My travel diary: ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 6

เช้านี้ จากที่พักในเมือง Blönduós เรามี 2 ตัวเลือก คือจะยิงยาว 225 ก.ม. ไปยังน้ำตก Kirkjufellsfoss ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาทรงหมวก แลนด์มาร์กสำคัญแห่งหนึ่งของเกาะ (ปักหมุดไว้ว่าเป็น must see เลยนะ) แล้วก็พักแถวนั้นในตัวเมือง Grundarfjordur ใกล้ๆ กันเลย หรือจะอยากขับรถเพิ่มอีกซัก 50 ก.ม. เพื่อแวะ Hvítserkur ชมหินรูปร่างเหมือนไดโนเสาร์ที่ตั้งอยู่กลางทะเล ที่ชายฝั่งทางตอนเหนือซักหน่อยรึเปล่า … แต่เนื่องจากโปรแกรมวันนี้ก็ไม่ได้แน่นอะไร เลยเลือกขับเพิ่มไปดูหินไดโนเสาร์กันค่ะ ถือเป็นการพักเบรคระหว่างขับทางไกลไปในตัว

แค่ชั่วโมงเดียวก็มาถึง Hvítserkur แล้ว แต่ฝนเจ้ากรรมก็ดันตกลงมาต้อนรับซะอีก ยังดีที่แค่ตกปรอยๆ เป็นละอองๆ และเสื้อหนาวก็กันน้ำได้อยู่ เลยเอาฮู้ดมาคลุมหัว ใส่มาสค์ปิดปาก เสร็จก็เดินดุ่ยๆ ท้าฝนท้าลมกันไป (อย่าได้คิดถือร่มเด็ดขาด ประเทศนี้ไม่รอดแน่ ขนาดเปิดประตูรถยังจะปลิว 55) แล้วก็ได้มาพบกับ ... แต่น แตน แต๊น … หินหน้าตาแบบนี้ ถอดมาสค์มายิ้มร่าเริงเล็กน้อยตอนถ่ายรูปให้คุ้มกับที่อุตส่าห์เดินเปียกมาซักหน่อย … แถวนี้พอมีโรงแรมที่พักเหมือนกันนะ แต่ดูเหมือนจะปิดหมด ไม่ใช่ฤดูกาลของเค้าจริงๆ 55 แต่อย่างน้อยก็ยังใจดี เปิดห้องน้ำสาธารณะให้นักท่องเที่ยวผิดฤดูเข้าไปใช้บริการได้มั่ง น่ารักเนอะ

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

พร้อมมาก เป็นไอ้โม่งกันทุกคน

แต่น แตน แต๊น

ทางมันก็จะหน้าตาแบบนี้แหละ

น้ำแข็งหนาขนาดนี้เลย

ต่อไปก็ปักหมุดมุ่งหน้าสู่เมือง Grundarfjordur กันเลย ระหว่างทางพบความเขียวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และก็พอเห็นต้นไม้ที่ขึ้นเป็นต้นๆ บ้าง ทำให้เริ่มสงสัยว่า แถบทางเหนือนี้จะอบอุ่นและลมเบากว่าทางชายฝั่งด้านใต้หรืออย่างไร … แล้วขับๆ ไปก็บังเอิญพบทุ่งลาวา (lava field) เก๋ๆ ที่ก็มีความเขียวมากกว่าที่เคยเห็นมาแล้วทางตอนใต้ แถมเวลาก็เหลือเฟือ เลยเบรกเอี๊ยด ขอแวะไปเดินเล่นลั้นลา เก็บภาพสวยๆ นอกแผนซักหน่อย (ตอนนี้ฝนหยุดแล้ว)

มีความเขียว

ขอเย้ๆ หน่อย

Lava field ที่ทำให้สนุกนอกแผน

ขับๆ ไปอีกซักแพร้บ เจอปั๊ม N1 ขนาดใหญ่โตทีเดียว (ใหญ่สุดตั้งแต่วนมาเกือบรอบเกาะละ) ซึ่งนอกจากปั๊มน้ำมันแล้ว ก็ยังมีแคนทีนและร้านขายของ ซึ่งอันหลังนี้ถูกใจเดอะแก๊งส์มาก เพราะมีของทั่วไปและของที่ระลึกให้เลือกช้อปเยอะเลย แถมทริปนี้ทั้งทริปตั้งแต่มา ยังไม่มีเวลาได้ช้อปซื้ออะไรเท่าไหร่ (มีแต่เข้าซูเปอร์ตุนเสบียง และพอเข้าห้างก็ไม่ค่อยมีของสำหรับนักท่องเที่ยวขาย) ทำให้ที่ปั๊มนี้ เราได้รูดการ์ดเงินสด N1 ที่ซื้อกันมาเยอะเกินปรื๊ดๆ เลยค่ะ (ทำไมต้องการ์ดเงินสด ดูท้ายบล็อกนี้ #PS4)

บ้านพักเลียบชายฝั่งของพวกเราในเมือง Grundarfjordur ... ชนะเลิศ ขอบอก

วันนี้ชิลจริงจัง สารพัดจะแวะ ไม่ถึง Grundarfjordur กันซะที 55 แล้วพอกลับมาขึ้นรถขับออกไปได้ซักพัก ฝนเจ้ากรรมก็ถล่มลงมาอีกแล้ว แล้วก็ตกต่อเนื่องแบบนี้ต่อไปทั้งวัน หมดเลยค่ะ ทั้งน้ำตก Kirkjufellsfoss และตัวเมือง Grundarfjordur ไม่ต้องเที่ยวทั้งสิ้น โถ must see แท้ๆ (ขนาดขับรถไปเช็คถึงหน้าน้ำตกเลย ว่าจะเอาฮู้ดคลุมหัวแล้วลุยไหวมั้ย แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ 55) … จ๋อยๆ แบบนี้ ยังดีนะที่ระหว่างทางได้แวะนู่นแวะนี่เที่ยวได้หน่อยๆ (แถมได้ช้อปด้วย) เลยไม่ต้องจ๋อยกันเต็มวัน คืนนี้พวกเราได้เป็นพ่อครัวแม่ครัวกันเต็มที่สนุกสนานกันไป และนอนตุนได้เต็มอิ่ม หลังจากที่เที่ยวทรหดมาหลายวันแล้วนั่นเอง

มาแก้ตัวอีกวัน พื้นยังเปียกๆเลย

สวยสมใจ คุ้มที่ได้มา

ยังดีนะที่พักใกล้ๆ เช้าอีกวันฝนไม่ตกแล้ว เราเลยได้แก้ตัวกันแบบควิ้กๆ กับวิวสวยๆ ของน้ำตก Kirkjufellsfoss ที่มีภูเขาทรงหมวกเป็นฉากหลังได้สำเร็จ และจากนั้นก็ต้องรีบบ๊าย บาย กันอย่างเร็ว เพราะสต๊อปถัดไปเรามีนัดไปทัวร์ถ้ำน้ำแข็งกันน่ะสิคะ ไปสายไม่ได้เลย เดี๋ยวโดนทิ้ง :)