มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

22 สิงหาคม 2561

ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 5 – Snow dog, Goðafoss, Akureyri


และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง เป็นวันที่เราจะได้พบกับน้องหมาแห่งบ้าน Snow Dog กับกิจกรรมลากเลื่อน dog sledding ซึ่งอันที่จริงที่ไอซ์แลนด์ก็มีหลายฟาร์มอยู่นะ แต่ในเดือน เม.ย. ทางด้านใต้หิมะจะเริ่มละลายแล้ว (แบบที่ทำให้เราอดไฮกิ้งที่บางน้ำตกงัย) น้องหมาจะต้องลากพวกเราไปบนพื้นธรรมดาน่ะสิ แต่ถ้าอยากให้น้องหมาพาวิ่งบนพื้นหิมะหรือพื้นน้ำแข็ง ก็ต้องขึ้นมาเหนือๆ หน่อย แบบที่ Myvatn เนี่ยแหละ เหมาะเหม็งเลย (คอนเฟิร์มได้จากสภาพตั้งแต่เมื่อบล็อกที่แล้ว)


โดยที่ Myvatn นี้มีฟาร์มอยู่แห่งหนึ่งที่ www.snowdogs.is ซึ่งก็ใหญ่เหมือนกันนะ แต่เนื่องจากเป็นกิจการ SME ก็จะรับได้เต็มที่ 3 คู่ต่อวันเท่านั้น (มากับกรุ๊ปทัวร์นี่หมดสิทธิ์ชัวร์ เค้ารับไม่ไหวแน่) ตอนมิสกะโปโลจองไป 2 คู่เสร็จปุ๊บ ระบบเด้งขึ้นมาเลยบอกว่า “เต็ม” เรียบร้อยแล้ว … อันนี้ถือว่าใจป้ำมากเลยนะ ยังไม่รู้สภาพอากาศวันนั้นจะเป็นยังงัย และค่าบริการก็แสนแพง (ประมาณคนละหมื่นเลย) แต่ก็ตัดใจจองไปเรียบร้อย รูดบัตรกันปรื๊ดๆ ซึ่งถ้าเกิดพอถึงวันที่เราจองไว้แล้วสภาพอากาศมันไม่ได้จริงๆ จำเป็นต้อง cancel เค้าก็จะคืนเงินให้ แต่ถ้า cancel จากพวกเราเอง จะคืนให้บางส่วนหรือไม่คืนให้เลย ขึ้นกับแจ้งล่วงหน้ากี่วัน

เช้านี้ที่หน้าโรงแรม

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

แล้วบังเอิญว่า จำ psedo craters ที่ไปแวะมาเมื่อวานแล้วหมดแรงจะไฮกิ้งได้มั้ยคะ อยู่ข้างๆ ทะเลสาบ Myvatn ที่แข็งเป็นน้ำแข็งนั่นแหละ (ถ้าจำไม่ได้ดูบล็อกนี้ #6) … ปรากฏว่าเมื่อเย็นวาน มีเมล์มาจาก snowdog แจ้งมาว่าหิมะแถวรอบๆ ฟาร์มสภาพไม่ค่อยดีแล้ว เค้าจะหอบหิ้วน้องหมาในจำนวนที่เพียงพอต่อการลากพวกเรา 2 คู่ พามาให้วิ่งเล่นที่ทะเลสาป Myvatn แทน และนัดเจอกันที่ลานจอดรถของ psedo craters จากนั้นถ้าอยากมาเยี่ยมฟาร์มต่อก็ย่อมได้

นั่ง super jeep คันนี้ลงมาบนทะเลสาบที่เป็นน้ำแข็ง

เยี่ยมไปเลยสิ ดีนะไม่ได้ออกแรงเดินไฮกิ้งเองเมื่อวาน วันนี้จะได้น้องหมาขนปุยพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้มาลากเลื่อนพาชมชิลๆ แถมยังบนทะเลสาบ Myvatn ที่เป็นน้ำแข็งด้วย หูยยยย เป็นองค์ประกอบที่ลงตัวที่สุดของที่สุด เลอค่ามั้ยล่ะคะ

น้ำแข็งหนามาก

น้องหมารออยู่

ได้เวลานัด พวกเรามาเจอกับทีมงานของ snow dog ตามนัดหมาย ได้นั่งรถ super jeep ขนาดกลางพาขับจากลานจอดรถ ดุ่ยๆ ทิ่มลงไปบนทะเลสาบเลยค่ะ ว้าวววว ตื่นเต้นสุดๆ น้ำแข็งมันหนามากขนาดรองรับน้ำหนักของรถคันใหญ่ทั้งคันแบบนี้ได้ จากนั้นก็มาเจอกับทีมงานอีกคน ซึ่งกำลังเตรียมน้องหมาจำนวน 14 ตัวและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับพวกเรา 2 คู่ อยู่บนทะเลสาบที่เป็นน้ำแข็ง เธอเป็นสุภาพสตรีเจ้าของฟาร์มนั่นเอง (ส่วนคนที่พานั่ง super jeep มาเป็นผู้ช่วย freelance จากสเปน ที่มาใช้ชีวิตอยู่แถวนี้ และรับจ้างออกงาน adventure ประมาณนี้แหละ เค้าบอกว่าชอบแบบนี้)

ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งกอด

กอดได้แล้ว

มิสกะโปโลเห็นน้องหมานั่งรอกันหน้าตาสลอนขนาดนั้น ก็โผเข้าหาเลยสิคะ แต่ทีมงานห้ามไว้เพราะกลัวน้องหมาจะต้อนรับแบบคนไม่คุ้ยเคยน่ะสิ ก็เลยต้องเบรคกันเล็กน้อยและสร้างความคุ้นเคยแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งก็แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ พวกมันเข้ากับคนง่ายจะตาย

จากนั้นทีมงานก็แจกชุด winter suit แบบเต็มยศตามไซส์ที่ได้แจ้งไว้ก่อนหน้า พร้อมถุงมืออย่างหนา และหน้ากากปิดหน้าที่สกรีนรูปน้องหมาฮัสกี้ไว้หลายตัวเลย (กลายเป็นมีหมาอยู่เต็มปากเลยสินะ 55) นี่ขนาดใส่เสื้อหนาวหนาๆ มาแล้ว ก็ยังต้องใส่ winter suit ทับให้ตุ้ยนุ้ยเข้าไปอีก แต่ดีแล้วค่ะ เพราะพอนั่งบนเลื่อนนานๆ โดยไม่ได้ออกแรงอะไร มันจะยะเยือกขึ้นมาเอง แถมลมแถวนี้ก็ใช่เล่นซะที่ไหน ใส่ปุ๊บอุ่นปั๊บ น่ายืมไปใช้สุดๆ 55

ใส่ชุด เตรียมพร้อมลุย

เจ้าของฟาร์มบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องพาน้องหมาหลายตัวขนาดนี้มาทำงานนอกสถานที่ เพราะอยากให้ลูกค้าได้สนุกบนพื้นหิมะหรือพื้นน้ำแข็งจริงๆ ซึ่งในช่วงนี้ทางด้านใต้ของทะเลสาบยังเป็นน้ำแข็งอยู่ (และคนนำก็ต้องรู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี ไม่งั้นวิ่งๆ ไปเจอน้ำแข็งบางๆ ได้ตกน้ำกันพอดี 55) แต่อีกซักพักเมื่อน้ำแข็งในทะเลสาบเริ่มละลาย ก็ต้องพากันไปไกลถึงใกล้ๆ ยอด Krafla crater (ที่แวะไปมาเมื่อวานและเจอแต่ความขาวโพลนงัย) ซึ่งก็ไกลจากฟาร์มยิ่งขึ้นไปอีก และน้องหมาก็จะออกอาการงอแงนิดนึง เพราะไม่ชอบเบียดๆ กันในรถนาน

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

มีการเตรียมความพร้อมเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยค่ะ ทีมงานสอนพวกเราให้หัดบังคับเลื่อน และสอนวิธีเบรค ซึ่งแม้ทีมงานจะขับและบังคับให้เป็นส่วนใหญ่ แต่บางทีก็อาจต้องมาช่วยเค้าบ้าง เช่น ตอนที่เค้าต้องผละไปจัดการกับปัญหาของน้องหมา อย่างเชือกพันกันไรงี้ หรือไม่ก็พวกเราเองนั่นแหละที่อยู่ดีจะอยากขับเอง อิอิ

แนะนำวิธีขับเลื่อน

จากนั้นก็ใกล้พร้อมจะเริ่มละ น้องหมาดูรู้คิวเป็นที่สุด ลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นส่งเสียงเห่าหอนกันระรัว ประมาณว่าพร้อมแล้ว อยากวิ่งแล้ว วิ่งซะที รออะไร 55 ทีมงานบอกว่าน้องหมาพันธุ์นี้เค้าเป็นพวกใช้แรงงาน ถ้าไม่ได้เบิร์นจะหงุดหงิดรำคาญใจและทะเลาะกันเอง ถ้าวันไหนไม่มีลูกค้าให้ลากเลื่อน ก็ต้องหารถหาของหนักๆ มาให้ออกแรง แต่ก็ต้องดูแลและผูกเชือกไว้อย่างดีเลยนะ ไม่มีการปล่อยให้วิ่งเล่นรอบฟาร์มกันเอง เพราะถ้าอย่างนั้นอาจจะหายเข้ารกเข้าพงไปล่ากระต่ายแทนได้ … ขนาดนั้น 55

เอาละ น้องหมาพร้อมกันขนาดนี้แล้ว คนจะรออะไร ก็ไปกันเลยสิคะ เย้ๆๆๆๆ สนุกสุดๆ นั่งอยู่บนเลื่อนก็แชะๆๆๆ เมามันเลยทีเดียว วิวสวย น้องหมาน่ารัก ไม่ต้องออกแรงเอง เพลินสุดๆ แต่ก็มีเบรกเป็นพักๆ นะ เพราะบางทีเชือกพันกันต้องมาแกะก่อน บางทีก็พวกเราหนาวเกินต้องขอให้หยุดเพื่อจัดการกับเครื่องแต่งตัวให้รัดกุมขึ้นอีกนิด หรือบางทีก็เจอเหตุการณ์ เช่น ทัวร์ขี่ม้าของกรุ๊ปอื่นไรงี้ ก็ต้องหยุดนิดนึงให้ห่างๆ กันไปก่อน (ทีมงานบอกว่าถ้าให้น้องหมาตื่นเต้น อาจจะวิ่งโผเข้าไปหาม้าอย่างรวดเร็ว … ขนาดนั้น) และหยุดพักทีไรก็ … ดูพวกมันสิคะ นอนสลบเหมือดเลย เหมือนจะเหนื่อย แต่พอจะเริ่มวิ่งอีกครั้ง ก็กระโดดโลดเต้นดีใจ เอ๊ะ ยังงัย เดาใจไม่ถูกกันเลยทีเดียว … แต่พวกเราน่ะสนุกอยู่แล้ว

น้องหมา ลุย!!

เหนื่อยจุง สลบแพร้บ

เชือกพันกันซะละ

วิ่งๆ รวมระยะทางไปกลับวนๆ รอบทะเลสาบด้านใต้ ก็น่าจะประมาณสิบกว่ากิโลเห็นจะได้ เสร็จปุ๊บก็ต้องรีบให้น้ำน้องหมากันเลยทีเดียว น่าจะหอบแฮ่กอยู่ 55 จากนั้นก็มีเวลาได้เกลือกกลิ้งบนพื้นหิมะกับน้องหมาซักพัก นานๆ ทีเวลาน้องหมาได้เจอคนตัวเล็กกว่า อย่างเช่นผู้หญิงชาวเอเชียอย่างพวกเรา ก็มีรุมแกล้งเหมือนกันนะ แหม 55 จากนั้นก็เก็บของเตรียมกลับฟาร์ม และพวกเราก็ตามไปเยี่ยมชมด้วยเช่นกัน

ดื่มน้ำจ้าาา

กลิ้งบนหิมะกับน้องหมา

มารุมเค้าทำไม

เตรียมกลับฟาร์ม หน้าจ๋อยเชียว

ชมคลิปสุดมันส์กับบรรดาน้องหมาได้เลยค่ะ

ที่ฟาร์มยังมีน้องหมาอีกหลายตัว ทั้งที่โตเต็มวัยทำงานได้แล้วแบบ 14 ตัวเมื่อกี๊นี้ และที่ยังเป็นลูกหมาอีก 2-3 ตัว … ทีนี้พอมาเหยียบถึงถิ่น ก็เสร็จพวกมันสิคะ ย่อตัวปุ๊บเป็นโดนรุมปั๊บ แหมๆๆ เจ้าพวกนี้

ฟาร์ม snow dog

ถิ่นน้องหมา

ซุกมุมแบบนี้ก็ดูเจี๋ยมเจี้ยมดี

ลูกหมาก็มี

จากนั้นก็มื้อเที่ยงแบบพกพา คือแซนวิชที่เตรียมกันมาเองนั่นเอง กินกันบนรถเพราะไม่รู้จากนี้จะไปหาร้านอาหารที่ไหน และไม่อยากเสียเวลาแล้วด้วย เพราะยังต้องเดินทางอีกยาวไกล

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

พอได้ทีก็รุมเชียวนะ

อาหารน้องหมา กินจุจัง

โดยปักหมุดต่อไปคือน้ำตก Goðafoss หรือ Waterfall of the Gods ซึ่งห่างออกไปอีกประมาณ 40 กิโล ตอนแรกกะว่าถ้าไม่มีเวลา (เพราะต้องเก็บตกที่เที่ยวเมื่อวาน ถ้าอากาศไม่ดี ทำให้เที่ยวได้ไม่ครบ เป็นต้น) จะตัดทิ้งแล้วเชียว แต่ปรากฏว่าพอไปถึง โอ้ววว ว้าววว มันสวยมากกกก ไม่เหมือนน้ำตกทางใต้ที่ออกแนวสูง แต่น้ำไหลเป็นเส้นๆ Goðafoss ไหลเป็นสายธารแนวกว้างเลยค่ะ ขับรถไปจอดใกล้ๆ ดูได้จากทั้ง 2 ฝั่ง (แต่อีกฝั่งต้องออกแรงเดินไฮกิ้งเล็กๆ) สวยงามแค่ไหนดูรูปกันเองเลย แถมอากาศก็ดี๊ ดี เพอร์เฟคไปซะทุกสิ่งอย่าง

Godafoss สวยจัง




ข้ามมาอีกฝั่ง ต้องเดินเล็กน้อย

ฝั่งนี้ก็สวย



ธรรมชาติสวยจริงแต่ถ้าเยอะไปก็อาจเอียนได้ เพราะฉะนั้นถัดจากนี้แวะเมืองเปลี่ยนบรรยากาศกันหน่อย หาร้านดีๆ นั่งกินอาหารอร่อยๆ กันชิลๆ บ้าง 55 ปักหมุดถัดมาจึงเป็นเมือง Akureyri ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเมืองหลวง Reykjavík แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว แค่เดินจากโบสถ์ Akureyri Church ผ่านถนน Hafnarstræti จัตุรัส Ráðhústorg และย้อนกลับผ่านทางอีกถนนคือ Skipagata ก็วนครบแล้วภายในไม่เกิน 15 นาที ถ้าถ่ายรูปด้วยแถมให้เป็นครึ่งชั่วโมงเลยก็ได้ เต็มที่

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

โบสถ์ประจำเมือง Akureyri



วิวบ้านเมืองริมชายฝั่งทางเหนือ

ถนนสายหลัก

ชักจะหิวละ


แป๊บๆ ก็เดินครบ

เพราะฉะนั้นอย่าห่วงเที่ยว มาหาร้านอาหารกันเลยดีกว่า มื้อเย็นวันนี้เลือกได้ร้านอาหารไทยรสเด็ดให้หายคิดถึง แถมราคายังไม่แพงมากถ้าเทียบกับร้านสไตล์ตะวันตก ก็เลยอิ่มอร่อยกันไป แล้วหาซูเปอร์เดินซื้อของตุนเสบียงต่ออีกหน่อย ก็ได้เวลาเดินทางไกลอีก 145 ก.ม. ถึงที่พักในเมือง Blönduós สิริรวมระยะทางขับรถวันนี้ทั้งหมด 240 ก.ม. … แค่เบาะๆ สินะ :)



มื้อนี้อร่อยเลย

แล้วก็เป็นคืนสุดท้ายของทริปที่ solar activity มีค่าสูงพอจะลุ้นได้เห็นแสงเหนือ แต่เอาเข้าจริงค่ามันแรงๆ ตอนช่วง 3 ทุ่ม ซึ่งฟ้ายังสว่างโล่อยู่เลย ผ่านไปซักพักพอฟ้ามืดก็ไม่เห็น solar activity กลับมาสูงโด่งอีกแล้ว แต่เดอะแก๊งส์ก็ยังเลือกจะออกไปเสี่ยงดวงกัน โดยขับรถไปตะลอนหาโลเคชันไกลจากโรงแรมหน่อยๆ ซึ่งสุดท้ายก็ได้ภาพกลับมาแบบเบลอๆ พร้อมเสียงบ่นว่าเมื่อวานสวยกว่า ก็เป็นอันจบกันแค่นี้กับแสงเหนือค่ะ เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป อากาศจะเริ่มไม่ดีแล้ว คงหมดสิทธิ์แต่เพียงเท่านี้ … ส่วนมิสกะโปโลก็หลับสบายไม่รู้เรื่องเลยค่ะ อิอิ 


แสงคืนนี้มันแตกๆ เมื่อวานสวยกว่าน้าาา ^__-


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

บทความทั้งหมด
แนะนำเส้นทางเที่ยวยุโรป
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 1 – Route plan & Reykjavík town center
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 2 – น้ำตก Seljalandsfoss, Skógafoss, ผาหินบะซอลต์
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 3 – Svartifoss, Jökulsárlón, Vesturhorn
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 4 –  Myvatn
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 5 – Snow dog, Goðafoss, Akureyri
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 6 – Hvítserkur, Kirkjufellsfoss
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 7 – Into the Glacier Langjokull
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 8 – Golden Circle
ทริปไอซ์แลนด์ ตอน 9 – แถม 1 วันที่ Copenhagen

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น