มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

16 กุมภาพันธ์ 2562

ทริปยุโรปตะวันออก ตอน #4 – Hallstatt


ออกจากบราติสลาวาประมาณบ่าย 3 นิดๆ เราก็บึ่งรถ 330 ก.ม. ข้ามพรมแดนสโลวาเกีย-ออสเตรีย ... ซึ่งพอข้ามประเทศปุ๊บ สภาพถนนดีขึ้นทันตา (ถนนที่สโลวาเกียไม่ได้แย่นะ แต่ถนนออสเตรียเนี้ยบกว่าจริงๆ) ... มาถึงที่พักแถบทะเลสาบ Ebensee ประมาณเกือบทุ่มนึง ซึ่งจาก Ebensee นี้ถ้าขับรถไปอีกเกือบๆ 40 ก.ม. ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็จะถึงสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง Hallstatt แล้ว แต่การที่พวกเรามาพักกลางทางแบบนี้ ก็ช่วยย่นระยะทางให้คนขับได้เหนื่อยน้อยลงหน่อย แถมยังได้ที่พักดีๆ ในราคางดงาม ไม่แพงเวอร์เทียบกับที่ Hallstatt และมีที่จอดรถที่โรงแรมด้วย ไม่ต้องกระเต็งลากกระเป๋าไปไกลๆ โดยเฉพาะในยามมืดค่ำแบบนี้

View point @Worlk Heritage Skywalk, Hallstatt

เช้าวันรุ่งขึ้น เก็บของเช็คเอาท์เรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางสู่ Hallstatt ซึ่งที่จอดรถที่ Hallstatt จะมีอยู่ 2-3 แห่งค่ะ (ถ้ามาค้างแถวนี้ก็ต้องหาที่จอดตามลานเหล่านี้เช่นกัน) เราเลือกจอดที่ลาน P2 ที่อยู่ใกล้กับสถานีเคเบิ้ลคาร์ จากนั้นก็เริ่มภารกิจแรก คือเหมาตั๋วคอมโบเคเบิ้ลคาร์กับเหมืองเกลือเป็นแพ็คคู่ (เพราะตั้งใจไปทั้งคู่อยู่แล้ว ซื้อแยกจะแพงกว่า) โดยที่เคเบิ้ลคาร์ก็เพื่อขึ้นไปชม view point สวยๆ จาก World Heritage Skywalk ส่วนเหมืองเกลือถ้าจะขับรถไปก็ได้อยู่นะ (ก็อ้อมเขาหน่อยๆ) แต่ถ้าอุตส่าห์ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ไปทั้งทีแล้ว เดินไปก็สะดวกดี ได้ไฮกิ้งและชมวิวสวยๆ ด้วย

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

Booking.com

ไป Top of Hallstatt กันค่ะ

ด้วยเคเบิ้ลคาร์ไต่เขานี้ละ

มีรางเดียว ถ้าขึ้นลงพร้อมกัน ต้องมาหยุดรอกันตรงจุดสลับรางค่ะ

ขึ้นเคเบิ้ลคาร์มาถึงข้างบนเรียบร้อย ก็ได้เวลาแชะๆๆ กับวิวสวยๆ สิคะ ซึ่งที่ skywalk นี้เที่ยวฟรีไม่เสียตังค์เพิ่มแล้ว แต่น่าเสียดายว่าแสงแดด ณ เวลานี้สะท้อนยิบยับรุนแรงเหลือเกิน ถ่ายรูปมาก็ดูจะฟุ้งๆ นิดนึง

แสงแดดแยงตามาก

แต่ก็โพสต์ได้

อีกมุมสวยๆ แบบฟุ้งๆ

ไปดีกว่า

จากนั้นก็ออกแรงไฮกิ้งขึ้นเขา ชมวิวสวยๆ ไปเรื่อย จนถึงเหมืองเกลือ หรือ saltmine ซึ่งแถบนี้มีหลายแห่งมาก แต่ในออสเตรียเค้าว่าที่ Hallstatt นี้ละเก่าแก่ที่สุดแล้ว เปิดให้เข้าถึงแค่ 2:30pm เท่านั้น (เรื่องเหมืองเกลือแถบเทือกเขาแอลป์นี้ เคยเขียนเล่าไว้แล้วในบล็อก Berchtesgaden แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมันค่ะ สนุกสุดๆ เช่นกัน) และข้างในก็ถ่ายรูปได้ด้วย (ที่ Berchtesgaden ไม่ยอมให้ถ่ายรูป ต้องฝากกล้องตัวใหญ่ๆ ไว้ในล็อคเกอร์ตั้งแต่ก่อนเข้า) แต่ขาเข้าเหมืองนี่สิคะ ให้เดินเข้าไปเอง แล้วค่อยนั่งรถไฟออกมา (ที่ Berchtesgaden ได้นั่งรถไฟทั้งขาเข้าขาออก) ไม่มีเรือล่องทะเลสาบใต้เหมืองเหมือนที่ Berchtesgaden แต่มีดีกว่าตรงที่ได้ลื่นสไลเดอร์ถึง 2 รอบ คือรอบแรกสั้นๆ แค่ซ้อม พอมารอบ 2 เนี่ยยาวมาก มีวัดสปีดและถ่ายรูปให้ด้วย สนุกกันใหญ่เลย เค้าขายรูปละ 5 ยูโร แก๊งส์เราไปต่อเค้า 4 ใบ 15 ยูโร ก็ได้มาง่ายๆ ... เอ๊ะ สงสัยจะต่อน้อยไปหน่อย อิอิ

เปลี่ยนเป็นชุดคนงานเหมือง หรือชุดนักโทษ?

เดินเข้าไปกันเองรึ แหม

สไลเดอร์รอบซ้อมมือ

ฟังบรรยายในถ้ำ

นั่งรถไฟออกมาสู่โลกภายนอก

4 ใบ 15 เร่เข้ามาๆ มีวัดสปีดให้ด้วย

เก็บไว้เป็นที่ระลึกนิดนึง

พักเหนื่อยมุมนี้ก็สวย

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

หลังจากสนุกสุดเหวี่ยงก็ได้เวลามื้อเที่ยงแล้ว เราไฮกิ้งกลับมาทางเดิม เก็บตกรูปสวยๆ ตรง view point เพิ่มอีกหน่อย (แต่แสงแดดยังแสบตาเหมือนเดิม ว้า) แล้วก็นั่งเคเบิ้ลคาร์ลงมา หาร้านอาหารติดทะเลสาบชมวิวสวยๆ ไป กินข้าวเที่ยงเพลินๆ ไป จากนั้นก็ได้เวลาสำรวจเมืองแล้ว ซึ่งเที่ยวไม่ยากเลย เพราะเมืองเล็กนิดเดียว ถนนสายหลักมีอยู่สายเดียว วิวสวยๆ ทั้งนั้น ทั้งบ้านเรือน และรอบทะเลสาบ … แต่ถ้าจะให้ได้มุมมหาชนสวยๆ แบบในโปสการ์ด ต้องเดินขึ้นเนินไปนู่นเลย จะเจอคนเยอะเป็นพิเศษออกันอยู่ริมถนน เนื่องจากที่สวยๆ เหมือนในโปสการ์ดนั่นน่ะ มันไม่ได้มีพื้นที่โล่งๆ กว้างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปสะดวกหรอกนะคะ ต้องชะเง้อยื่นกล้องหาทำเลทองกันเอง (หรือจริงๆ อาจจะมีพื้นที่ส่วนบุคคลเปิดให้เข้าไปถ่ายรูปได้ก็ไม่รู้นะ แต่วันนั้นปิดหมด ล็อครั้วซะแน่นหนาเชียว ใครจะกล้าปีน อิอิ)

เก็บตกอีกรอบ

เชื่อแล้วว่า World Heritage View

ลงมากันได้ละ

กินดีกว่า หิวแว้ววว

กินไป ดูเป็ดไป หิวหนักกว่าเดิม

เดินเล่นซะที

มีแบบนี้ด้วย

ร้านสวยๆ

ทะเลสาบก็สวย

บ้านเรือนสวยไปหมด

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

โบสถ์กลางเมือง

ยังไม่ถึงมุมมหาชนซะที

นี่ก็ยังไม่ใช่

ใช่แล้ว มุมนี้นั่นเอง classical view point

เดินเล่นในเมืองต่อ

รอชมพระอาทิตย์ตกดีมั้ยน้อ

ช่วงที่มานี้ก็ถือว่าอากาศค่อนข้างเย็นแล้ว เป็นช่วงเริ่มต้นฤดู autumn ทำให้ที่เคยหวังไว้ว่าจะได้เช่าชุด Dirndl ท้องถิ่นใส่เดินเล่นในบรรยากาศสวยๆ ของ Hallstatt มีอันต้องพับทิ้งไป (ดูเป็นชุดสำหรับหน้าร้อนมากกว่า ถ้าได้ใส่จริงคงหนาวอยู่) โถ อุตส่าห์เตรียมงบมาซะพร้อม หาร้านขนมเติมแคลอรี่เข้าพุงแทนก็แล้วกัน

ซื้อขนมกินไปพลางๆ

แล้วก็ต่ออีกร้าน ... ให้มันได้อย่างนี้สิ แหม

สรุปนะคะ Hallstatt สวยจริงค่ะ แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเริ่ดหรูอลังการมากมายขนาดที่ฟังๆ เค้าล่ำรือกัน (ทะเลสาบสวยๆ และมีเมืองเล็กน่ารักให้เดินเล่นได้สนุก ในยุโรปมีหลายเมืองออก ที่ชอบมากก็อย่างเช่น Lake Bled ในสโลวาเนีย หรือ Sirmione ในอิตาลีไรงี้) จากตอนแรกที่ว่าจะอยู่รอจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ยังรู้สึกว่านานเกินไป สุดท้ายก็โบกมืออำลา และเดินทางไปยังที่พักในจุดหมายปลายทางถัดไป คือ​ Salzburg เร็วขึ้นกว่ากำหนดนั่นเอง อิอิ

เที่ยว Salzburg ในบล็อกถัดไป เก็บแรงไว้เยอะๆ นะคะ เพราะเราเหมา Salzburg card มาเรียบร้อยแล้ว มิสกะโปโลจัดเต็มจนเกินคุ้มแน่นอนอยู่แล้ว 555


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

บทความทั้งหมด
แนะนำเส้นทางเที่ยวยุโรป
VDO (4:07) - The 10D9N Eastern EU trip
ทริปยุโรปตะวันออก ตอน #1 – Budapest
ทริปยุโรปตะวันออก ตอน #2 – Budapest (ต่อ)
ทริปยุโรปตะวันออก ตอน #3 – Bratislava
ทริปยุโรปตะวันออก ตอน #4 – Hallstatt
ทริปยุโรปตะวันออก ตอน #5 – Salzburg
ทริปยุโรปตะวันออก ตอน #6 – Salzburg (ต่อ), Hallein
ทริปยุโรปตะวันออก ตอน #7 – Český Krumlov
ทริปยุโรปตะวันออก ตอน #8 – Prague
ทริปยุโรปตะวันออก ตอน #9 – Vienna

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น