แสงเหนือหรือออโรร่า จะมีโอกาสเห็นได้ด้วยตาเปล่าเมื่อ 1. Solar activity มีค่าสูงพอ (เป็นปฏิกริยาจากฟ้า สามารถเช็คได้จากลิงค์นี้เลย แต่ไม่เล่าเยอะเพราะจะกลายเป็นสารคดีวิทยาศาสตร์ไป 55) 2. ฟ้าเปิด และ 3. มืดพอ ซึ่งข้อ 1. กับ 2. ขึ้นกับว่าฟ้าเป็นใจแค่ไหน แต่โอกาสของข้อ 1 จะมีมากขึ้นถ้ายิ่งเข้าใกล้ขั้วโลก (และไอซ์แลนด์ก็เป็นประเทศที่หนาวน้อยที่สุดแล้วที่จะได้เฝ้าดูแสงเหนือ) ส่วนข้อ 3. จะดีมากถ้าเป็นฤดูหนาว ที่เวลาช่วงกลางวันสั้นกว่ากลางคืน (คือมืดเร็ว) แต่ก็อาจยังต้องช่วยตัวเอง โดยหาที่ๆ อยู่ห่างจากแสงไฟในเมือง และบางคนก็ชอบเพิ่มงาน โดยตระเวนหาแบบที่แบ็คกราวน์ด้านหลังเป็นภูเขาหรือแลนด์มาร์คสวยๆ
แช่น้ำแร่ไป ดูพระอาทิตย์ตกดินไป @Myvatn Nature Bath เพลินมาก
ที่เกริ่นมาทั้งหมดก็แค่บอกเล่าให้ฟังค่ะ แต่มิสกะโปแพ้อากาศหนาว ถ้าอุตส่าห์เข้าที่พักอุ่นๆ และอยู่ในสภาพเตรียมนอนแล้ว จะให้ลุกมาแต่งตัวเต็มยศอีกครั้ง (ด้วยชิ้นส่วนที่เยอะและรัดกุมกว่าช่วงกลางวันเสียอีก) และอดหลับอดนอนเพื่อมารอเฝ้าดูแสงเหนือเนี่ย … จะคิดเยอะนะ 55 แต่อย่างน้อยพยากรณ์อากาศก็บอกว่าในช่วง 2-3 วันจากนี้ ทั้งค่า solar activity และระดับเมฆหมอก น่าจะพอลุ้นอยู่ ยิ่งจากนี้ไปเราจะวิ่งขึ้นเหนือด้วย ก็จะเพิ่มโอกาสได้อีกหน่อยๆ
ซึ่งเช้านี้ จากที่พักในเมือง Breiðdalsvík จะยิ่งยาวๆ 250 ก.ม. ไปลั้นลาทางตอนเหนือ คือแถบทะเลสาบ Myvatn (มายด์วัทท์) ซึ่งเป็นแหล่งอุทยานนกน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก (ระยะทางขนาดนี้ เข้าใจแล้วใช่มั้ย ว่าทำไมถึงต้องพักเบรกกันระหว่างทาง) และจะมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ และน่าสนใจเยอะเลย … คือถ้าคิดว่าธรรมชาติทางชายฝั่งด้านใต้เลิศแล้ว ทางตอนเหนือและแถบ Myvatn จะตื่นเต้นกว่าอีก รวมทั้งโอกาสในการเห็นแสงเหนือก็เยอะขึ้นด้วย
นี่เราจะวิ่งไปถึงไหนกัน โอ้ววว
มันก็จะขาวขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อคืนหิมะตกโปรยปรายลงมา ทำให้วันนี้เส้นทางที่วิ่งผ่านเห็นแต่สีขาว โดยเฉพาะเมื่อต้องขับลัดเลาะขึ้นเขา เส้นทางช่วงแรกเหมือนโดนขังอยู่ในที่ราบที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ภูเขา และภูเขา แบบที่ขับไปเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ว่าจะได้ออกจากที่ขังตรงนี้ทางไหน … จากนั้นเส้นทางก็ค่อยๆ พาเราไต่เขาค่ะ จากตอนแรกที่ยังเห็นสีพื้นดินบ้าง หลังๆ นี่ขาวโพลนเลย 55 ดีว่าเป็นช่วงเช้าและหิมะไม่ตกแล้ว เลยรู้สึกเส้นทางตระการตาและตื่นเต้นกว่าที่จะหวาดเสียว … แถมระหว่างเส้นทางอันยาวไกล มันก็มีจุดสวยๆ ให้ได้ลงจากรถมากรี๊ดกร๊าดกระโดดโลดเต้นได้บ้าง โดยเฉพาะตอนแดดออกนี่สวยมาก ตื่นเต้นกันสุดๆ เหมือนไม่เคยเห็นแดด 55
บางโมเมนต์ก็ฉันจะบิน
ก่อนถึงทะเลสาบ Myvatn มีน้ำตกชื่อดังอีกแห่ง คือ Dettifoss ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีปริมาณการไหลมากที่สุดในยุโรป … แต่เนื่องจากขับรถมาก็ไกลละ ที่เที่ยวอื่นก็ยังอีกเยอะ เลยจำใจต้องตัดทิ้งไปแบบจ๋อยๆ (เอาน่า เห็นมาหลายน้ำตกละ) และปักหมุดในจุดท่องเที่ยวต่างๆ รอบทะเลสาบแทน (จะให้ตำแหน่ง GPS ไว้เลย) โดยไม่ได้ระบุว่าอันไหนคือ must see เพราะมันก็อย่างละนิดละหน่อยน่ะ อยู่ใกล้ๆ กัน ไปได้แค่ไหนก็แค่นั้น ยกเว้นกิจกรรมแช่สปาที่ Myvatn Nature Bath ซึ่งถ้าอุตส่าห์ขับกันมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็สมควรต้องไปอย่างยิ่ง แถมค่าเข้าก็ถูกกว่า Blue Lagoon ที่อยู่ใกล้ๆ Reykjavík และชื่อดังกว่า (เพราะไปง่ายกว่างัย) แต่ไม่ touristy เท่า อ่านรีวิวมีแต่คนชม
ควันปุ๋ยๆ จากสถานีไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพ @Krafla Power Plant
ปิดกันเห็นๆ
#2 เหมือนยังไม่ได้เที่ยว เลยมาต่อที่ Hverir (65.6416, -16.8071) อีกนิด ซึ่งเป็นพื้นที่ๆ จะได้เห็นน้ำเดือดและไอน้ำปุ๋ยๆ จากความร้อนใต้พิภพ (geothermal area) ที่ฐานของภูเขา Namafjall ตอนแรกที่เห็นรูปในกูเกิ้ลก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะสวยแค่ไหนหรอกนะ แต่พอไปถึงก็แปลกตาดีเหมือนกันแฮะ แต่พื้นเละเชียวค่ะ ถลำเข้าไปนิดเดียวก็จมโคลนซะแล้ว ต้องกลับขึ้นมาไถๆๆ พื้นเพื่อปาดดินออก โดยอาศัยก้อนน้ำแข็งแถวนั้นเป็นตัวช่วย ไม่งั้นขึ้นรถเละชัวร์ 55
ดูดีมีสาระ
โหมดถ่ายรูปลั้นลา
สวย
จากนี้ไปเท้าเละชัวร์
จากนั้นก็หาที่เบรคมื้อเที่ยงค่ะ โดยมื้อนี้แวะกินกันง่ายๆ ไปก่อน ที่แคนทีนของ Myvatn Nature Bath เพราะขี้เกียจตระเวนหาร้านอาหารแล้ว และจะได้ดูลาดเลาสำหรับค่ำคืนนี้ด้วย
#3 ประทังชีวิตเสร็จเรียบร้อย ก็ไปแวะหามุมสวยๆ ถ่ายรูปกับ Hverfjall (65.6121, -16.8764) ซึ่งเป็นภูเขาไฟรูปร่างเก๋ไก๋แห่งหนึ่งในย่านนี้ แต่หิมะขนาดนี้ เค้ายังไม่เปิดให้ไฮกิ้งหรอกนะคะ แค่ดูจากไกลๆ ริมถนนตรงทางเข้าข้างทะเลสาบก็เพลินแล้ว
ว้าว ... แต่ยังไม่เปิดให้ไฮกิ้งนะ
ข้ามถนนมาที่ฝั่งทะเลสาบด้านตรงข้าม ก็สวย มีม้าสีขาวๆ เดินไปเดินมาแถวนั้นด้วย
#4 พ้อยต์ถัดมาคือ Dimmuborgir (65.5917, -16.9129) ซึ่งเป็นพื้นที่ๆ มีดินและหินภูเขาไฟรูปทรงประหลาด บางก้อนก็เป็นรูกลมๆ ตรงกลางสวยดี (ที่แปลกกว่ารูปทรงประหลาดของหิน คือทำไมมันถึงมามีแค่ตรงหย่อมนี้หนอ 55) มีเส้นทางไฮกิ้งหลายเส้นทางให้เลือกเลย ซึ่งพวกเราก็เลือกเส้นที่สั้นที่สุด อิอิ แต่พอไปถึงกลางทาง ก็รู้สึกว่ามันจะสั้นไปหน่อยนะ ดูไม่ค่อยสมศักดิ์ศรี เลยขยายเพิ่มให้อีกนิด ทำให้ก็ได้เห็นของแปลกของดีเพิ่มขึ้นอีกหน่อย
ไฮกิ้งเพลินๆ บนเส้นทางสั้นๆ ที่ Dimmuborgir
#5 มาถึงพ้อยต์ถัดมาคือ Hofdi (65.5798, -16.951) บอกตามตรงก่อนไปไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ แต่เห็นรูปในกูเกิ้ลดูเป็นเหมือนแท่งลาวารูปร่างแปลกๆ ในทะเลสาบก็สวยดี เลยว่าจะแวะซักแพร้บ แต่พอไปถึงปรากฏว่าได้ไฮกิ้งกันรัวๆ กินแรงและเวลาเยอะที่สุดของทั้งวันนี้แล้ว หนาวและหอบกันแฮ่กๆ เลยค่ะ แต่ก็สวยคุ้มค่าอยู่
หน้าตาเริ่มเครียด ต้องไฮกิ้งไกลแค่ไหน?
แต่เห็นแบบนี้ก็คุ้ม
สวยจัง
#6 สุดท้ายแล้วเรามาแวะกันที่ Stakhólstjörn (65.5676, -17.0355) ซึ่งเป็นกลุ่มของปากปล่อง pseudo craters (คือประมาณปากปล่องปลอมๆ พื้นมันยกตัวมาเป็นรูปทรงคล้ายปากปล่องของมันเอง) … แต่เนื่องจากเสียแรงไปเยอะแล้วที่ Hofdi (เยอะจริงจัง ขอบอก) และก็ไม่อยากหนาวแล้วด้วย จอดรถเสร็จดูสภาพแล้ว … ไฮกิ้งอีกแหงเลย … ไม่ไหวแล้ว ขอบายไปเช็คอินโรงแรมเลยดีกว่า (แต่ปรากฏว่า ดวงจะได้เที่ยวแถวนี้แบบไม่ต้องเหนื่อย โปรดติดตามบล็อกถัดไป ตอน snow dog ค่ะ เลอค่าสุดๆ)
ถ่ายรูปมาแค่ snowmobile ที่จอดรออยู่บนทะเลสาบ Myvatn ที่แข็งเป็นน้ำแข็ง
เที่ยวมาจนเก็บหมดครบทุกพ้อยต์ที่แพลนมาแล้ว ก็ถึงเวลาเช็คอินเข้าโรงแรมทางด้านใต้ของทะเลสาบกันเสียที โรงแรมของเราหน้าตาดูดีทีเดียว ตั้งอยู่ in the middle of nowhere จริงๆ … แต่ก็เหมาะกับการเฝ้าดูแสงเหนือจากรอบๆ โรงแรม เพราะแบคกราวน์ของภูเขารอบๆ ก็สวยดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปไหนไกล
วิวจากหน้าต่างโรงแรม เจ๋งมาก
มื้อเย็นวันนี้
และสุดท้ายที่โรงแรมของพวกเราในค่ำคืนนี้ สมาชิกเดอะแก๊งส์เก็บรูปแสงเหนือเต้นระบำมาได้หน่อยๆ ซึ่งผ่านกล้องก็ได้ประมาณในรูป แต่มองตาเปล่าไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ … เดอะแก๊งส์บอกมา … ส่วนมิสกะโปโลก็นอนซุกผ้าหุ่มอุ่นอยู่ในห้องเรียบร้อยค่ะ อิอิ
รูปจากเดอะแก๊งส์
จบไปอีก 1 วัน โชคยังเข้าข้าง อากาศดี๊ ดี (แม้จะหิมะโพลนและหนาวสุดขั้วแล้วสำหรับมิสกะโปโล) เลยเที่ยวครบ (อีกละ) พรุ่งนี้ก็ยังอยู่ที่ Myvatn อีกวันนะคะ ตั้งตารอเลยสำหรับ must see ที่สุดของที่สุดของทริปนี้ … แล้วเจอกัน :)
บทความทั้งหมด
แนะนำเส้นทางเที่ยวยุโรป
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 1 – Route plan & Reykjavík town center
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 2 – น้ำตก Seljalandsfoss, Skógafoss, ผาหินบะซอลต์
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 3 – Svartifoss, Jökulsárlón, Vesturhorn
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 4 – Myvatn
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 5 – Snow dog, Goðafoss, Akureyri
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 6 – Hvítserkur, Kirkjufellsfossทริปไอซ์แลนด์ ตอน 5 – Snow dog, Goðafoss, Akureyri
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 7 – Into the Glacier Langjokull
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 8 – Golden Circle
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 9 – แถม 1 วันที่ Copenhagen
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น