มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

12 ธันวาคม 2559

ชมไร่วาซาบิที่มัตสึโมโตะ


ยังอยู่ที่ภูมิภาคจูบุค่ะ แต่กระโดดข้ามเทือกเขา Japan Alps จากเมืองทาคายามะ (Takayama) ทางฝั่งตะวันตก มายังเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ในเขตจังหวัดนากาโนะ (Nagano) ทางฝั่งตะวันออกแทนละ (ส่วนจะกระโดดข้ามยังงัย มีหลายวิธีค่ะ ไว้มาเล่าให้ฟังในบล็อกต่อๆ ไปนะ) เมืองมัตสึโมโตะก็เป็นเมืองเล็กๆ อีกเมืองหนึ่งที่รายล้อมด้วยขุนเขาและธรรมชาติงดงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างหลากหลาย แต่ที่ทิปิจังจะพาไปตะลอนทัวร์ในบล็อกนี้ คือไร่ไดโอวาซาบิ ที่ใช้ประโยชน์จากภูมิอากาศ และภูมิประเทศในบริเวณนี้ จนกลายเป็นแหล่งผลิตวาซาบิอันเผ็ดร้อนที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น

ลำธารสวยใส สายน้ำจากหิมะละลาย ที่หล่อเลี้ยงไร่วาซาบิอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น

จากตัวเมืองมัตสึโมโตะ ขึ้นรถไฟ JR สายโออิโตะ (Oito) ซึ่งเป็นสายที่สามารถชื่นชมทัศนียภาพอันงดงาม ของเทือกเขาเจแปนแอลป์ได้ตลอดเส้นทาง และผ่านสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่ง เช่น ฮาคุบะ (Hakuba) ลานสกีชื่อดังระดับเคยจัดโอลิมปิกฤดูหนาวมาแล้ว หรือชินาโนะโอมาจิ (Shinano Omachi) จุดเริ่มต้นของเส้นทางสำรวจ Tateyama Kurobe อันเลื่องชื่อจากฝั่งนากาโนะ (และไปสิ้นสุดที่ฝั่งโทยามะ) นั่นเอง

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

แต่ทิปิจังไม่ได้จะพานั่งไกลไปจนสุดสายขนาดนั้นนะ จุดหมายปลายทางของเราอยู่แค่สถานีโฮทาคะ (Hotaka) ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงจากมัตสึโมโตะ แต่หลังจากลงรถไฟเนี่ยสิ ต้องเลือกแล้วว่าจะไปยังงัยต่อ เพราะไร่ไดโอวาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นนี้ ไม่อยู่ในระยะที่จะเดินไปได้ง่ายๆ  ต้องอาศัยต่อรถบัส เช่าจักรยานปั่นกันไป หรือถ้าง่ายๆ ก็แท็กซี่เลย ซึ่งสนนราคาก็ไม่แพงนัก ขาละเพียงพันเยนต้นๆ เดินทาง 10 นาที ถ้ามากัน 2 คนก็คุ้มแล้ว สะดวกกว่าชะเง้อคอยรถบัสเยอะค่ะ เพียงแต่ต้องทำหน้าอ้อนๆ ให้เค้ามารับตอนขากลับ และนัดหมายเวลากันดีๆ (เค้าจะช่วยโทรนัดให้ อาจไม่ใช่คันเดิมมารับค่ะ) แต่ถ้ายังไม่รู้จะเอ้อระเหยถึงกี่โมง ก็อ้อนต่อสิคะ ขอเบอร์โทรศัพท์สำหรับเรียกแท็กซี่เตรียมไว้เลย พอถึงเวลาก็หาใครใจดีแถวนั้นช่วยโทรให้ พลีส พลีส

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

แท็กซี่ที่ญี่ปุ่นเค้าเปิดปิดประตูให้อัตโนมัติค่ะ สามารถขึ้นนั่งได้เลย 

แผนผังไร่ไดโอวาซาบิ ใหญ่โตดีเหมือนกัน

มาถึงไร่ไดโอวาซาบิกันแล้วค่ะ ชื่อของไร่มีความหมายว่า ราชาแห่งวาซาบิ (ไดโอแปลว่าราชา) สมเป็นไร่วาซาบิอันดับหนึ่งของประเทศ ด้วยพื้นที่กว่า 15 เฮคเตอร์ (หรือ 150,000 ตารางเมตร เท่ากับสนามเบสบอล Tokyo Dome จำนวน 11 สนาม) แต่ก่อนจะเข้าไปชมไร่ แค่หน้าทางเข้าทิปิจังก็กรี๊ดกร๊าดราวเสียสติ กับทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาเจแปนแอลป์ ในโหมดพาโนรามา ไร้หลังคาบ้านเรือนใดๆ บดบังเสียแล้ว


วาซาบิสดๆ จากไร่

ว่ากันว่าวาซาบิเป็นสมุนไพรท้องถิ่นที่มีสรรพคุณมากมาย ทั้งป้องกันฟันผุ ป้องกันมะเร็ง ช่วยเรื่องเลือดลม และการทำงานของหัวใจ ดังนั้นเมื่อผ่านพ้นประตูเข้าไร่มาแล้ว ทิปิจังก็พุ่งตรงไปยังบู้ธซอฟต์ครีมรสวาซาบิ ประเดิมรสชาติหวานเจี๊ยบแบบขำๆ ไม่เผ็ดร้อนดังแอบคิดเลย ตามด้วยมันฝรั่งโคโรเกะ และขนมดังโกะ ซึ่งล้วนแต่ใช้วาซาบิเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น จนอิ่มแปล้ก่อนถึงมื้อใหญ่

ตรงดิ่งไปหาซอฟต์ครีมก่อนเลย

นอกจากซอฟต์ครีมแล้วยังมีขนมรสวาซาบิอื่นๆ อีก

แล้วก็มาต่อมื้อหลัก

หลากเมนูที่มีวาซาบิเป็นส่วนประกอบ

จากนั้นก็ได้ฤกษ์เดินสำรวจไร่วาซาบิอันดับหนึ่งเสียที ซึ่งก็ทำให้ทิปิจังค้นพบว่าพื้นที่แถบนี้ ไม่ว่าจะเขตชุมชน หมู่บ้านชาวนา หรือแม้แต่ไร่วาซาบินี้ ต่างก็ได้อานิสงค์จากของดีอย่างหนึ่งร่วมกัน นั่นคือน้ำใสแจ๋วคุณภาพเยี่ยม จากเทือกเขาเจแปนแอลป์นั่นเอง โดยเฉพาะที่ไร่วาซาบินี้ น้ำจากหิมะละลายถือเป็นปัจจัยอันดับหนึ่ง ในการเลี้ยงดูวาซาบิให้มีคุณภาพดี โดยในแต่ละวันน้ำเย็นๆ ปริมาณกว่าแสนตัน ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปี 13 องศาเซลเซียส พร้อมออกซิเจนบริสุทธิ์ และเต็มเปี่ยมด้วยแร่ธาตุสำคัญ จะไหลผ่านแปลงผัก ที่บรรจงจัดวางเป็นรูปหวี น้ำจึงค่อยๆ ไหลซึมไปตามซี่หวี จนถึงด้ามหวี โดยไหลตลอดเวลา ไม่ท่วมขัง และหล่อเลี้ยงวาซาบิน้อยใหญ่ทั่วถึงทุกต้น จนเติบโตมาเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมให้พวกเราต่อไป





และในพื้นที่กว้างใหญ่ ที่ห้อมล้อมด้วยขุนเขา และพึ่งพาธรรมชาติเช่นนี้ ก็ย่อมมีศาลเจ้าเพื่อสักการะบูชาเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งที่นี่จะพบมากมายหลายรูปแบบ ครอบคลุมทั่วพื้นที่ เดินแป๊บๆ ไม่กี่ก้าวก็เจออีก รวมทั้งศาลเจ้าไดโอ อันเป็นที่มาของชื่อไร่แห่งนี้ด้วย




นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ได้ลงไม้ลงมือปฏิบัติด้วย เช่น เวิร์กช้อปสับๆ ตำๆ คลุกๆ ทำเครื่องเคียงสูตรพิเศษ (tsukemoto) จากวาซาบิสดๆ จากไร่ (มีค่าใช้จ่ายสิคะ) ทำให้ได้ความรู้เพิ่มเติมว่า รสชาติวาซาบิที่อร่อย ไม่ใช่แค่เผ็ดขึ้นจมูก แต่ต้องกลมกล่อม ออกหวานนิดๆ และเค็มหน่อยๆ (ก็ไม่แน่ใจว่าที่เค็มนี่ เพราะจากน้ำมือตัวเองตอนตำๆ คลุกๆ หรือเปล่า) แต่ที่พิเศษกว่านั้น คือบรรจุภัณฑ์สำหรับเครื่องเคียงวาซาบิแฮนด์เมดฝีมือตัวเองนี่สิคะ เลิศเลอทรงค่าสุดๆๆๆๆ (เดาว่าที่จ่ายไปเป็นค่ากล่องครึ่งนึงแล้วล่ะ) ครูผู้สอนบอกว่าเก๋ไก๋ขนาดนี้ เทียบชั้นผลิตภัณฑ์ขายดีอันดับหนึ่งของไร่เชียวนะ และแอบกระซิบด้วยว่า เก็บไว้อีกซัก 1 สัปดาห์สิ จะค่อยๆ เผ็ดขึ้นจนแซ่บสมใจชัวร์ป๊าด


ครูสอนเวิร์กช้อป

วัตถุดิบและอุปกรณ์ พร้อม!

สับๆๆ

คลุกๆๆ

ขยำๆ บี้ๆ

แพ็จเก็จเลอค่า ประทับใจสุดๆ

ยังมีเวลาอีกนิดก่อนแท็กซี่ที่นัดไว้จะมารับ ทิปิจังจึงไปเตร็ดเตร่ต่อในร้านขายของที่ระลึก ซึ่งก็ได้ตื่นเต้นกับผลิตภัณฑ์จากวาซาบิอีกเพียบ ทั้งขนมแบบญี่ปุ่นและไม่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น มายองเนส ชีส เดรสซิ่ง แครกเกอร์ ช็อกโกแลต เค้กเนื้อนุ่ม แม้แต่ไวน์ ล้วนแล้วแต่มีรสชาติ และสรรพคุณของวาซาบิสดๆ จากไร่ฝังอยู่แล้วแทบทั้งนั้น  แหม … เรื่องช่างคิดช่างทำเนี่ย ยกนิ้วให้จริงๆ ขายได้ทุกสิ่งอย่างเลย




ของฝากของชำร่วยจากวาซาบิสารพัด

ป.ล. วาซาบิที่พวกเราคุ้นเคยกัน คือส่วนของรากนำมาขูดฝอย โดยการขูดก็ต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะ ยิ่งถ้าเป็นเครื่องขูดทำจากหนังฉลามแห้ง จะยิ่งได้วาซาบิขูดรสชาติถึงใจที่สุด แต่ถ้าหนังฉลามมันหายากนัก จะใช้เครื่องขูดแบบเซรามิกหรือโลหะแทนก็ได้ ส่วนวาซาบิเทียมที่ทำขายในรูปเพสต์หลอด มักทำมาจากฮอสแรดิชผสมมัสตาร์ดและสีผสมอาหาร พบบ่อยในร้านซูชิสายพาน หรือเบนโตะราคาไม่แพง หรือร้านซูชินอกประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้เนื่องจากวาซาบิสดมีราคาแพง และที่สำคัญคืออยู่ได้ไม่นาน ความเผ็ดสดจะค่อยๆ ระเหยหายไป จึงไม่นิยมทำเป็นเพสต์ (เพราะเหตุนี้เอง วาซาบิจึงมักถูกแปะไว้ตรงกลางระหว่างข้าวกับหน้าซูชิ) แต่แม้จะพิถีพิถันในเรื่องรสชาติซักเพียงไร แต่ญี่ปุ่นก็ยังต้องนำเข้าวาซาบิจากประเทศอื่น เช่น จีน ไต้หวัน หรือนิวซีแลนด์ อยู่ดี เพราะแค่ที่ปลูกในญี่ปุ่น ก็ใช้กันไม่พอแล้ว 



http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

บนเส้นทางตะลอนทัวร์ Snow Wall
ชมไร่วาซาบิที่มัตสึโมโตะ
เที่ยวเมืองจิจิบุ (Pink moss & White water boating)
วน 1 รอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น