มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

13 สิงหาคม 2561

ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 1 – Route plan & Reykjavík town center


ไม่ใช่ประเทศที่ไปได้ง่ายๆ นะคะ จากเมืองไทยไม่มีไฟลท์บินตรง แค่แพลนว่าขาไปและขากลับควรบินกับใคร และเปลี่ยนเครื่องที่ไหน ก็เหนื่อยแล้ว 55 สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวเล็กๆ อย่างเรา เวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด วันลามีน้อยต้องใช้ให้คุ้ม (แต่งบก็สำคัญด้วยนะ) เวลาที่มีทั้งหมดอยากจะเที่ยวไอซ์แลนด์ให้ครบหมดเกลี้ยงไปเลย แต่ … ถ้าเวลาต่อเครื่องมันไม่ได้ ก็ต้องแวะค้างบ้างอะไรบ้าง ซึ่งก็พยายามจำกัดให้มันน้อยที่สุด สุดท้ายจึงมาลงเอยกับสายการบิน TG อีกครั้ง ซึ่งดูจากเวลาแล้ว ขาไปถ้าต่อเครื่องที่ออสโล นอร์เวย์ จะมีเวลาเปลี่ยนเครื่องประมาณ 3 ชั่วโมง ไปถึงเรคยาวิก ไอซ์แลนด์ บ่ายต้นๆ ยังมีเวลาให้เที่ยวเรคยาวิกและตุนเสบียงได้อีกพอสมควร ส่วนขากลับเวลาไม่ค่อยอำนวยเท่าไหร่ ต้องค้างคืนที่ไหนซักแห่งคืนนึง ก็เลยเลือกเปลี่ยนเครื่องที่โคเปนเฮเกน เดนมาร์ค เพราะส่วนตัวมองว่าใน 1 วันก็มีอะไรๆ ให้เที่ยวได้เพลินอยู่


ระหว่างออสโล/โคเปนเฮเกนกับเรคยาวิก เราเลือกสายการบินจากเงื่อนไขเรื่องเวลาเป็นหลัก โดยจากออสโลไปเรคยาวิกใช้บริการ Scandinavian Airline (SAS) แต่จากเรคยาวิกมาโคเปนเฮเกนเลือก Iceland Air และการที่เราเลือกไปกับ TG แล้วต่อเครื่อง SAS แยกกัน ก็ทำให้ต้องเผื่อเวลาเช็คเอาท์ รับกระเป๋า และเช็คอิน โหลดกระเป๋า ที่สนามบินเดิมไปๆ มาๆ ซึ่งทริปนี้มีเผื่อไว้ให้ 3 ชั่วโมงค่ะ ก็ลุ้นๆ อยู่เหมือนกันว่าถ้าเครื่องดีเลย์อาจตกเครื่องต่อได้เลยนะ 55 แต่เมื่อเทียบกับราคาค่าตั๋ว SAS จากไทย แล้วเช็คทรูกระเป๋าส่งตรงถึงเรคยาวิกอย่างสะดวกนู่นเลย มันถูกกว่าเยอะมาก (เป็นหลัก 2 หมื่น แม้ว่าจะเป็นไฟลท์เดียวกัน เครื่องเดียวกัน แบบ code share ก็ตาม) ก็เลยคิดว่าชีวิตนี้คงต้องเสี่ยงสักครั้งแล้วละ 55

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

เอาละ ตอนนี้ตั๋วเครื่องบินก็เคลียร์แล้ว มีเวลาบนผืนแผ่นดินไอซ์แลนด์อยู่ 8 วันเต็ม ซึ่งก็เยอะเกินกว่าจะเที่ยวกระจุกอยู่แค่ทางใต้ แถมบินไปยากลำบากขนาดนั้นก็ต้องเที่ยวให้คุ้มสินะ เลยคิดการใหญ่ว่าจะวนให้ครบรอบเกาะซะเลย ระยะชิลๆ แค่ประมาณ 2,200 ก.ม. เอ๊ง ซึ่งก็พยายามแพลนให้ระยะทางขับรถต่อวันอยู่ที่ 2 ร้อยกิโลนิดๆ หรือต่ำกว่า แต่เมื่อเปรี้ยวจะไปซะทั่วเกาะขนาดนั้น ก็มีบางวันล่อไป 3 ร้อยกว่าๆ อยู่เหมือนกัน ซึ่งในสภาพอากาศปกติทั่วไปก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ในประเทศที่อากาศแปรปรวนและคาดการณ์ยากเยี่ยงนี้ (แม้ในเดือนเม.ย. จะไม่น่ารุนแรงเท่าไหร่แล้ว แต่ก็เผื่อฟลุ้ค) ขอคนขับซัก 2 คนมาช่วยๆ กันจะอุ่นใจกว่านะ เพราะถ้าเกิดอยู่ดีเกิด ลมกรรโชก ฝนถล่ม หิมะตกพราก ฟ้ามืด พายุเข้า จนทำให้ต้องค่อยๆ กระดื๊บไป จากสปีด 90 ก.ม./ช.ม. อาจเหลือแค่ 10 หรือ 20 ... แล้วเมื่อไหร่จะถึงที่หมายล่ะ … ถ้าจะเผื่อใจไว้มาราธอนกันขนาดนี้ ต้องมีคนขับสำรองไว้ใช้สอยค่ะ

ตื่นเต้นๆๆ

สำหรับแผนเที่ยวที่อยากจะไปให้ทั่วเกาะ แต่ก็ไม่ได้อยากไปถึงแล้วนั่งจ๋อยมองตาปริบๆ เพราะอากาศไม่ดีและอดเที่ยวสินะ ก็ต้องแพลนกันอย่างเซียนเลย โดยปักหมุดให้สถานที่เที่ยวแบบ must see อยู่ในช่วงเช้าของวัน เพราะคาดว่าถ้าลมฟ้าฝนจะไม่เป็นใจ ก็น่าจะเริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายหรือเย็น ซึ่งเก็บไว้ให้เป็นช่วงเวลาของพวก nice to see แทน (แต่ถ้าพลาดชมก็แอบเซ็งแหละ 55)

ชายหาดลาวาสีดำ Dyrhólaey มองจากบนเครื่องบิน

เบ็ดเสร็จเรียบร้อย นี่คือแผนเที่ยวทั้งหมดของทริปไอซ์แลนด์ครั้งนี้ค่ะ

วันที่ 1 – ถึง Reykjavík เวลา 11:00 เตรียมไว้เสียเวลาไปกับการรับรถ แลกเงิน ซื้อซืม ฯลฯ จนหิวโฮก ต้องหาอะไรรองท้องแถวสนามบิน ก่อนจะฉุยฉายเข้าเมือง เที่ยวแลนด์มาร์คสำคัญๆ ได้แก่ โบสถ์ Hallgrimskirkja, อนุสรณ์สถาน Sun Voyager และ Harpa concert hall ก่อนจะหลบหนาวเข้าซูเปอร์ตุนเสบียงสำหรับมื้อเย็นและวันอื่นๆ และเดินทางไปบ้านพักที่เมือง Selfoss

วันที่ 2 – วันนี้เที่ยวหลายน้ำตก ได้แก่ Seljalandsfoss (must see), Skógafoss, หาดลาวาสีดำ Dyrhólaey, แวะกินข้าวเที่ยงที่เมือง Vik, ปีนป่ายผาหินบะซอลท์ Reynisdrangar (must see) จากนั้นถ้ามีเวลาก็แวะ Kirkjugólf (Church Floor) และน้ำตก Foss a Sidu และพักโรงแรมแถบ Kálfafell

วันที่ 3 – วันนี้ก็เที่ยวน้ำตกอยู่ (แต่ต้องไฮกิ้งก่อนเยอะมาก) คือ Svartifoss (must see), แวะ Hofskirkja ชม turf church, กินข้าวเที่ยง, เที่ยวทะเลสาป Jökulsárlón (must see) และปิดท้ายด้วย Vesturhorn (Batman Mountain) ก่อนจะขับรถยาวๆ ไปพักที่เมืองระหว่างทางที่ Breiðdalsvík

วันที่ 4 – ช่วงเช้าก็ขับรถกันยาวๆ ไปแถบ Myvatn และเก็บตกที่เที่ยวกระจุ๊กกระจิ๊ก (แต่สวยโคด) แถวนั้น ไม่ว่าจะเป็น Hverir, Krafla Power Plant, Hverfjall, Dimmuborgir และปิดท้ายด้วย must go ที่ Myvatn Nature Bath แช่น้ำไป ชมพระอาทิตย์ตกดินไป ลั้นลาสุดๆ (แถวนี้มีน้ำตก Dettifoss อีกอัน แต่ตัดทิ้งเพราะแน่นเกิน ไม่มีเวลาแล้ว 55)

วันที่ 5 – ไม่พูดพล่ามทำเพลง รอมาหลายวันแล้ว วันนี้เราจะได้กรี๊ดกร๊าดกับน้องหมา snow dog กับกิจกรรมลากเลื่อนกันแล้วค่ะ (ชมคลิปได้ที่นี่) จากนั้นก็เที่ยวต่อที่น้ำตกสวย Goðafoss แล้วเข้าเมืองเปลี่ยนบรรยากาศที่ Akureyri ก่อนจะขับรถยาวๆ ไปพักที่เมืองระหว่างทางที่ Blönduós

วันที่ 6 – จาก Blönduós ก็ขับกันยาวๆ ทั้งวัน แต่มีแวะชมหินไดโนเสาร์นิดนึงที่ Hvítserkur ก่อนจะไป Grundarfjordur เพื่อเที่ยวเล่นภูเขาทรงหมวกและ Kirkjufellsfoss แล้วก็ค้างคืนที่ Grundarfjordur นั่นแหละ

วันที่ 7 – วันนี้จะกลับ Reykjavík แล้ว แต่ระหว่างทางแวะทัวร์ Into the Gracier ที่ Langjokull ซะหน่อย แล้วมาพักภายในตัวเมือง Reykjavík

วันที่ 8 – ยก 1 วันให้เต็มๆ กับเส้นทาง Golden Circle เที่ยว Þingvellir National Park, Gullfoss และ Geysir แล้วกลับมาแพ็คกระเป๋าเตรียมบ๊าย บายไอซ์แลนด์ในเช้าวันรุ่งขึ้น

บ้านเมืองแสนสงบสุขดีในเมือง Reykjavík

บนถนน Sæbraut เลียบชายฝั่งเมือง Reykjavík ที่ตั้งของแลนด์มาร์คสำคัญ

ทริปนี้ ขอบอก อย่าลืมพกเสื้อกันลมไปด้วยนะ เพราะเรื่องอากาศหนาวก็หนาวจริงอยู่ แต่มันไม่เท่าไหร่หรอก (ไอซ์แลนด์เป็นประเทศเกาะที่มีกระแสน้ำอุ่นไหลผ่าน) ที่สาหัสสุดๆ อันดับหนึ่ง คือ “ลม” ต่างหาก (แว่นกันแดดนี่ใช้กันลมแทนตลอดเลย) นอกจากนี้รองเท้าที่ใช้ก็ต้องสมบุกสมบันด้วยนะ เอาแบบกันลื่นหุ้มข้อกันน้ำดีๆ ไปเลยจะเยี่ยมมาก เพราะกว่าจะถึงที่หมายธรรมชาติสวยๆ อาจต้องฝ่าด่านน้ำด่านโคลน (จมไปครึ่งเท้า) ก็มี (ส่วนเรื่องกันหนาวยังพอใส่ถุงเท้าหนาๆ ช่วยได้)

ลมอย่างแรง เย็นยะเยือก ถุงมือหนาๆ ก็จำเป็นมาก

บนถนน Sæbraut road

ห้างแถวนี้ก็โนเนะเหมือนกัน

นอกจากนี้ถ้าจะแช่สปาน้ำแร่ ก็อย่าลืมเตรียมชุดว่ายน้ำไปด้วย และถ้าจะให้เซฟตังค์ ควรพกผ้าขนหนู (จะได้ไม่ต้องเช่า) และสบู่ยาสระผมส่วนตัวไปด้วยก็ดีนะคะ เผื่อๆ ไว้

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

ส่วนที่พักในทริปนี้ ก็จะปนๆ กันระหว่างบ้านพักหลายห้องนอน มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น (ไร้อาหารเช้า) กับแบบโรงแรมห้องคู่ ตื่นมามีอาหารเช้าพร้อมเสริฟ ตามแต่ที่จะหาได้ในโลเคชั่นที่ปักหมุดไว้ในแต่ละคืน เพื่อบาลานซ์งบประมาณอันสุดหฤโหด นอกจากนี้เสบียงและขนมขบเคี้ยวจำนวนไม่น้อยก็อัดแน่นมาเต็มกระเป๋าจากเมืองไทยด้วยค่ะ

ก่อนจะเริ่มตะลุยเที่ยวในบล็อกถัดๆ ไป ขอเฉลยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ พวกเราโชคดีมาก ทั้งทริปอากาศดีสุดๆ ลมไม่แรงแบบต้องกลัวโดนพัดตกเขาระหว่างทางไฮกิ้งไปดูน้ำตก หิมะมีตกขู่ๆ ช่วงเย็นบ้างแต่ก็ยังดีใกล้ถึงที่พักแล้ว ตอนขับข้ามเขาขึ้นเหนือเจอพื้นถนนเป็นน้ำแข็งลื่นๆ บ้าง แต่ยังดีที่เป็นช่วงเช้ายังสว่างอยู่ เห็นทางก็เบาใจ สุดท้ายเจอฝนตกแบบเที่ยวไม่ได้อยู่แค่ครึ่งวันเท่านั้น แต่ตื่นมาอีกวันก็เก็บตกได้สบายใจ สรุปคือทริปนี้เที่ยวครบ รูปสวยแน่นอน คริๆๆ

โบสถ์ Hallgrimskirkja ที่มีรูปทรงเหมือนออร์แกน

 Harpa concert hall กระจกวิบวับๆ สวยจับใจ (ใช้เป็นที่หลบหนาวก็เยี่ยม)

อนุสรณ์สถาน Sun Voyager ... เราจะถ่อเรือนี้ไปถึงพระอาทิตย์กัน

ปิดท้ายบล็อกนี้ ดูรูปสวยๆ จากเมืองหลวง Reykjavík ในวันแรกที่ไปถึงไปพลางๆ ก่อนนะคะ พรุ่งนี้ค่อยเริ่มเที่ยวธรรมชาติสวยๆ กัน

แถมด้วยคลิป 4 นาทีพาวนรอบเกาะไอซ์แลนด์ค่ะ

PS1: วีซ่าไอซ์แลนด์ขอที่สถานทูตเดนมาร์คนะคะ :)
PS2: ออโรร่า หรือแสงเหนือ เห็นก็เห็นนะคะ โอกาสมีทุกคืน แต่มิสกะโปโลไม่สามารถตามล่าเฉพาะกิจได้ขนาดนั้น อิอิ (มีทริคให้นิดนึงในตอน 4)
PS3: แลกเงินจาก Euro เป็น ISK (Icelandic Krona) ที่สนามบินขาเข้า เสียค่าธรรมเนียมตาม transaction ค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าจะแลกหลายคน รวมๆ กันแลกจะประหยัดกว่า ส่วนขาออกแลกด้านในหลังผ่านคัสตอมแล้ว จาก ISK เป็น Euro หรือ Danish Krone ไม่มีค่าธรรมเนียมค่ะ
PS4: แนะนำซื้อการ์ดเงินสดเตรียมไว้เผื่อเติมน้ำมันในปั๊มที่ไม่มีพนักงานประจำ เพราะจะใช้เงินสดไม่ได้เลย ส่วนบัตรเครดิตต้องใช้ PIN ต้องขอจากแบงก์ก่อนไป แต่ก็เสี่ยงๆ อยู่ เพราะถ้าปิดหัวจ่ายไม่ถูกต้อง มีสิทธิที่บัตรจะยังไม่ตัด คนมาอื่นเติมต่อ บัตรเราก็จะโดนชาร์จไปด้วย) ของพวกเราซื้อของ N1 ซึ่งใช้ได้แค่ปั๊ม N1 เท่านั้น ได้ทั้งค่าน้ำมัน ค่าอาหาร และค่าซื้อของอื่นๆ (ถ้าในปั๊มมีร้าน) โดยทริปนี้ค่าน้ำมันรวมประมาณ 30,000 ISK (หมื่นกว่าบาท) ค่ะ


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

บทความทั้งหมด
แนะนำเส้นทางเที่ยวยุโรป
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 1 – Route plan & Reykjavík town center
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 2 – น้ำตก Seljalandsfoss, Skógafoss, ผาหินบะซอลต์
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 3 – Svartifoss, Jökulsárlón, Vesturhorn
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 4 –  Myvatn
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 5 – Snow dog, Goðafoss, Akureyri
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 6 – Hvítserkur, Kirkjufellsfoss
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 7 – Into the Glacier Langjokull
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 8 – Golden Circle
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 9 – แถม 1 วันที่ Copenhagen

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น