มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

14 สิงหาคม 2561

ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 2 – น้ำตก Seljalandsfoss, Skógafoss, ผาหินบะซอลต์


สำหรับแพลนเที่ยวในวันนี้ เราจะขับรถเลียบชายฝั่งด้านใต้จากที่พักในเมือง Selfoss ไปทางตะวันออกเรื่อยๆ แวะเที่ยวจุด must see 2 แห่ง และ nice to see อีก 4 รวมเป็น 6 ก่อนจะถึงที่พักที่แถบ Kálfafell รวมระยะทางชิลๆ 275 ก.ม. เอ๊ง … ซึ่งก็ปรากฏว่าอากาศดีเกินคาด เลยเก็บได้ครบหมดเกลี้ยงทุกจุด เวลาเหลือๆ อีกต่างหาก :)

ตื่นเช้ามา รถเราก็เป็นแบบนี้ซะละ 55

ทำไมมีม้า?

ก็บ้านพักของเราในเมือง Selfoss อยู่ในฟาร์มม้าน่ะเอง

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

#1 จุดแรกที่แวะคือน้ำตก Seljalandsfoss ซึ่งเราโน้ตไว้ว่าเป็น must see เนื่องจากสามารถปีนป่ายไปที่ด้านหลังของม่านน้ำตก ชมวิวสวยๆ ในมุมมองอันเลอค่าได้ ควรค่าแก่การเปียกสุดๆ ... แต่ปรากฏว่าในช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่เราไปถึงนั้น อยู่ในช่วงที่น้ำแข็งเริ่มละลาย พื้นลื่นสุดๆ ขนาดแค่บนพื้นราบใกล้ๆ น้ำตกยังลื่นมากมายซะขนาดนั้น จะปีนป่ายนี่ก็เลิกคิดเลย และเค้าปักป้ายเตือนพร้อมเชือกคล้องกั้นไว้ชัดเจน (ใครดื้อไม่เชื่อป้าย ปีนไปหกคะเมนลงมาไม่รู้ด้วยนะ) ก็เลยจ๋อยกันสุดๆ มาถ่ายรูปเล่นริมน้ำแทน แล้วก็สะบัดบ๊อบอำลาจากไปอย่างรวดเร็ว

มาถึงละ เห็นน้ำตกอยู่ลิบๆ

สวยจัง แต่ปีนไม่ได้ ... เสียใจ :(

นั่งเล่นแถวริมน้ำสวยๆ แทนก็ได้

#2 จุดแวะถัดไปคือ Skógafoss ซึ่งดูจากในรูปตอนแรกก็แค่น้ำตกสวยๆ ธรรมดา ปีนเข้าไปข้างหลังเหมือน Seljalandsfoss (must see) ที่ทำให้พวกเราอกหักมาหมาดๆ ไม่ได้ แต่พอมาถึงแล้วก็ปรากฏว่ามีเรื่องให้ตื่นเต้นสุดๆ เลย คือว่า … อากาศดีงัยคะ เลยมีรุ้งมาต้อนรับแบบดับเบิ้ล 2 ชั้นซ้อนเลย กรี๊ดกร๊าดกันมากมาย แถมยังมีเส้นทางไฮกิ้งให้ปีนป่ายขึ้นไปที่ด้านบนของน้ำตกได้ด้วย … เอาซี้ ปีนไปหลังม่านน้ำตกไม่ได้ ก็ปีนไปมันข้างบนเลย … ไฮกิ้งกันมันจนหอบแฮ่กมาก แต่พอขึ้นมาแล้วก็ประทับใจสุดๆ เลยค่ะ แถมรุ้ง 2 ชั้นจากมุมด้านบนก็สวยไม่แพ้กัน เลยใช้เวลาไปกับจุดแวะที่ 2 ซึ่งเป็นแค่ nice to see ของเราไปนานกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ปีนลงมาถึงรถต้องควักแซนวิชที่เตรียมมา เติมพลังพักยกรอบนึงก่อนเลยค่ะ

ว้าว มีรุ้งด้วย

ปีนมั้ย 555

ถึงยอดแล้ว มีรุ้งด้วย

2 คนนั้นได้ทำเลดีมาก ... แต่นั่งเฉยๆ เนี่ยหนาวมั้ย?

วิวข้างล่าง

เดินลงยังเหนื่อยเลย

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

#3 อากาศดีเลยรีบเที่ยวก่อน หิ้วท้องไปกันต่อที่หาดลาวาสีดำ Dyrhólaey ระหว่างทางจะผ่านซากเครื่องบิน plane wreck บนพื้นที่ส่วนบุคคล ซึ่งถ้าอยากชมต้องเดินไฮกิ้งเองอีกหลายกิโล เลยขอผ่านค่ะ ตรงดิ่งไปที่หาดลาวาสีดำ Dyrhólaey เลยดีกว่า ซึ่งสามารถขับรถขึ้นไปได้ถึงข้างบนหน้าผาใกล้ๆ จุดชมวิวเลย แต่ต้องเป็นรถ 4WD เท่านั้น เพราะเส้นทางค่อนข้างสมบุกสมบันทีเดียว ระหว่างทางเจอแอ่งน้ำสวยๆ มีทั้งเป็ด นกน้ำ และม้าอยู่แถวๆ นั้นด้วย เพลินมากเลยค่ะ แต่ลมก็แรงใช่เล่น แถมเริ่มหิวมากแล้วด้วย ไม่ไฮกิ้งกันต่อหรอกค่ะ อยู่กันแป๊บๆ เก็บภาพสวยๆ เสร็จ ก็โบกมืออำลาละ หนาวเหลือเกิน 55

ว้าว หาดลาวาสีดำ สวยๆๆ

อีกฝั่งเป็น arch โค้งๆ เป็นรูๆ แบบนี้

ระหว่างทางก็สวย เป็ดตรึมเลย

นกน้ำก็เยอะ

ม้าก็มี

จากนั้นก็มื้อเที่ยง เย้ๆๆ แวะที่เมือง Vik ค่ะ ร้านนี้มีเมนูอาหารไทยด้วย พนักงานคนไทยอีกต่างหาก สั่งมาทั้งเมนูฝรั่งไทยปนๆ กัน อิ่มแปร้ พร้อมลุยต่อกันแล้วค่ะ



จานนี้แซ่บค่ะ รสชาติคุ้นจัง

#4 เติมพลังเรียบร้อยแล้วก็นี่เลย ชายฝั่งริมทะเลที่มีหน้าผาและถ้ำหินบะซอลท์ Reynisdrangar (must see) แปลกตามาก ลมก็แรงสุดๆ แต่ก็ฮึดสู้ถอดถุงมือปีนป่ายกันอย่างเมามัน ต้องเล็งหาทำเลดีๆ นะคะ เพราะมันสูงใช่เล่น ไม่ใช่ปีนกันง่ายๆ เลยนะ แต่ก็ปีนกันสำเร็จ แถวนี้มีป้ายเตือนด้วยว่าอย่าไปเล่นใกล้ทะเลจนเกินไป เพราะเคยมีนักท่องเที่ยวจีนที่พลาดโดนคลื่นซัดหายไปในทะเลแล้ว ไม่รู้นานรึยังนะ แล้วสภาพอากาศตอนนั้นเป็นยังงัย หรือเล่นพิเรนอะไร แต่เค้าเตือนแล้วก็ควรต้องเชื่อฟังค่ะ อย่าทำเป็นเล่นกับธรรมชาติเด็ดขาด

นู่นงัย ตรงนู้น

ขอปีนก่อนเลย

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

ปีนได้แค่เตี้ยๆ นะ 55

อีกด้านมีถ้ำด้วย เพดานก็หินบะซอลต์เป็นแท่งๆ เช่นกัน

หินทรงแปลกๆ ในทะเล

ชัดๆ อีกที สูงนะเนี่ย

ระหว่างทางกลับออกมา โบสถ์สวยดีนะ

#5 เวลายังเหลือเฟือ must see ทั้ง 2 ก็เก็บหมดแล้ว แถมอันอื่นที่ nice to see ก็ดีเกินคาด เลยไปต่อที่จุดแวะถัดไป คือ Basalt columns of Kirkjugólf (Church Floor) ซึ่งตามที่เห็นในรูปคือหินบะซอลต์แบบที่ปีนป่ายเมื่อตะกี๊นั่นแหละ ต่างกันตรงที่คราวนี้จะอยู่ที่พื้น ไม่รู้ว่าจะเวิร์ครึป่าวนะ แต่เวลาเหลือก็เลยแวะได้ และระหว่างทางภูมิภาคก็จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นทุ่งลาวาที่มีหญ้าขึ้นบนพื้นตะปุ่มตะป่ำเป็นโพรงๆ เรียก Eldhraun lava field ซึ่งก็สวยแปลกตาดีเหมือนกัน … แต่ที่ Basalt columns of Kirkjugólf นี่สิ จอดรถแล้วต้องเดินท้าลมหนาวอีกตั้งเยอะ พอมาถึงแล้วก็เจอแค่นี้อ่ะค่ะ ตามรูปเด๊ะเลย แต่เล็กๆ แค่ไม่กี่ตารางเมตรเนี่ยแหละ โถ อุตส่าห์ฝ่าลมหนาวมา เสียรมณ์สุดๆ 555 หนาวบรึ๋ยๆๆๆ ด้วย ขากลับไปขึ้นรถนี่เร่งสปีดกันเต็มที่เลยค่ะ

ทุ่งลาวา Eldhraun lava field ที่มีหิมะปนๆ

ป้ายอธิบายเกี่ยวกับ Basalt columns of Kirkjugólf 

ซึ่งมีอยู่แค่ตรงที่ยืนนี่แหละ แหม เสียรมณ์

#6 จุดแวะสุดท้ายระหว่างทางคือ น้ำตก Foss a Sidu อันนี้เห็นแต่ไกล สวยดีค่ะ น้ำจะตกลงมาบนกองหิมะปุยๆ เราเลยตั้งชื่อกันเองว่าน้ำตกวิปครีม น่ารักดีเนอะ แต่ไม่ขยับลงจากรถกันเลยค่ะ แค่เปิดกระจกถ่ายรูปแวบๆ เป็นพอ … แบบว่า ขึ้นรถอุ่นๆ แล้วไม่ค่อยอยากลงไปเจอหนาวๆ น่ะสิคะ อิอิ

Foss a Sidu น้ำตกวิปครีมของพวกเรา แค่เปิดหน้าต่างรถก็สวยแล้ว อิอิ

แล้วก็จบวันที่ 2 แต่เพียงเท่านี้ ไม่ต้องคาดหวังว่าคืนนี้จะเห็นออโรร่าเลย เพราะแม้ฟ้าจะโปร่งใสดี แต่ค่า solar activity ต่ำเตี้ยมาก เห็นแบบนี้แล้ว คืนนี้ก็นอนโลดเลยค่ะ ยังงัยก็ฟินสุดๆ มาแบบเต็มอิ่มทั้งวันแล้ว

http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

บทความทั้งหมด
แนะนำเส้นทางเที่ยวยุโรป
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 1 – Route plan & Reykjavík town center
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 2 – น้ำตก Seljalandsfoss, Skógafoss, ผาหินบะซอลต์
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 3 – Svartifoss, Jökulsárlón, Vesturhorn
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 4 –  Myvatn
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 5 – Snow dog, Goðafoss, Akureyri
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 6 – Hvítserkur, Kirkjufellsfoss
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 7 – Into the Glacier Langjokull
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 8 – Golden Circle
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 9 – แถม 1 วันที่ Copenhagen

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น