มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

19 สิงหาคม 2560

ทริป UK - ตอน 6 Wales


มาถึงบล็อกที่ 100 ของ ทิปิจัง & มิสกะโปโล แล้วค่ะ เย้ๆๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะอึดได้ขนาดนี้ 555 บล็อกนี้เราอยู่กันที่แคว้นเวลส์ ทางฝั่งตะวันตกของเกาะอังกฤษ จะเขียนฉลองบล็อกที่ 100 นี้ให้ยาวๆ เลย เพราะบรรยากาศบ้านเมือง ป่าเขาต้นไม้และธรรมชาติในเวลส์ สวยประทับใจสมศักดิ์ศรีฤดู autumn สุดๆ ชอบมากเลยแบบนี้


แต่ชื่อเมืองอาจฟังดูแปลกๆ และออกเสียงลำบากจนมึนตึ๊บ เช่น เมืองต่างๆ ใน 2 วันเต็มที่มิสกะโปโลจะพาไปเที่ยวในบล็อกนี้ ได้แก่ Conwy (อ่านว่า คอ-นุย) Llanberis (แธง-เบอ-ริส) Betws-y-Coed (แบทิว-เซอร์-คอยด์ หรือสั้นๆ ว่า แบทิวซ์) และ Llangollen  (แธง-กอล-เลน) เวลาออกเสียงต้องม้วนลิ้นใส่จริตนิดนึง ถึงจะเนียน … กล้าพูด เพราะตอนไปเที่ยว มิสกะโปโลถึงขึ้นทนไม่ได้ ต้องอ้อนให้คน Welsh (เวลช์) ที่พบเจอตามร้านอาหาร ช่วยสอนออกเสียงให้ ซึ่งเค้าก็ใจดีติวให้จนเมื่อยลิ้นและปากเบี้ยวไปเลย 555

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

เมืองหลวงของเวลส์อยู่ทางใต้สุดของแคว้น ที่เมือง Cardiff (คาร์ดิฟฟ์) แต่มิสจะโปโลจะวนเวียนอยู่แค่แถวๆ ปราสาทและป่าเขาทางตอนเหนือ รอบๆ Snowdonia National Park เท่านั้นแหละ พอแล้ว (ก็มีแค่ 2 วันเองนิ) ในอดีตสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมอังกฤษ ก็ได้ถ่านหินกับเหล็กจากเวลส์นี้แหละเป็นกลจักรสำคัญ ในขณะที่ slate หรือหินชนวนที่มีอยู่มากมายในย่านนี้ ก็ส่งออกไปมุงหลังคาได้ทั่วทั้งยุโรปเลย (เด๋วจะพาไปเที่ยวเหมืองสนุกๆ กันนะคะ) ดินแถวนี้ให้เพาะปลูกก็ไม่ค่อยจะไหว สมัยก่อนคนเวลช์จึงเป็นได้แค่ชาวเหมือง (และหาของป่า เลี้ยงแกะ ทอผ้า) เรียกว่าจนเลยล่ะ จากนั้นก็ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนเป็นเมืองท่องเที่ยว จนมาปัจจุบันก็เจริญทั้งอุตสาหกรรมบริการและซอฟต์แวร์

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

เอาล่ะค่ะ อยากเที่ยวเวลส์เร็วๆ ซะแล้ว แต่ตอนนี้ยังอยู่ที่ Blackpool ครึ่งทางจาก North Lake District (ดูบล็อกก่อนหน้า) ยังอีกตั้งเกือบ 2 ร้อยกิโล กว่าจะเดินทางถึงปักหมุดแรกในเวลส์ คือเมือง Conwy เช้านี้ทั้งเช้าจึงหมดไปกับการขับรถเดินทางไกล และพอมาถึง Conwy ก็ได้เวลามื้อเที่ยงซะแล้ว เราเติมพลังด้วยอาหารท้องถิ่นของเวลส์ ที่อุดมด้วยชีสหนานุ่ม แล้วก็ได้เวลาสำรวจเมือง


บรรยากาศเขียวๆ ปนใบไม้ร่วงสีส้มทอง รอบกำแพงเมืองเก่า

The Smallest House in Great Britain เล็กจริงจังค่ะ

ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะวนๆ อยู่รอบปราสาท Conwy Castle และกำแพงเมืองเก่านั่นแหละค่ะ แถมด้วยพื้นที่แถบท่าเรือริมปากแม่น้ำ Conwy บรรยากาศดี๊ดี และยังเป็นที่ตั้งของบ้านที่เค้าเคลมว่า หลังเล็กที่สุดในอังกฤษ (the Smallest House in Great Britain) มีคุณป้าแต่งตัวเต็มยศ ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าบ้านเลย สังเกตุไม่ยากค่ะ

สีแดงๆ ที่เห็นในแผนที่ คือกำแพงเมืองเก่า ที่ล้อมรอบเมือง Conwy ริมฝั่งแม่น้ำ

วิวสวยๆ จากหอคอยที่สูงที่สุดบนกำแพงเมือง เห็นปราสาท Conwy ริมแม่น้ำอยู่ลิบๆ


เดินบนกำแพง เพลินมาก

จากนั้นก็ได้เวลาออกแรงปีนกำแพง พวกเราไต่ขึ้นจากหอคอยทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในบรรดาทั้งหมด (จากในเมือง จะมาถึงตรงนี้ได้ ก็ต้องออกแรงขึ้นเนินนิดๆ รอบนึงก่อนนะ) จากนั้นเดินชมวิวเพลินๆ บนกำแพง มุ่งหน้าไปทางทิศปราสาท เพลินมาก มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปลั้นลาได้ตลอดทาง แถมปีนกำแพงก็ไม่เสียตังค์ อิอิ จนมาถึงปราสาท ซึ่งถ้าจะเข้าก็ต้องซื้อตั๋วละ ดูๆ ก็น่าจะคุ้มอยู่ เพราะปราสาทใหญ่โตดูมีอะไรๆ เหมือนกัน แต่เวลานี่สิที่ไม่ค่อยจะมี 555 ก็เลยดูจากข้างนอกสวยๆ เท่านั้นพอค่ะ แวะถ่ายรูปริมแม่น้ำเพลินๆ อีกหน่อย แล้วไปต่อกันดีกว่า

มุมนี้ เต็มๆ กับปราสาท Conwy จากบนสะพานข้ามแม่น้ำ

จาก Conwy ขับเลียบชายทะเลไปทางตะวันตก ผ่านเมืองปราสาทอีกหลายแห่ง แต่ไม่แวะค่ะ หักเบ้ลงมาทางใต้ ลึกเข้าไปในแผ่นดินเลย ผ่านป่าเขาต้นไม้ ที่คุ้มกับบรรยากาศฤดูใบไม้ร่วงสุดๆ (นี่ขนาดยังไม่ถึงเขต National Park ก็ไม่ใช่สีส้มทองแห้งๆ แบบ North Lake District ในบล็อกก่อนหน้า) หลงรักเลยค่ะ จนมาถึง Llanberis ซึ่งเราจะไม่เที่ยวเมืองกันเลย ที่มาเมืองนี้เพราะตั้งใจมาแวะแค่จุดเดียว คือ National Slate Museum

วิวหน้าเหมือง อย่างว้าวๆๆ


เครื่องไม้เครื่องมือหนักๆ ภายใน National Slate Museum, Llanberis 

ดูวิวทิวทัศน์หน้าเหมืองสิคะ แค่นี้ก็เพลินสุดๆ แล้ว ถูกใจกะโปโลแก็งส์เป็นที่สุด แถมในส่วนของพิพิธภัณฑ์ ก็เข้าฟรีไม่เสียตังค์ (ศึกษามาแล้ว อิอิ เสียแค่ค่าจอดรถนิดเดียว) แม้ไม่มีกิจกรรมปีนป่ายตะลุยเหมืองแบบที่อื่น (เช่นที่ North Lake District ในบล็อกก่อนหน้า … แค่เก็บมาเล่าให้ฟังเท่านั้นนะ มิสกะโปโลไม่ได้ปีนเองหรอกค่ะ 555) แต่ก็มีเครื่องไม้เครื่องมือของจริง จัดแสดงให้ดูแบบฟรีๆ น่าสนใจมาก … สมัยก่อน ทำเหมืองงานหนักก็จริง แต่ได้บรรยากาศดีๆ แถวนี้ คงช่วยให้หายเหนื่อยได้บ้างล่ะนะ


ข้างในยังมีอีก สาระความรู้เพียบ

รถรางไว้เคลื่อนย้ายหินชนวนขึ้นลงเขา

ว่าจะแวะเที่ยวเมือง เก็บภาพสายน้ำสวยๆ ใน Beddgelert (แบธ-เจล-เอิร์ธ) แต่ก็ใช้เวลาไปกับเหมือง slate ซะนาน จนเย็นย่ำมากแล้ว (อยู่จนเค้าปิดพิพิธภัณฑ์ไล่เลยค่ะ อิอิ) และด้วยสภาพสังขาร ก็เลยตัดสินใจ skip เมือง Beddgelert ไป และตรงดิ่งไปยังที่พักในเมือง Betws-y-Coed ซึ่งบ้านพักและบรรยากาศรอบๆ ก็สวยอีกแล้ว (ขนาดมืดแล้วยังดูออก พรุ่งนี้จัดเต็มแน่เลย อิอิ) … สำหรับมื้อเย็นวันนี้ ได้เวลาควักมาม่าคัพรสต้มยำกุ้งออกมาซะแล้ว โปะด้วยแฮมจากซูเปอร์ใกล้เคียงเพิ่มโปรตีนนิดนึง ตัดรสชาติหน่อยค่ะ หลายวันแล้ว 555


บรรยากาศดี๊ๆ ละแวกที่พักของเราในเมือง Betws-y-Coed

เช้าวันถัดมา เลิศแบบที่คิดไว้เลย บรรยากาศแถวนี้ดีต่อใจสุดๆ มิสกะโปโลแก๊งส์เดินเล่นไฮกิ้งเลียบสายน้ำ เก็บภาพสวยๆ ของเมืองหน้าด่านสู่ Snowdonia กันจนสมใจแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายถัดไปในเมือง Betws-y-Coed

ไฮกิ้งกันเพลินเลย

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

ขับรถประมาณ 15 นาที ก็มาถึง Trefriw Woollen Mills ซึ่งเป็นโรงงาน พิพิธภัณฑ์ และร้านค้า ผลิตภัณฑ์วูลจากขนแกะค่ะ เดินชมได้ฟรีๆ (อีกแล้ว) ในทุกขั้นตอนการผลิต ตุนสาระความรู้ใส่สมองเพียบ สนุกดีนะคะ

ถึงแล้ว Trefriw Woollen Mills 






สาระความรู้ในทุกขั้นตอนการผลิตผ้าวูลจากขนแกะ

ส่วนหนึ่งของมุมน่ารักๆ ในบริเวณร้านค้า

จากนั้น ย้อนกลับไปตัวเมือง ซึ่งเป็นดาวน์ทาวน์เล็กๆ แถบสถานีรถไฟ (ซึ่งก็น่ารักเช่นกัน) หาสาระความรู้เล็กน้อยจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของ National Park (เอ๊ะ เหมือนวันนี้จะได้สาระเยอะนะ 555) และเติมพลังมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารแถวนั้น ชิลสุดๆ กันเต็มที่แล้ว ก็ชีพจรลงเท้าต่อเลยสิคะ


National Park Tourist Information ในเมือง เมือง Betws-y-Coed

จุดหมายถัดไป เป็นเมืองสุดท้ายแล้วในแคว้นเวลส์ คือ Llangollen ก่อนถึงตัวเมือง เราแวะเก็บรูป Valle Crucis Abbey เล็กน้อย (ซึ่งแถวนี้มีลานจอดรถบ้านใหญ่โต คงเป็นจุดแวะพักหลักแห่งหนึ่งของนักเดินทางไกล) แล้วค่อยเข้าเมือง ซึ่งตัวเมืองก็น่ารัก สวยใสด้วยสายน้ำ ดูแล้วชื่นใจ (อีกแล้ว) ดีไปหมดเลย เยี่ยมจริงๆ


โบสถ๋เก่าแก่เล็กๆ Valle Crucis Abbey ก่อนถึงตัวเมือง Llangollen 

ลานจอดรถบ้าน กับที่พักเป็นกล่องๆ 



บรรยากาศดีเหลือเกิน ภายในตัวเมือง Llangollen

ขับออกไปอีกนิด ตามป้าย aquaduct ก็ได้ไฮกิ้งกันอีกพอสมควร (ยังดีเป็นทางราบ) ชมสถาปัตยกรรมท่อส่งน้ำโค้งๆ แบบโรมัน ข้ามหุบเขาจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งไกลๆ ซึ่งถ้าขี้เกียจเดิน แถวนี้เค้ามีเรือไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยนะ (แต่สงสัยจะหมดเวลาให้บริการแล้ว แต่ละลำ นิ่งเชียว) ซึ่งคงมาส่งถึงแค่ตรงหน้า aquaduct เท่านั้นแหละ จากนั้นก็เดินเอาเองค่ะ สามารถเดินข้าม aquaduct ได้ด้วยนะ ทางคนเดินกับท่อส่งน้ำสร้างไว้ขนานกันเลย มีน้ำไหลอยู่จริงๆ ไม่ใช่แค่ของโชว์ บรรยากาศเหนือหุบเขาเลิศสุดๆ วิวข้างล่างเป็นทุ่งโล่งๆ ไว้เลี้ยงสัตว์ มองไปไกลๆ น่าจะมีแบบนี้อีกหลาย aquaduct เลยค่ะ เพลินจริงๆ  

เส้นทางไฮกิ้งสู่ Aquaduct เริ่มจากตรงนี้ เป็ดเพียบเลย

มีสะพานข้ามคลองเล็กๆ น่ารักเชียว

มีเรือด้วย แต่นิ่งเชียว สงสัยจะหมดเวลาให้บริการแล้ว

Aquaduct ข้ามหุบเขา ในบรรยากาศสีส้มทอง สวยมากๆ

เดินเล่นและโพสส์ท่าเก๋ๆ บน Aquaduct กันค่ะ

หมดเวลา 2 วันเต็มในแคว้นเวลส์แล้ว มีเวลาแค่นี้ก็เที่ยวได้แค่นี้แหละ แม้ไม่ได้เข้าไปลึกๆ ข้างในอุทยาน Snowdonia เลย แต่แค่ขอบๆ รอบๆ เท่านี้ก็ประทับใจสุดๆ แล้ว … จากนี้ไป เราจะกลับเข้า England ยิงยาวรวดเดียว 2 ช.ม. นิดๆ จิ๊บๆ สู่จุดหมายถัดไปในเมือง Warwick กันเลยค่ะ

รีวิวเส้นทางทริป UK ครั้งนี้ได้จากบล็อกนี้

http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

ทริป UK - ตอน 1 ลอนดอน
ทริป UK - ตอน 2 ยอร์ค
ทริป UK - ตอน 3 เอดินเบอระ
ทริป UK - ตอน 4 North Lake District, Buttlemere
ทริป UK - ตอน 5 North Lake District, Ullswater
ทริป UK - ตอน 6 Wales
ทริป UK - ตอน 7 วอร์ริค
ทริป UK - ตอน 8 คอทส์โวลส์
ทริป UK - ตอน 9 กลุ่มหินประหลาด (Stonehenge, Avebury, plus Bath)
ทริป UK - ตอน 10 The Making of Harry Potter : WB Studio Tour

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น