นั่งรถไฟไฮสปีดออกจากลอนดอน 2 ทุ่มพอดีเป๊ะ ถึงยอร์คที่ห่างออกไปทางเหนือ 200 ไมล์ (320 ก.ม.) ก็เกือบๆ 4 ทุ่มเลยสิคะ ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ยังต้องลากกระเป๋าตามหาโรงแรม (ดีที่โปรแกรมช่วงเช้าที่ลอนดอนไม่โหดนัก เลยยังมีแรงเหลือเฟือ) ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ตามหายากนักหรอกค่ะ จอง ibis ที่อยู่ห่างจากสถานีแค่เดินเท้า 600 เมตร (ตามแนวราบบน google map) เท่านั้นเอง เป็นโลเคชั่นที่มั่นใจว่าเวิร์คสุดๆ แล้ว (ทั้งไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ไม่ไกลทางเข้ากำแพงเมือง เที่ยวสะดวกไม่ต้องต่อรถ เดินเที่ยวเองได้สบายๆ เที่ยวเสร็จตอนเย็นเดินกลับโรงแรมไปรับกระเป๋าคืน แล้วขึ้นรถไฟไป Edinburgh ต่อ โอ้โห เวิร์คสุดๆ) … แต่โอวพระเจ้า ในความเป็นจริงนั้น โลกเราไม่ใช่ 2 มิติ จากสถานีกว่าจะถึงโรงแรม ทางลาดขึ้นตลอดเลยค่ะ ได้ออกแรงเรียกเหงื่อท้าลมเย็นตอนดึก คืนนี้หลับสบายเลย 555
York Minster
เอาล่ะค่ะ ตื่นเช้าวันถัดมาหน้าตาสดชื่นหายเหนื่อยละ เรามีเวลาทั้งวันถึงเย็นๆ ในการสำรวจเมืองยอร์คแห่งนี้ (ก่อนต้องขึ้นรถไฟรอบ 5 โมงครึ่ง เดินทางยาวต่อไป) แต่แค่เริ่มต้นที่หน้าประตูเมืองที่ใกล้ที่สุด คือ Micklegate Bar ก็บริโภคเวลาไปมากเสียแล้ว (โอว มันสวยคลาสสิคมากๆ เลยค่ะ) จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ Bootham Bar ซึ่งเป็นเกทที่เปิดให้ขึ้นไปบนกำแพงเมืองได้ ระหว่างทางก็ผ่านและเพลินไปกับบรรยากาศสบายๆ ที่ St. Mary's Abbey, Multangular Tower และ Exhibition Sq. ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆ ละแวกนั้นนั่นแหละ
ประตูเมือง Micklegate Bar บรรยากาศดีสุดๆ
เพลินๆ กับผู้คนแถบ St. Mary's Abbey และ Multangular Tower
รถบัส 2 ชั้นสีแดงแรงฤทธิ์ ที่ป้ายตรง Exhibition Square
เช้าๆ อย่างนี้แรงยังดีอยู่ เหมาะกับการปีนป่ายกำแพงเมืองเป็นที่สุด (ฟรีด้วย สบายกระเป๋าสตางค์) ก็เลยขึ้นไปตั้งแต่ที่เกท Bootham Bar เดินชมวิวบ้านเมืองน่ารักๆ จากมุมสูง (นิดนึง) ในวันอากาศดีๆ ของฤดูใบไม้สีส้ม จนไปสุดทางที่เกท Monk Bar ระยะทางเดินบนกำแพงประมาณ 500 เมตรกะๆ เอา แต่ก็เคลื่อนตัวเชื่องช้าเหลือเกินค่ะ เพราะหยุดถ่ายรูปลั้นลาได้ตลอดทาง (ก็วิวมันสวยนิคะ)
สนุกกับการปีนป่ายกำแพง
ไต่ลงจากกำแพงเมืองที่เกท Monk Bar (จริงๆ ก็ไม่ได้ไต่อะไรหรอกค่ะ เขียนเวอร์ไปนิด แค่เดินขึ้นลงบันได อิอิ แต่ทางแคบเล็กน้อยนะคะ ต้องทำตัวลีบๆ) เดินต่อมาอีกนิดก็ถึงใจกลางเมืองที่ York Minster ซึ่งเป็นมหาวิหารที่อลังการงานสร้างอีกเช่นเคย แต่ช่วงนี้อยู่ในระหว่างซ่อมแซม เลยได้เห็นนั่งร้านล้อมรอบเป็นหย่อมๆ (ค่าเข้า 10 ปอนด์ ขอดูแค่ข้างนอกก็พอค่ะ)
จะไปทางไหนดีน้าาาา
ซ่อมอีกแล้ว
จากนั้นมุ่งหน้าไปทางเมืองเก่า เพลินกับบรรยากาศร้านค้าครึกครื้นระหว่างทาง ได้ขนมติดไม้ติดมือ เดินไปชิมไปเล็กๆ น้อยๆ แถมด้วยกิจกรรมกลางแจ้งที่แถบ King Sq. ให้ชมเพลินๆ อีกด้วย จนมาถึง The Shambles ตรอกที่ให้บรรยากาศเหมือนฉากอะไรซักอย่างใน Harry Potter … ได้ฟิลตื่นเต้นอีกแล้ว อิอิ
มีแต่งคอสตูม และการแสดงต่างๆ ที่ King Square ด้วย
The Shambles เหมือนเดินในตรอก Diagon Alley นิดๆ มั้ย
ท้องเริ่มร้องนิดๆ แต่ขอแวะไปเก็บภาพสวยๆ ของ Clifford's Tower นิดนึงก่อน … เอาเข้าจริงใช้เวลาไม่นิดเลยค่ะ แม้ดูเหมือนไม่มีอะไร แค่ป้อมเก่าๆ นิดเดียว บนเนินหญ้าสีเขียวๆ แต่ก็ดูแปลกและเก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร นั่นแหละ แก๊งส์กะโปโลเลยได้โพสต์ท่าถ่ายรูปกันแบบไม่อายสายตาคู่ใดนานๆๆๆๆ เลย ก่อนจะยอมลงเอยกับมื้อเที่ยงค่อนข้างหรูเลยแหละ (เป็นอาหารฝรั่งเศสครั้งแรกใน UK … เปลี่ยนบรรยากาศมั่ง แซ่บหลายค่ะ)
Clifford's Tower
ฝนตกลงมาเสียแล้ว ให้ตายสิ อากาศบนเกาะอังกฤษนี่เดาใจไม่ง่ายเลย ท้องฟ้าในฤดูใบไม้ร่วงออกอาการอึมครึมได้ตลอดเวลา ดูไม่ค่อยออกว่าฝนจะตกลงมาเมื่อไหร่ โชคดีที่อยู่ในร้านอาหารเรียบร้อยแล้ว และพอฝนเริ่มซา ก็ไปต่อคิวรอเข้า Jorvik Viking Center ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้าวของ ที่ขุดค้นพบในยุคไวกิ้งที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ การนำเสนอนั้น ต้องบอกว่าโปรมากๆ เลยค่ะ เริ่มต้นก็นั่งรถเป็นคู่ๆ วิ่งไปตามรางเหมือนในสวนสนุก สาระความรู้จุดไหนต้องการให้เราได้ดูเป็นพิเศษ ก็บังคับทิศรถไปจ่ออยู่ตรงนั้นนั่นแหละ ทั้งมุมและองศา เป๊ะมากๆ
ถัดไปอีกนิด ก็ถึง Jorvik Viking Center แล้วค่ะ
วิถีไวกิ้งในอดีต
สุดทางก็เดินต่อเองอีกนิด จนมาถึงนิทรรศการที่ประทับใจสุดๆ คือการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก สร้างแบบจำลองชาวไวกิ้งในยุคอดีต จากสิ่งขุดค้นต่างๆ เช่นข้าวของเครื่องใช้ เศษซากกระดูก กระโหลก เป็นต้น ทำให้สามารถคาดเดาอายุ เพศ และข้อมูลต่างๆ ได้มากมาย แม้ฟังอย่างไม่ตั้งใจ ก็ได้ความรู้ติดเนื้อติดตัวกลับมาแน่นอน เป็นวิธีการปลูกฝังความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เข้าใจยาก ให้ง่ายขึ้นผ่านการจัดแสดงอันเนื้อชั้น ยอดเยี่ยมสุดๆ ยกให้ 10 ดาว เอาไปเลย
เที่ยวเหนื่อยแล้วค่ะ พอแล้ว ที่ตั้งใจไว้ว่ามีที่ไหนให้เที่ยวฟรีได้อีก เช่น Railway Museum ตัดทิ้งเลยค่ะ ไม่ไหวแล้ว ไปช้อบปิ้งในซูเปอร์ ตุนเสบียงสำหรับมื้อเย็นวันนี้บนรถไฟแทนดีกว่า ซึ่งก็เพลินไม่แพ้กัน อาหารประเภท ready meal มีให้เลือกหลายหลายสุดๆ วันไหนช้อบเพลินไม่เหลือตังค์เข้าร้านไปนั่งกินดีๆ เตรียมหาซูเปอร์ประทังชีวิตไว้ได้เลยค่ะ เวริ์คใช่เล่น ประหยัดด้วย
ชมบ้านเมือง ถามหาซูเปอร์มาร์เก็ต
บ้านเรือนหน้าตาแปลกๆ (มีโค้งเว้า แอ่นๆ ด้วย)
รีวิวเส้นทางทริป UK ครั้งนี้ได้จากบล็อกนี้
ทริป UK - ตอน 2 ยอร์ค
ทริป UK - ตอน 3 เอดินเบอระ
ทริป UK - ตอน 4 North Lake District, Buttlemere
ทริป UK - ตอน 5 North Lake District, Ullswater
ทริป UK - ตอน 6 Wales
ทริป UK - ตอน 7 วอร์ริค
ทริป UK - ตอน 8 คอทส์โวลส์
ทริป UK - ตอน 9 กลุ่มหินประหลาด (Stonehenge, Avebury, plus Bath)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น