พยากรณ์อากาศถูกต้องเป๊ะๆ วันนี้อากาศดีแต่เช้า พวกเราบึ่งรถซิ่งออกจากที่พักในเมือง Oberammergau ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็มาถึงทะเลสาบ Eibsee ในเขตเมือง Garmisch Partenkirchen แต่วันนี้ไม่ได้มาล่องเรือเที่ยวนะคะ ตรงนี้เองเป็นสถานีฐานของรถกระเช้า (cable car) และรถไฟไต่เขา (cogwheel train) ขึ้น Zugspitze ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศเยอรมัน ทั้งยังเป็นเส้นแบ่งเขตแดนตามธรรมชาติ ระหว่างเยอรมันและออสเตรียด้วย (เค้าขีดเส้นแบ่งกันบนยอดเขาเลยค่ะ)
และไม่ว่าจะรถกระเช้าหรือรถไฟไต่เขาก็ราคาเดียวกัน แต่รถกระเช้าจะเร็วกว่าหน่อย ซึ่งเราสามารถเลือกใช้บริการผสมกันได้แล้วแต่สะดวกเลย โชคร้ายที่วันนี้รถกระเช้าปิดให้บริการ เราจึงออกอาการหงอยไม่เป็นเรื่อง เนื่องจากเหลือตัวเลือกเดียว ก็ไม่เป็นไรค่ะ รถไฟไต่เขาก็ได้เห็นวิวสวยๆ เหมือนกัน และอันที่จริงทางฝั่งออสเตรียก็มีกระเช้าขึ้นนะ แถมคนยังไม่เยอะเท่าและค่าบริการถูกกว่าฝั่งเยอรมันเสียอีก นักท่องเที่ยวบางคนก็เลือกจะขึ้นจากฝั่งหนึ่งและลงอีกฝั่งหนึ่ง คือเรียกว่าขึ้นเขาข้ามประเทศเลยทีเดียว แต่คงไม่เหมาะกับนักพเนจร ที่มาพร้อมกระเป๋าล้อลากใบใหญ่ยักษ์แบบพวกเราแน่ๆ
ทัศนียภาพสวยๆ บนยอดเขา Zugspitze
บนนี้ก็มีเสา Maypole ด้วยล่ะ
ข้างบนแดดดีมาก และลมแรงเป็นพักๆ ต้องเตรียมแว่นกันแดด และอุปกรณ์กันหนาวติดมาให้พร้อม ปุยหิมะขาวนุ่มเท้าเหมือนเพิ่งตกใหม่เมื่อคืน เดินแล้วยวบยาบเท้าจมฮวบ กว่าจะฝ่าไปไหนต่อไหนที ก็ทุลักทุเลไม่น้อยเลย สถานีฐานบนยอดเขาแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือ Bavarian Terrace ฝั่งเยอรมัน และ Tirolean Terrace ฝั่งออสเตรีย ทั้ง 2 ฝั่งมีทางเชื่อมติดกันสามารถเดินข้ามไปข้ามมาได้สะดวกดี (ถ้ามีด่านตรวจคนเข้าเมืองตั้งแถวนี้ คงจะเป็นหน่วยราชการที่ตั้งอยู่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกเลยล่ะ)
อันนี้ยืมเค้ามาเก๊กถ่ายรูปเก๋ๆ ป่าวเล่นไถลซักนิดเลยค่ะ
อู๊บบ ตามมาโปรโมทกันถึงยอดดอย สมเป็นรถยนต์แห่งชาติ
สรรพกำลังอันแข็งขันบนยอดเขา
นั่งรถไฟไต่เขาก็วิวสวยไม่แพ้นั่งรถกระเช้าค่ะ
วิวทะเลสาบ Eibsee สวยมากๆ
ลั้นลากันสมควรแก่เวลา เก็บแรงไว้ไปไฮกิ้งต่อยังจุดหมายปลายทางถัดไป คือ หุบเขา Partnach Gorge ซึ่งอยู่ห่างจากทะเลสาบ Eibsee เพียงขับรถ 20 นาทีเท่านั้น สามารถนำรถไปจอดใกล้กับสนามกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว หรือ Olympia Skistadion แล้วเดินต่อเข้าไป ซึ่งแค่เดินไปยังปากทางเข้าหุบเขาก็เหนื่อยแฮ่กๆ กันแล้วล่ะ ระยะทางไกลใช้ได้ทีเดียว เดินเองก็ครึ่งชั่วโมงค่ะ (หรือถ้าขี้เกียจก็มีรถม้าให้บริการนะ) แต่ยังดีที่อากาศเย็นกำลังดี วิวทิวทัศน์สีส้มแดงและธารน้ำเล็กๆ ระหว่างทางก็สวยงาม ทำให้เพลิดเพลินจนลืมบ่น
ไหนๆ แล้ว ขอแวะชม Olympia Skistadion สักหน่อยนะ (ทำใจก่อนไฮกิ้ง)
นั่งรถม้ากันมั้ย สบายๆ ไม่ต้องเดินเหนื่อยนะ
วิวสวยๆ และบ้านเรือนระหว่างทาง ก่อนถึงทางเข้าหุบเขา
ซักนิด กับป้าย Partnach Gorge (จักรยานของใครไม่รู้สิ)
ชื่อ Partnach Gorge อาจไม่ค่อยคุ้นหูนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ ค้นใน google ก็ไม่ได้มีข้อมูลมากมายนัก (ส่วนใหญ่เป็นภาษาเยอรมันงัย อ่านไม่ออก) แต่ด้วยความที่เป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จึงอยากไฮกิ้งมากมาย ก็เลยอุตส่าห์ค้นหาจนเจอแบบฟลุ้คๆ เค้าภาคภูมิใจว่าเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ จากยุคน้ำแข็งเมื่อหลายล้านๆ ปีก่อนเชียวนะ (คือกลาเซียร์ในยุค ice age ค่อยๆ ละลายไป และทิ้งหุบเขาหน้าตาประมาณนี้ให้หลงเหลืออยู่นั่นเอง) และมาแล้วก็ไม่เสียใจค่ะ ได้ออกแรงเบิร์นแคลอรี่กันอย่างเมามัน เป็นกิจกรรมเดินสำรวจธรรมชาติที่ไม่ค่อยเหมือนที่อื่น เส้นทางเดินเค้าใช้วิธีสกัดหน้าผาเจาะหินเป็นช่อง และมีเสริมราวตลอดทาง ดูมั่นคงปลอดภัยดี ดังนั้น ต่อให้มาในฤดูหนาวก็เที่ยวได้ เดินๆ ไปจะมีน้ำหยดติ๋งๆ ใส่หัวบ้างประกราย (ใกล้ชิดธรรมชาติเป็นที่สุด) จนต้องคว้าฮู้ดขึ้นมาใส่กันเปียก
สวยงามมากมาย เห็นเส้นทางเดินที่สกัดหินเป็นช่องๆ ทางด้านซ้ายมือมั้ยคะ
เผาผลาญไขมันถึงหน้าท้องชั้นในกันเลยทีเดียว ขนาดเลือกเดินเส้นทางที่สั้นที่สุดแล้ว ยังหมดเรี่ยวหมดแรง แอบพักสักนิดและหยิบกล้วยหอมที่พกมาด้วย เพิ่มเติมพลังกายเข้าไป ก็มีแรงเดินต่อกลับมาถึงที่รถจนได้ ขากลับมายังที่พักในเมือง Oberammergau เราแวะลั้นลาถ่ายรูปกับ Ettal Monastery และ Pilgrimage Church ได้อีกหน่อย แล้วพอแดดหาย ความหนาวสั่นก็เข้ามาแทนที่แบบไม่มีเตือนล่วงหน้า ต้องรีบวิ่งมุดกลับขึ้นรถ … ออกแรงไปขนาดนี้ คืนนี้ กินอิ่ม และฝันดีแน่นอนค่ะ
สถาปัตยกรรมสวยงามและอลังการของ Ettal Monastery และ Pilgrimage Church
ทริป Germany in Autumn ตอน 4 (Zugspitze, Partnach Gorge, Kloster Ettal)
website สวยงามคะ
ตอบลบดิฉันได้เข้าไปแขวนใน Blog ขายของสะสมให้แล้วคะ
ขอบคุณมากนะคะ
ลบ