เอาล่ะค่ะ ดื่มด่ำกับ 2 ศาสนสถานสำคัญของฮินดูและพุทธไปเต็มอิ่ม ตั้งแต่บล็อกก่อนแล้ว แถมด้วย Borobudur Sunrise อันสุดแสนประทับใจเมื่อเช้านี้อีก ตอนนี้ราชรถ VIP มาจอดเทียบแล้ว เพื่อรับพวกเราเดินทางต่อไปยังเมืองยอกยา ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญเมืองหนึ่งของอินโดนีเซีย เนื่องจากเป็นอดีตเมืองหลวงเก่า และหลังประกาศเอกราชก็ได้รับฐานะเป็นเขตปกครองพิเศษ โดยใช้ระบบสุลต่าน เพียงแห่งเดียวของอินโดนีเซียจวบจนทุกวันนี้ ถือเป็นอู่วัฒนธรรมของชวาเลยก็ว่าได้ (พิสูจน์มาบ้างแล้วจากพรัมบานัน และบุโรพุทโธ) อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Gadjah Mada ตั้งอยู่ที่ยอกยานี้ด้วย
โดยโปรแกรมวันนี้จะค่อนข้างชิลๆ เพราะมีสถานที่ๆ แบบว่า มาทั้งทีก็แวะซักหน่อยเพียง 2 แห่งเท่านั้น ได้แก่ พระราชวังสุลต่าน (Sultan Palace) และปราสาทน้ำตามันสรี (Taman Sari Water Castle) จากนั้นก็เป็นเวลาฟรีสไตล์ของเหล่ากะโปโลตะลุยเที่ยวกันเองละ โดยเราเลือกโรงแรมอยู่ในโซนใกล้ๆ กับถนนมาลิโอโบโร่ (Malioboro St.) อันสุดจะคึกคัก แล้วปล่อยให้คนขับรถกลับบ้านไปพักผ่อนซะแต่หัววัน เพื่อเตรียมพาพวกเราเดินทางไกล (มากๆ) ในวันรุ่งขึ้น
ที่พระราชวังสุลต่าน Sultan Palace, Yogyakarta
การแสดงฟ้อนรำศิลปะประจำชาติที่พระราชวังสุลต่าน
อาคารพิพิธภัณฑ์ด้านในสุดหลังนี้ติดแอร์เย็นฉ่ำชื่นใจ
เริ่มต้นที่พระราชวังสุลต่าน ซึ่งเป็นที่ประทับของสุลต่านยอกยาตั้งแต่อดีต (แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ได้ประทับอยู่ถาวรแล้วก็ตาม) จึงมีบางส่วนที่กันไว้ไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินเตร็ดเตร่เข้าไปชมโดยพลการ พระราชวังนี้สร้างขึ้นแบบสถาปัตยกรรมชวาผสมดัชต์ ภายในมีสิ่งก่อสร้างหลายหลัง มีห้องนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของเมือง ของล้ำค่า และข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ต่างๆ รวมถึงเครื่องดนตรีพื้นเมือง และเวทีการแสดงสด เอาใจนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราจริงๆ
จากนั้นไปต่อกันที่สระว่ายน้ำของสุลต่าน ที่ปราสาทตามันสรีกันเลยค่ะ ความรู้สึกแรกที่มาถึงที่ด้านหน้า บอกได้เลยว่า ปราสาทสถาปัตยกรรมยุโรปอะไรเนี่ย เก่าจัง และพอเข้าไปข้างในก็เก่าจริงจังเลยแหละค่ะ สระน้ำดูไม่น่าว่ายเลยแม้แต่น้อย ได้ยินว่าปราสาทแห่งนี้ใช้งานจริงในอดีตอยู่ช่วงหนึ่ง ประมาณ 50 กว่าปี จากนั้นก็ได้รับผลกระทบจากช่วงสงครามโลกมั่ง แผ่นดินไหวมั่ง จนบางอาคารก็พังลง และระบบระบายน้ำมีปัญหา ภายหลังมีความพยายามที่จะฟื้นฟู แต่การบูรณะก็ค่อนข้างยากอยู่เกี่ยวกับระบบไฮโดรลิกนั่นเอง ... ทั้ง Sultan Palace และ Taman Sari Water Castle นี้ ค่าเข้าชมเพียง 40 และ 20 บาทเท่านั้น (ของมิสกะโปโลรวมในแพ็จเก็จแล้ว) มีเวลาลองแวะไปชมกันนะคะ ถือว่าสนับสนุนให้ทำนุบำรุงโบราณสถานกันด้วยค่ะ
บรรยากาศด้านหน้า Taman Sari Water Castle ดูเก่าตะไคร่ขึ้นเล็กน้อย
พยายามหามุมที่ถ่ายรูปแล้วดูดีกันสุดฤทธิ์ 555
ถัดมาได้เวลามื้อเที่ยงแล้วสินะ มื้อนี้เข้าภัตตาคารจัดเต็มกันเลย แล้วต่อด้วยกาแฟลูวัค (Kopi Luwak) หรือกาแฟขี้ชะมดที่สุดแสนจะไฮโซ โดยถิ่นกำเนิดของกาแฟลูวัค ก็อยู่ที่เกาะชวาและบาหลีนี้เอง ในยุคอาณานิคมที่ดัทช์ปกครองอินโดนีเซีย มีการนำกาแฟมาปลูกในพื้นที่แถวนี้ แต่สงวนสิทธิ์ไว้ให้แค่ชาวดัชท์เท่านั้น ต่อมาชาวเมืองท้องถิ่นค้นพบว่า ชะมดพันธุ์พื้นเมืองนี้เอง เมื่อกินผลกาแฟเข้าไปแล้ว จะอึออกมาเป็นเม็ดกาแฟ ไม่โดนย่อย ซึ่งพอนำมาคั่วและบดจะให้กลิ่นหอมกรุ่นพิเศษเฉพาะตัว กลายเป็นผลิตภัณฑ์พื้นเมืองไฮโซขึ้นชื่อ ที่แม้แต่ชาวดัทช์เองก็ชื่นชอบด้วย … มาถึงถิ่นทั้งที เจอชะมดตัวเป็นๆ อยู่ในกรงเช่นนี้ ขอชิมอึตัวเองหน่อยนะ … แหม ชื่นใจซะจริง
พนักงานหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก
กาแฟลูวัคพันธุ์พื้นเมืองและไฮโซ
ตอนนี้อิ่มแล้ว กาแฟขี้ชะมดก็ดื่มแล้ว มีแรงไปเดือนช้อบปิ้งต่อละ ตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินแล้ว พี่แอร์คนสวยแนะนำมาว่า ถ้าจะซื้ออะไรให้ซื้อที่ยอกยานี้เลย เพราะอะไรๆ ก็ถูก ซึ่งถ้าไปถึงบาหลีแล้ว จะไม่มีทางได้เจอถูกและคุ้มแบบนี้อีกเลย มิสกะโปโลแอนด์เดอะแก๊งส์เชื่อสนิทใจเลยค่ะ พวกเราพากันไปเดินเล่นบนถนนย่านการค้า แหล่งจับจ่ายใช้สอยที่นักท่องเที่ยวนิยมที่สุดในยอกยา ได้แก่ ถนนมาลิโอโบโร่ (Malioboro St.) ที่คลาคล่ำด้วยผู้คน และสินค้าพื้นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อยืดเพ้นท์ลายที่เกี่ยวๆ กับอินโดนีเซีย ของที่ระลึก ผ้าบาติก และอาหารต่างๆ คว้าติดไม้ติดมือได้มาคนละชิ้น 2 ชิ้นพอตุงๆ กระเป๋า ในราคาไม่แพงเลยจริงๆ นอกจากนี้ยังมีรถม้าไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ผ้าบาติกสีสันและลวดลายสดใสของที่นี่ ที่ขายตามแผงๆ ต่างๆ มั่นใจได้เลยว่าเกือบทั้งหมดเป็นของทำเทียม ส่วนที่เกรดดีขึ้นมาหน่อยต้องในร้านขายผ้าค่ะ เค้าตัดขายกันเป็นเมตรๆ เทียมรึป่าวก็ไม่ค่อยจะมีความรู้เท่าไหร่ แต่สัมผัสเนื้อผ้าแล้วก็น่าจะใช้ได้อยู่ ซึ่งซื้อเสร็จก็ต้องไปหาช่างตัดช่างเย็บกันต่อเอาเองนะ สำหรับผู้ที่สนใจกรรมวิธีผลิตผ้าบาติกแบบจริงจัง นอกจากร้านขายผ้าบาติกขนาดใหญ่ ที่มักเน้นให้นักท่องเที่ยวได้ดูสาธิตนิดๆ หน่อยๆ แล้ว ถ้ามีเวลาก็แนะนำให้ลองแวะชมศูนย์พัฒนาบาติกแห่งยอกยาการ์ตาดูนะคะ (มิสกะโปโลไม่เคยไปเองหรอกนะ ได้ยินเค้าว่าต่อๆ มาอีกที)
ร้านนี้ผ้าบาติกสีสันสดใสบาดตาจริงๆ
ต่อราคากันอย่างเมามัน
ป.ล. อ่านเพิ่มเติมบล็อกนี้ของ Mthai นี้ค่ะ เพลินเลย ได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสนุกดี ไม่เหมือนที่อื่น มีตำนานสนุกๆ เกี่ยวกับพรัมบานัน และบุโรพุทโธด้วยล่ะ ความรู้ดีๆ ในโลก Internet มีให้หาอ่านเยอะมาก ... บอกแล้วไกด์ไม่ต้อง ขอถ่ายรูปอย่างเดียว 555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น