มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

18 มกราคม 2563

#HappySwissTrip ตอน #1 – วางแผนใช้ Swiss Travel Pass ให้คุ้ม


ก็เพราะ #HappySwissTrip ทริปนี้ ได้ทำ VDO clip โพสต์ลงใน Facebook Page ไปหลายตอนแล้ว เลยขี้เกียจมากถึงมากที่สุด ที่จะเขียนบล็อกสิคะ แล้ว VDO มันก็ง่ายกว่าเขียนเยอะเลย แถมยังสรุปเรื่องราวยาวๆ ได้ภายในไม่กี่นาทีเท่านั้น ยิ่งง่ายเข้าไปอีก ... แต่ แต่ แต่ เรื่องราวดีๆ รวมถึงเทคนิค และเคล็ดลับเด็ดๆ อีกมาก มันส่งผ่าน VDO ได้ไม่ครบหรอกค่ะ ... จนเวลาผ่านพ้นมาเกือบจะชนรอบอีกครั้ง และทริปใหม่กำลังจะเริ่มต้นแล้ว ... ถ้าไม่เคลียร์ตอนนี้ ดินพอกหางหมูยาวแน่นอน ... จึงได้ฤกษ์สลัดความขี้เกียจทิ้ง แล้วเปิดคอมฯ มานั่งเขียนๆๆ นี่งัยคะ


จริงๆ แล้วประเทศสวิสฯ นี้ก็ไปมาหลายรอบแล้วเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะแจมๆ ไปไม่กี่วันรวมกับทริปยุโรปประเทศอื่น เพิ่งจะรอบนี้แหละที่มิสกะโปโลจะไปจัดเต็มเฉพาะสวิสฯ เท่านั้นถึง 7 วันเต็ม (วันสุดท้ายอยู่ Geneva แป๊บเดียว ไม่นับละกัน) ตั้งใจจะขึ้นเขากันให้พรุนไปเลยทีเดียว ซึ่งทริปแบบนี้ซื้อ Swiss Travel Pass 8 วันไป จะเที่ยวได้เยอะจุใจกว่า (คือ จะได้ไม่แอบงก แล้วหาเรื่องตัดนู่นนี่ออกระหว่างทางงัย 555)

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

อีกทั้งรอบนี้เรายังตั้งใจมาเที่ยวงานเทศกาล Zurich Spring Festival หรือ Sechseläuten festival ที่จัดขึ้นที่ซูริคโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์อันดับหนึ่งของทริปนี้เลยก็ว่าได้ (คือเล็งมาหลายปีแล้ว) ก็เลยจะปักหลักที่ซูริคนานหลายคืนหน่อย ... แต่ระดับมิสกะโปโลแล้ว ก็ยังมั่นใจได้ว่า Swiss Travel Pass ที่สอยมาแล้วนี้ในราคาแสนแพง ... จะไม่เหงาแน่นอน

มีเวลาตั้ง 7 วันเต็ม เราเลือกขึ้นเขาซัก 3 ลูกก็แล้วกัน ซึ่งส่วนใหญ่ Swiss Travel Pass จะใช้ขึ้นรถไฟไต่เขา กระเช้า หรือขนส่งสาธารณะสำหรับขึ้นเขาอื่นๆ ได้ฟรี ยกเว้นเขาบางลูกดังๆ ที่ไม่ฟรี แต่ก็ยังได้ส่วนลดมากถึง 25-50% ไรงี้ ... มิสกะโปโลเล็งๆ เขาลูกที่ต้องเสียตังค์เพิ่มไว้หลายที่เลยค่ะ เช่น Matterhorn, Glacier 3000 และ Jungfrau แต่สุดท้ายก็เลือกไปแบบเสียตังค์ลูกเดียว คือ Matterhorn เพราะรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ระดับโลโก้ของ Paramount Picture งัยคะ ถึงจะเคยไปมาแล้วก็ยังอยากไปอีก ... ส่วน Glacier 3000 ที่ไม่ไปก็เพราะมันผิดฤดูกาลค่ะ อยากไปเล่น Alpine Coaster ที่นั่นซะเหลือเกิน แต่ช่วงเวลาที่เราไป คือช่วงสงกรานต์ ยังถือเป็น winter ซึ่งเร็วไปก่อนที่เค้าจะเปิดให้บริการ ... คือถ้าไปแล้วอดเล่น ตัดทิ้งไปเลยดีกว่า ... และ Jungfrau ซึ่งเป็น Top of Europe ดูๆ ไปก็แพงเกินค่ะ ยิ่งถ้าขึ้นไปอยู่บน top แล้วไม่เห็นว่า top มีรูปร่างหน้าตาเป็นยังงัย เราเลือกไปอีกลูกหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ คือ Schilthorn ซึ่งนอกจากจะฟรีแล้ว ข้างบนยังมี 2 สถานีให้เที่ยว (หนึ่งในนั้นคือ Piz Gloria ซึ่งมี Bond World 007) และเมื่อขึ้นไปถึงข้างบนแล้วได้เห็นว่าหน้าตาของ Jungfrau, Top of Europe เป็นยังงัย น่าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มกว่า

ส่วนอีก 2 ลูกของฟรีที่เราเลือก ก็คือ Mount Rigi ฉายา Queen of Mountains เป็นออร์เดิร์ฟชิลๆ ในวันแรก และ Schilthorn อย่างที่บอกไปแล้ว ... ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอีกหลายลูกที่ขึ้นฟรีด้วย Swiss Travel Pass และกระเช้าหรือรถไฟก็ไม่เหมือนใคร น่าขึ้นมากมาย เช่น เป็นกระเช้าแบบเปิดประทุน ไรงี้ ... แต่คือ ผิดฤดูกาลงัยคะ กระเช้าหรือรถไฟที่เสี่ยงๆ แบบนั้น หน้าหนาวเค้าปิดหมดค่ะ เลยตัดทิ้งหมดเลย ฮือๆๆๆ

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะนอกจากขึ้นเขาแล้ว ในเมืองก็สนุกและมีที่น่าเที่ยวอีกเพียบ อีกทั้งพิพิธภัณฑ์ที่แต่ก่อนไม่เคยคิดจะเข้า มาตอนนี้มี Swiss Travel Pass (ซึ่งถือเป็น Museum Pass ในตัว) ในมือแล้ว ของฟรีก็จะเริ่มน่าสนใจมากขึ้น (แล้วพอได้ไปจริงๆ ก็รู้เลยว่า โอ้วววว มันเลอค่ามาก)

และนี่ก็คือเส้นทางเที่ยวที่ไปมาแล้วใน 7 วันเต็ม คอนเฟิร์มว่าทำได้จริง ซึ่งมีปรับเปลี่ยนไปจาก original เดิมที่วางไว้เล็กน้อย เพราะเรา flexible ไปตามสภาพอากาศ ความขี้เกียจ และความเหนื่อยล้าค่ะ

Day 1 – เครื่องถึงตอนเช้า เข้าเมืองเช็คอินโรงแรมเรียบร้อย ก็เดินทางไป Mount Rigi จากนั้นล่องเรือไป Luzern ต่อ กลับมาพักที่ Zurich
Day 2 – ไป Caumasee แต่เช้า และบ่ายกลับมาซูริคเพื่อร่วมงาน Sechseläuten festival (children parade) เวลายังเหลือให้ไปเข้าชม FIFA Museum ได้อีก
Day 3 – ช่วงเช้าไปเที่ยวเมือง St. Gallen บ่ายกลับมาซูริคเพื่อร่วมงาน Sechseläuten festival แบบจัดเต็ม และพักที่ Zurich เป็นคืนสุดท้าย
Day 4 – เช็คเอาท์และออกเดินทางไปเมือง Zermatt ขึ้นเขา Matterhorn เล่น toboggan run กันสนุกเลย
Day 5 – เดินทางจาก Zermatt มายังกรุง Bern เมืองหลวงของสวิสฯ เที่ยวง่ายๆ แถวนั้นก็มันและเหนื่อย (มาก) แล้ว
Day 6 – วันนี้อากาศไม่ดี สลับโปรแกรมของอีกวันมาอยู่วันนี้แทน เลยได้เที่ยว 4 มิวเซียมใน 1 วันเต็ม ทั้งที่เมือง La Chaux-de-Fonds และ Bern
Day 7 – อากาศดีกว่าเมื่อวานหน่อยๆ ไปเสี่ยงดวงที่ Schilthorn และกลับมาพักที่กรุงเบิร์น ก่อนจะออกเดินทางสู่เจนีวาในวันรุ่งขึ้น

Booking.com

สรุป #HappySwissTrip ทั้งทริปนี้ นอกจากนั่งรถไฟข้ามเมืองจนพรุน ยังขึ้นเขาอีก 3 ลูก (ฟรี 2, ครึ่งราคา 1) และเข้าชมมิวเซียม (หรืออื่นๆ ที่ต้องมีตั๋วเข้า ถือว่าเท่าเทียม) ฟรีไปอีก 9 ... นี่ขนาดปักหลักอยู่ซูริคนิ่งๆ ตั้ง 3 คืนเลยนะ ... จะคุ้มไปไหน 555


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    


https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com


http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น