงแบบท้องถิ่นกินกัน แถบน้ำตกสร้อยสวรรค์ ซึ่งก็ไม่พ้นส้มตำไก่ย่าง แซ่บหลายเหลือเกิน แล้วไปเดินเล่นต่อ ที่ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกสร้อยสวรรค์ ซึ่ง ณ ช่วงเวลานี้ ดอกไม้ป่าธรรมชาติบานเต็มทุ่งสวยเลยค่ะ แต่ละพันธุ์มีชื่อพระราชทานด้วยนะ แต่ละชื่อก็เพราะๆ เช่น ดุสิตา สร้อยสุวรรณา ทิพเกสร มณีเทวา และทุ่งก็แสนจะกว้างมากมาย มีดอกไม้สวยตรึม แต่ไร้ซึ่งร่มไม้ค่ะ ต้องเดินท้าแดดแบบจัดเต็ม (เลือกมาเวลาเย็นขนาดนี้แล้ว พระอาทิตย์ก็ยังขยันเหลือเกิน) โชคดีได้เจ้าหน้าที่อุทยานมาพาเดินชม แม้จะเสียดาย แต่กระซิบขอเจ้าหน้าที่เลือกเส้นทางสั้นๆ ให้ก็พอใจแล้วค่ะ (จะละลายอยู่แล้ว 555)

ภูมิประเทศแปลกตา จากการฟอร์มตัวของเปลือกโลก ผ่านกาลเวลานับล้านๆ ปี

ทุ่งดอกไม้ป่าแห่งนี้ เดินทางมาได้ไม่ยาก และก็อยู่ในบริเวณน้ำตกสร้อยสวรรค์นี้เอง สามารถเดินไปชมน้ำตกได้ด้วย (แต่ตอนนี้ร้อนแดดมากมาย เบื่อน้ำตกแล้วด้วย ขอข้ามไปก่อน) เป็นคนละที่กับทุ่งดอกไม้ป่าดงนาทามนะคะ อันนั้นไปยากหน่อย ต้องอาศัยรถโฟร์วีล และคนขับชำนาญทางพาไป โดยสามารถติดต่อ อบต. บ้านนาโพธิ์กลาง ให้ช่วยหาคนให้ได้ค่ะ

ภูมิประเทศแบบนี้ unseen ไม่เหมือนที่อื่นนะคะ

ปิดท้ายวันด้วยวิวสวยๆ จากสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในภาคอีสาน และชมวิวแก่งตะนะ ดูพระอาทิตย์ตกเพลินๆ รับลมเย็นชื่นใจกัน แล้วมาต่ออีก 2 วันที่เหลือในบล็อกถัดไปนะคะ