มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

16 สิงหาคม 2561

ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 3 – Svartifoss, Jökulsárlón, Vesturhorn


ยังอยู่ที่ชายฝั่งด้านใต้ค่ะ แพลนวันนี้แวะไม่กี่จุดเอง เป็น must see กับ nice to see แค่อย่างละ 2 รวมเป็น 4 เท่านั้น แต่ระยะทางจากที่พักแถบ Kálfafell แวะไปเรื่อยจนถึงที่พักอีกแห่งในค่ำคืนนี้ที่ Breiðdalsvík ก็ล่อไป 350 กิโลหน่อยๆ แล้ว … แถมยังเป็นอีกวันที่อากาศดี๊ ดี ก็เลยเก็บหมดเที่ยวครบ และรูปสวยสมใจอีกครั้ง

@Diamond Beach

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

#1 จุดแรกในวันนี้ เป็น must see ของเรา แต่คงไม่ใช่ของทัวร์ เพราะมันคือน้ำตก Svartifoss หรือ Black Waterfall ซึ่งกว่าจะไปถึงต้องไฮกิ้งเองไม่ต่ำกว่า 2.5 กิโล (ขาเดียว) แถมยังไม่ใช่ไฮกิ้งบนพื้นราบซะทีเดียว มีปีนขึ้นปีนลงประมาณนึงเลยละ ไม่โหดเท่าไหร่ แต่ก็เนื้อย เหนื่อย และ ไกล๊ ไกล แค่เดินไปกลับบวกโอ้เอ้ถ่ายรูปก็ 3 ชั่วโมงครึ่งแล้ว ตอนที่เจอน้ำตกเล็กๆ อันแรกนี่ดีใจสุดๆ แต่ก็แค่ดีใจเก้อค่ะ เพราะมันยังไม่ถึง ¼ ของระยะทางทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ … เอ้า เดินต่อ อากาศดีมาก ลมไม่แรง จากตอนแรกที่เสื้อผ้าหนามาเต็มยศพร้อมผ้าพันคอ ก็เริ่มถอดออกทีละชิ้น (เผาผลาญพลังงานขั้นสุดยอด ใครอยากผอมเชิญเลย) ผ่านมาเกินครึ่งทางเห็นน้ำตก Svartifoss จากไกลๆ หูย ตื่นเต้นกันใหญ่ อู้ถ่ายรูปพักเหนื่อยได้อีกนาน แล้วจากนั้นต้องไต่หน้าผาแล้วค่ะ ถ้าในวันที่ลมแรงคงเสียวหน่อยๆ แต่พอดีว่าวันนี้ชิลมาก น้ำแข็งยังจับเป็นก้อนๆ อยู่เลย แต่ก็เข้าสู่ฤดูกาลที่จะเริ่มละลายแล้ว สวยมากเลยค่ะ สวยสุดๆ คุ้มกับ 3 ชั่วโมงครึ่งไปกลับและแคลอรีที่ล้างผลาญไปอย่างเมามัน

พร้อมลุย กับวิวสวยบาดใจ

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com


ศึกษาเส้นทางก่อนซิ ... ก็ไกลอยู่นะ 55

ช่วงแรกๆ ยังชิล

น้ำตกแรก อย่าเพิ่งดีใจเก้อล่ะ ยังไม่ได้ 1/4 เลย

ถอดทีละชิ้น มาถือบังแดดแทน 

เกินครึ่งทาง เห็นปลายทางรำไรอยู่ตรงโน้นแล้ว

ขออู้แถวนี้แป้บ

ถึงแล้ว


น้ำแข็งยังเป็นก้อนๆ

#2 จุดที่สองชิลๆ กันไปค่ะ แวะเมืองเล็กๆ ชื่อว่า Hofskirkja เพื่อชมโบสถ์ turf church (มีหญ้าขึ้นคลุมหลังคา) ที่มีเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งแล้วในไอซ์แลนด์ ซึ่งก็ไม่ใช่โบสถ์ใหญ่โตอะไร ดูสิคะ เล็กนิดเดียวเอง แต่น่ารักมากมาย ใช้เวลาไม่นานหรอก เข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆ ได้ แต่พอถ่ายเสร็จก็เพิ่งสังเกตุเห็น เอ๋ ไอ้พื้นตะปุ่มตะป่ำดูเป็นหลุมๆ นี่มันคุ้นๆ นะ แถมไซส์ก็ใช่ … เอิ่ม … เราไม่ได้ทำอะไรลบหลู่สถานที่กันใช่มั้ย ไม่รู้จักกันไม่ต้องตามมาทักทายตอนดึกนะคะ 555

วิวกลาเซียร์สวยๆ ระหว่างทาง

Hofskirkja turf church กับพื้นตะปุ่มตะป่ำนั้นไซร้ คืออะไรหรา??

จากนั้นก็แวะทานข้าวเที่ยงค่ะ ใช้พลังงานไปเยอะแล้วก็จัดบุพเฟ่ต์โรงแรมซะเลย … คือแถวนี้ยาวๆ ไป แค่มีโรงแรมหรือร้านอาหารซักแห่ง ท่ามกลางความเวิ้งว้างนี่ก็เจ๋งมากแล้ว 55 … สงสัยจัง พนักงานโรงแรมเค้าพักอยู่บ้านแถวไหนเนี่ย มันไร้วี่แววสิ่งก่อสร้างอื่นจริงๆ นะ

จัดบุพเฟ่ต์กันไปเลย

โรงแรมสวย

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

#3 ถัดมาก็ถึงคิวของ must see อีกแห่งหนึ่ง ได้แก่ ทะเลสาบ Jökulsárlón หรือ Diamond Beach ซึ่งเป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ละลายมาจากกลาเซียร์ Vatnajokull นั่นเอง แถวนี้มีจุดจอดรถแวะลงชมได้หลายจุด ซึ่งจริงๆ จะเดินเองก็ได้ … ถ้าทนหนาวกันได้นะ … แต่พวกเราเคลื่อนย้ายนิดหน่อยก็ขึ้นรถแล้วค่ะ … หนาวจะแย่ 555 แต่ก็ถือว่าสู้หนาวชนะเลิศนะ เพื่อรูปสวยคำเดียวเลย เราแวะตรงทะเลสาป 2 จุด คือที่ถ่ายรูปจากด้านบนจุดหนึ่ง และที่ลงไปเดินข้างล่าง ชิดติดขอบน้ำเลยอีกจุดหนึ่ง จากนั้นก็ไปลั้นลาฝั่งตรงข้าม ตรงที่ธารน้ำแข็งที่หลุดออกมาจะไหลออกทะเลเป็นจุดที่ 3 ซึ่งฝั่งนี้เป็นพื้นทรายสีดำชัดเจน เดินแต่ละก้าวจะจมยวบๆ ตลอด แต่ก็ยังอุตส่าห์มีพื้นทางเดินหินๆ ตะปุ่มตะป่ำเป็นแนวให้กระโดดเหยงๆ ข้ามไปได้โดยไม่จมทราย ไม่รู้ธรรมชาติหรือผู้ใดมาจัดเรียงไว้ให้ แต่ก็เก๋ไก๋และสวยแปลกตาดีทีเดียว อยู่ดีก็มามีแค่ที่ตรงนี้หน่อยเดียว 55

สวยมากกกกกกก



เย้

ไปฝั่งนู้นกันเถอะ (ขับรถไปนะ อิอิ)

บนพื้นทรายสีดำ ก็มีทางหินๆ แบบนี้ให้เดินด้วย และมีแค่ตรงนี้เท่านั้น แปลกดีมั้ยล่ะ

ตรงนี้ที่ธารน้ำแข็งออกสู่ทะเล

#4  ชายฝั่งด้านใต้ก็จะประมาณนี้แหละค่ะ ใครมีเวลาน้อยจะมาถึงแค่แถวนี้แล้ววกกลับ แต่ทีมของเราเปรี้ยวกว่าจะวนให้ครบรอบใหญ่ เลยขับต่อไปทางตะวันออกอีก จาก Jökulsárlón ขับไปอีกเกือบๆ 90 กิโลจะถึงภูเขารูปทรงแปลก Vesturhorn หรือชื่อเล่นคือ Batman Mountain ซึ่งถ้าจะชมให้สวยๆ ต้องผ่านพื้นที่ส่วนบุคคลขับรถเข้าไปจนถึงสุดติ่งเลยค่ะ ทำเลดีๆ แบบนี้มีเจ้าของด้วยแฮะ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากตรงทางเข้า จะมีร้านคาเฟ่เล็กๆ เดินเข้าไปจ่ายค่าตั๋วเสร็จก็เอามาปี๊ดๆ เปิดประตูรั้วขับรถเข้าไป แถมค่าเข้าก็ไม่ใช่ถูกๆ นะ แต่เนื่องจากค่อนข้างเย็นแล้ว แดดไม่มี ลมก็ แร้ง แรง ขึ้นเยอะ รูปซิปเสื้อหนาวมาปิดจนเหลือโผล่มาแค่ครึ่งหน้าแล้วยังสู้ไม่ไหว แค่ถ่ายรูปแชะเดียวมิสกะโปโลก็วิ่งเตลิดกลับขึ้นรถแล้วค่ะ ตากล้องกับพรรคพวกที่ยังสั่นสู้อยู่ก็เชิญตามสบายเลยนะคะ 55

ดูป้ายไปก่อน

สวยดี แต่ก็หนาวจะแย่ บรึ๋ยๆๆๆๆ

เก็บครบหมดทุกพ้อยต์สำหรับวันนี้แล้ว และอากาศดีก็ดูจะจบลงหลังเที่ยวเสร็จนั่นเอง จากนี้ยิงยาวๆ 165 ก.ม. ไปยังที่พักระหว่างทางที่เมือง Breiðdalsvík ซึ่งแค่นี้ก็รวมระยะทางขับรถทั้งวัน 350 ก.ม. แล้วค่ะ แล้วเช้าวันพรุ่งนี้ก็ยังต้องขับกันยาวๆ เพื่อเดินทางไปยังทะเลสาบ Myvatn อีก … คิดถูกมากที่เลือกพักระหว่างทาง ไม่ฝืนขับกันยาวๆ กว่านี้ เพราะเย็นนี้หิมะตกน่ะสิคะ เป็นหิมะใหม่ก็ยังดีพื้นถนนไม่ลื่นเท่าไหร่ แต่ก็หวั่นๆ เหมือนกัน แถมพอพ้นช่วงฟยอร์ดริมทะเล ก็จะมีความเป็นภูเขาและหน้าผาหน่อยๆ สร้างความหวาดเสียวเล็กน้อย ต้องหยิบกล้องมาถ่ายวิดีโอทำเป็นสร้างขวัญและกำลังใจให้เดอะแก๊งส์ 555 ดีแล้วที่ไม่ขับไกล แบ่งๆ ไปพรุ่งนี้ตอนเช้าเมื่ออากาศดี ค่อยลุยต่อค่ะ สำหรับคืนนี้ราตรีสวัสดิ์


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

บทความทั้งหมด
แนะนำเส้นทางเที่ยวยุโรป
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 1 – Route plan & Reykjavík town center
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 2 – น้ำตก Seljalandsfoss, Skógafoss, ผาหินบะซอลต์
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 3 – Svartifoss, Jökulsárlón, Vesturhorn
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 4 –  Myvatn
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 5 – Snow dog, Goðafoss, Akureyri
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 6 – Hvítserkur, Kirkjufellsfoss
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 7 – Into the Glacier Langjokull
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 8 – Golden Circle
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 9 – แถม 1 วันที่ Copenhagen

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น