เช้านี้ฝนตกพรำๆ ดังคาด แต่เราก็พร้อมที่จะลุยเที่ยวตามโปรแกรมในร่ม ที่สับขาหลอกกับโปรแกรม open air เมื่อวานนี้ไปแล้ว ฝ่าสายฝนไปสำรวจเหมืองเกลือ (salt mine) โบราณ หรือ Salzbergwerk Berchtesgaden กันเลยค่ะ มาถึงแถวนี้แล้วไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง สนุกมายมาย ขอบอก
ระบบรถไฟและอุโมงค์ทางเข้าเหมืองเกลือเก่าแก่ Salzbergwerk Berchtesgaden
จริงๆ แล้ว อุตสาหกรรมเหมืองเกลือในละแวกนี้ เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 แล้ว เชื่อมั้ยว่าแต่ก่อนนานมากเป็นล้านๆ ปี พื้นที่แถบเทือกเขาแอลป์นี้เคยเป็นทะเลมาก่อน แล้วพอวันหนึ่งเปลือกโลกดันตัวสูงขึ้น กลายเป็นภูเขาใจกลางแผ่นดิน ไม่ได้อยู่ติดใกล้ชิดทะเลอีกต่อไป เกลือทะเลเลยกลายเป็นของหายากไปซะอย่างนั้น ในเมื่ออยู่ไม่ใกล้ทะเล แต่ยังจำเป็นต้องใช้เกลือในการดำรงชีวิต สุดท้ายมนุษย์ก็หาวิธีจนได้ ลงมือขุดลงไปลึกๆ แล้วสกัดเกลือจากชั้นหินมาใช้กันสิคะ เพราะสภาพภูมิประเทศอันบีบคั้น จึงบังคับให้ผู้คนแถวนี้ใช้สมองคิดเยอะแยะ และพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ มากมายในการทำเหมือง ตั้งแต่วิธีขุดเจาะภูเขา วิธีการสกัดเกลือแบบ wet mining (คือฉีดน้ำเข้าไปล้างเกลือจากหิน ให้กลายเป็นน้ำเค็มเข้มข้น แล้วสูบขึ้นมาสกัดต่อ) ระบบปั๊ม และระบบท่อส่งต่างๆ มากมาย ปัจจุบันแม้ไม่ได้สกัดเกลือใช้กันเกลื่อนแล้ว แต่ภายในภูเขาก็ได้โพรงขนาดใหญ่เหลือไว้เป็นอนุสรณ์ แถมยังมีทะเลสาบใต้ดินให้ล่องเรือได้อีกด้วย (ตอนนั้นก็คงคิดแค่จะทำเหมือง ไม่ได้จะล่องเรือหรอกเนอะ) … ส่วนบ้านเมืองไหนอยู่กันสบายๆ ก็พัฒนาช้าหน่อยนะจ๊ะ
ใส่ชุดไปเป็นชาวเหมือง
มีสไลเดอร์ด้วย เย้ๆๆๆ
ก่อนกลับได้รับแจกเกลือภูเขาสกัดมาคนละ 1 ขวดเล็กเก็บเป็นที่ระลึก ลองเปิดมาชิมนิดๆ ก็เค็มปี๋เลยสิคะ (แหม เกลือทะเลดีๆ นั่นเอง) จากนั้นนั่งรถไฟปรู๊นๆ กลับกันออกมา แต่ละคนหน้าตาเฮฮาเป็นที่สุด ชักภาพกันอีกหลายขยักปิดท้าย ถึงยอมคืนชุดยูนิฟอร์มชาวเหมือง และโบกมืออำลาอย่างโดยดี
ฝนยังคงพรำๆ ต่อเนื่องดูน่ารำคาญ ตามแผนเดิมเราต้องตะลอนไปตามเส้นทางเยอรมันอัลไพน์ B305 ผ่านหุบเขารามเซา ชม โบสถ์ St. Sebastian ที่มุงหลังคาด้วยอิฐคลิงเกอร์เหมือนภาพในโปสการ์ด และทิวทัศน์ลั้นลาบนระยะทางกว่า 200 km เพื่อย้ายไปยังเมือง Obermammergau เสียด้วยสิ เลยไม่รู้จะเอาโปรแกรมอะไรมาสลับละ ลองชะแวบไปตามแผนเดิมดูก่อนนั่นแหละ เผื่อฟลุ้คว่าฟ้าจะปราณี แต่สุดท้ายก็เป็นอันว่า เราต้องกางร่มเที่ยวชมสีสันแห่งอัลไพน์ ซึ่งก็ได้อีกบรรยากาศ สนุกดีนะ แต่คงไปไฮกิ้งต่อไม่ไหว เดี๋ยวกลิ้งตกน้ำตกเขาจะวุ่นวาย เอาละ ไหนๆ ก็เสียตังค์ค่าทางด่วนแบบบุพเฟ่ต์ ไปเรียบร้อยโรงเรียนออสเตรียแล้วใช่มั้ย เราเบนเข็มเบ้ลงใต้นิดๆ ไปเที่ยว Swarovski Crystal World ในเขต Innsbruck ประเทศออสเตรียแทนเลยละกัน
วิวทิศทัศน์ German Alpine ที่หุบเขา Ramsau ใต้สายฝนพรำ
โบสถ์ St. Sebastian หลังคาอิฐคลิงเกอร์ กับสีสันฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (และฝนพรำ)
กัดฟันจ่ายค่าเข้าแพงหลายยูโร เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ ตามสไตล์เดิ้นๆ ของ Swarovski ข้างในให้ถ่ายรูปได้เต็มที่ แต่เนื่องจากไม่ใช่แนว เลยได้รูปถ่ายติดกลับมาแค่พอให้คุ้มค่าตั๋วนิดนึง ที่นี่เห็นทัวร์ไทยชอบพามาลงเหมือนกันนะ ไม่แน่ใจว่าพามาดูอะไรกัน ถ้าเป็นนักช้อปก็อาจแฮบปี้ดี แต่สำหรับพวกเรา มาให้รู้ว่ามาแล้วพอเลยค่ะ ที่หลบฝนวันนี้แพงจัง
ป้ายตรงทางเข้า Swarovski Crystal World
ตากฝนเก็บรูปมุมมหาชนมาฝาก
การจัดแสดงข้างในก็เดิ้นๆ สไตล์ Swarovski แหละค่ะ
ฝนใกล้หยุดละ มาถึงเมือง Oberammergau กันแบบเปียกๆ (เบ้ปากออกอาการเซ็งเล็กน้อย) พยากรณ์อากาศพรุ่งนี้บอกว่าจะแดดออก เพี้ยงๆ ขอให้ตามนั้นเป๊ะๆ เลยนะ จะพาไปขึ้นยอดเขา Zugspitze แต่เช้าเลย
PS: ติดใจเที่ยวเมืองเกลือมากเลยค่ะ ทริปยุโรปตะวันออก เลยจัดไปอีก 1 ครั้งที่ Hallstatt นั่นเอง
บทความทั้งหมด
แนะนำเส้นทางเที่ยวยุโรป
ทริป Germany in Autumn ตอน 1 (trip route & Herrenchimsee)
ทริป Germany in Autumn ตอน 2 (Königssee & Berchtesgaden)
ทริป Germany in Autumn ตอน 3 (Salt Mine, Ramsau, Swarovski Crystal World)
ทริป Germany in Autumn ตอน 4 (Zugspitze, Partnach Gorge, Kloster Ettal)
ทริป Germany in Autumn ตอน 5 (Oberammergau, Linderhof, Neuschwanstein)
ทริป Germany in Autumn ตอน 6 (Meersburg, Konstanz, Stein am Rhein, Rheinfall)
ทริป Germany in Autumn ตอน 7 (Freiburg, Clock Museum, Black Forest)
ทริป Germany in Autumn ตอน 8 (Rothenburg ob der Tauber)
ทริป Germany in Autumn ตอน 9 (Munich)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น