มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

2 มีนาคม 2561

บนเส้นทางตะลอนทัวร์ Snow Wall


บล็อกนี้ทิปิจังจะพาเที่ยวกำแพงหิมะ หรือ snow wall หรือ snow corridor … แล้วแต่จะเรียกเลยค่ะ … เป็นไฮไลท์สำคัญอย่างหนึ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ บนเส้นทางชื่อ ย้าว ยาว ว่า Tateyama Kurobe Alpine Route ที่เชื่อมระหว่างเมืองโทยามะ ในจังหวัด Toyama กับเมืองโอมาจิ ในจังหวัด Nagano พาดผ่านวิวภูเขาสวยๆ ทางตอนเหนือของ Japan Alps นั่นเอง


จะเที่ยวเล่นบนเส้นทางนี้ให้ครบ ต้องเผื่อเวลาไว้ 1 วนเต็มๆ เลยนะคะ เพราะจำเป็นต้องพึ่งพาขนส่งสาธารณะหลายประเภทมาก ไม่ว่าจะเป็นรถ cablecar รถบัส trolley ไฟฟ้า หรือกระเช้า ropeway เค้าจัดให้ตามสภาพภูมิประเทศเลยค่ะ คือถ้าชันมากๆ ก็ต้องเป็น cablecar ขบวนเอียงๆ ไว้ไต่เขาโดยไม่หล่นวืดลงมา ถ้าเป็นหุบเหวก็ต้องกระเช้าหรือ ropeway ไปเลย ส่วนตรงไหนที่พอจะเป็นถนนได้ก็มีรถบัสให้บริการ แต่รถบัสก็มีหลายประเภทอีกนะ คือถ้ายิ่งสูงขึ้นไปก็มักเป็น trolley ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เพื่อช่วยรักษาสภาพแวดล้อมยังงัยล่ะคะ … อ้อ แล้วก็เส้นทางนี้ไม่ได้เปิดให้บริการตลอดทั้งปีนะ ช่วงที่หิมะเยอะๆ คือตั้งแต่ ธ.ค. ถึง กลางๆ เม.ย. เค้าจะปิดให้บริการค่ะ เพื่อความปลอดภัยทั้งหลายทั้งปวง

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

นักท่องเที่ยวที่มาส่วนใหญ่ ก็มาชื่นชมวิวสวยๆ ของเทือกเขา Tateyama นั่นแหละ แถวนั้นมีเส้นทางไฮกิ้งทั้งง่ายและยากปนๆ กันหลายเส้นทางทีเดียว แต่ถ้าเป็นฤดูใบไม้ผลิก็มักจะได้ของแถมสุดอลังการคือ snow wall อยู่ตรงช่วงที่เป็นถนนก่อนถึง Murado ค่ะ (ดูแผนที่) เพื่อเปิดพื้นที่ให้รถวิ่งได้ เค้าจะโกยหิมะออกไปกองๆ ไว้สองข้าง แต่หิมะบนเจแปนแอลป์หลังหมดหน้าหนาวใหม่ๆ ก็มีปริมาณเยอะมากใช่มั้ยล่ะค่ะ กองไปกองมาก็สูงจนมีหน้าตาเหมือนกำแพง ช่วงพีคๆ สูงถึง 20 เมตรนู่นแน่ะ กลายเป็นของแปลกเรียกผู้คนมาท่องเที่ยวได้อีก โดยเฉพาะตั้งแต่กลางเดือน เม.ย. ถึงกลางเดือน มิ.ย. ซึ่งจะเปิดเลนพิเศษให้นักท่องเที่ยวได้ลงจากบัสมาเดินเล่นโดยเฉพาะ

Credit: https://www.japan-guide.com/e/e7550.html

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

Booking.com

ยิ่งช่วง Golden Week หรือสัปดาห์ทองของญี่ปุ่น ตอนต้นเดือน พ.ค. ซึ่งมีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวัน นักท่องเที่ยวถล่มทลายเลยค่ะ … คือเที่ยวได้นะ แต่ต้องต่อคิวเยอะหน่อย และถ้าเป็นไปได้ แนะนำพกกล่องเบนโตะไปด้วยจะดีกว่า เพราะร้านอาหารข้างบนก็คิวยาวเหยียดไม่แพ้กัน

มาเริ่มต้นกันเลยดีกว่าค่ะ ทิปิจังจะพาเดินทางไปบนเส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route ในทิศที่เริ่มจากจุดเริ่มต้นที่โทยามะทางตะวันตก ไปจนสุดทางที่โอมาจิทางตะวันออกแบบรวดเดียวจบ (แต่ถ้าเที่ยวในทิศตรงข้าม คือเริ่มจากโอมาจิแล้วมาจบที่โทยามะ ก็ได้เหมือนกัน) หรือบางคนถ้าไม่อยากรวดเดียวจบ ข้างบนก็มีโรงแรม กระท่อม หรือจุดตั้งแคมป์ให้พักได้นะคะ (แต่หนาวๆ แบบนี้คงไม่มีใครตั้งแคมป์มั้ง 55) หรือบางคนก็ไปครึ่งทางแล้วย้อนกลับ ก็มีเหมือนกัน ไม่ต้องกระเต็งกระเป๋าสัมภาระมาลำบากลำบนด้วย

อ้าว แล้วคนที่จะเที่ยว one-way จากต้นจบจบ จะทำยังงัยกับสัมภาระหรือคะ หรือว่าต้องแพ็คให้เล็กสุดๆ เท่านั้น จะเป็นไปได้หรา เที่ยวต่างประเทศนะ 55 เค้าก็ไม่ใจร้ายหรอก คิดคำนวณส่งตัวช่วยมาให้นักท่องเที่ยว ที่มาพร้อมข้าวของพะรุงพะรังด้วยค่ะ จากสถานีโทยามะ สามารถใช้บริการส่งกระเป๋าข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งได้ แต่ต้องส่งถึงแค่ที่สถานี Shinano-Omachi ตรงสุดเส้นทางเท่านั้นนะ จึงจะไปถึงภายในวันเดียวกัน จากนั้นถ้าจะไปที่อื่นต่อ เช่นมัทสึโมโตะ ก็ลากขึ้นรถไฟกันเอาเอง ไม่ได้ลำบากอะไร

ว่าจะเริ่มแล้วก็ยังไม่ได้เริ่มซะที อารัมภบทยาวเหลือเกิน 555 เอาล่ะ ฝากฝังสัมภาระเรียบร้อยตัวปลิวแล้ว ก็มาเริ่มกันจริงจังเถอะค่ะ เด๋วช่วยนับด้วยว่าต้องต่อกันกี่ต่อนะคะ

1. Toyama Chiho Railway 
ทิปิจังพักค้างแรมที่เมืองโทยามะอยู่แล้ว ตื่นมาก็ถึงจุดเริ่มต้นของเส้นทางนี้เลย โดยเส้นทางรถไฟสายนี้เริ่มต้นจากสถานี Dentesu Toyama ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ติดกับสถานี JR Toyama นั่นเอง สามารถสลัดกระเป๋าได้ที่สถานีนี้ และรถไฟก็จะพาไปส่งถึงปลายทางที่สถานี Tateyama โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 1,200 เยน

รอขึ้นรถไฟที่สถานี Dentesu Toyama

2. Tateyama Cablecar
เริ่มชัน ต้องเปลี่ยนมาเป็นรถไฟไต่เขาเสียแล้ว สถานีขึ้นก็เอียงๆ แบบในรูปแหละค่ะ ขึ้นไปก็เอียงๆ แต่ที่นั่งตรงๆ ไม่เอียงนะคะ เค้าออกแบบมาดีแล้ว อิอิ จากสถานี Tateyama จนถึงสถานี Bijodaira ใช้เวลา 7 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 720 เยน

คิวขึ้นเคเบิ้ลคาร์ไต่เขาเอียงๆ

3. Highland Bus
จากนั้นเป็นถนน ก็นั่งรถบัสกันได้ยาวๆ จากสถานี Bijodaira ถึง Murodo ใช้เวลา 50 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 1,710 เยน ซึ่งถนนเส้นนี้แหละ คือเส้นที่เค้าโกยหิมะจนสูงเป็นกำแพงสีขาวโพลนนั่นเอง นั่งๆ ไปจากกำแพงเตี้ยๆ ก็ค่อยๆ สูงขึ้น ยิ่งถ้ามาช่วงต้นๆ ฤดูกาลจะเห็นว่าสูงชลูดเลยทีเดียว และเค้ามีจอดให้ลงระหว่างทางป้าย 2 ป้ายด้วยนะคะ แต่ถ้าจะมาเดินชมกำแพงหิมะ แนะนำนั่งไปถึงสุดทางที่ Murodo เลย แล้วค่อยเดินวนเป็นลูฟ โดยเดินวนด้านนอกเห็นวิวทิวทัศน์สวยๆ ของเทือกเขา Tateyama ก่อน (ใส่รองเท้ามีดอกยางกันลื่นไปนะคะ) แล้วค่อยวกมาเดินกลับบนถนนที่มีกำแพงหิมะล้อมรอบ จะได้ว้าวๆ ปิดท้ายและไม่ต้องไปกลับซ้ำทางเดิมยังงัยล่ะคะ ระยะทางกำแพงหิมะที่เปิดให้เดินได้ก็ประมาณ 1 ก.ม. อากาศเย็นๆ แบบนี้เดินได้ไม่เหนื่อยเลย (แค่ระวังลื่นเท่านั้นแหละ อิอิ)

นี้คือวิวลูฟด้านนอก ขาวโพลน 555

ส่วนตรงนี้ วนลูฟขากลับ ข้างใน snow wall เลย

และที่สถานี Murodo นี้เองก็มี complex ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรม Hotel Tateyama นับเป็นโรงแรมที่อยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่นเลย ถ้าเป็นฤดูกาลที่อากาศเป็นใจกว่านี้ จาก Murodo จะสามารถเดินไฮกิ้งไปยัง Jigokudani หรือหุบเหวนรกได้ด้วย (ชื่อน่ากลัว ก็แค่มีรอยแยกปล่อยควันภูเขาไฟปุ๋ยๆ ออกมานั่นแหละ ที่ญี่ปุ่นเรียกให้น่ากลัวแบบนี้ทุกที่เลย) … แต่ทิปิจังไม่ค้างแถวนี้นะคะ แค่แวะพักกินข้าวเที่ยงคิวยาวๆ (ยาวจริงจังมาก เพราะมาช่วงโกลเด้นวีคพอดี สวยชัวร์ แต่เซ็ง 55)

4. Tateyama Trolley Bus
ท้องอิ่มแล้วก็เดินทางต่อค่ะ คราวนี้นั่งรถบัสไฟฟ้า trolley จาก Murado ไปยัง Daikanbo ใช้เวลา 10 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 2,160 เยน ซึ่งอันนี้เป็นบัสแท้ๆ แต่แพงจัง คงเพราะเค้าลงทุนเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาเลยน่ะสิคะ … ไม่เห็นวิวอะไรเลย 55

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

5. Tateyama Ropeway
เพิ่งจะครึ่งทางเอง กำแพงหิมะที่หมายปองก็ผ่านพ้นไปแล้ว แต่จากนี้ไปแทนที่จะเหงาหงอย กลับตื่นตาตื่นใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน … ทว่าระหว่างนี้ต้องต่อคิวยาวๆ เพื่อขึ้นกระเช้า หรือ Ropeway ข้ามหุบเขาระยะทาง 1.7 ก.ม. ก่อนนะคะ พวกเรานั่งจากทิศนี้ก็เป็นขาลง และสังเกตุว่าไม่มีเสาตั้งเกะกะระหว่างทางเลย ถือเป็นกระเช้าแบบ one-span ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น ใช้เวลาแค่ 7 นาทีเท่านั้น ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 1,300 เยน … อืม เวลาที่รอขึ้นกระเช้ายังนานกว่าอีก เป็นคอขวดของทั้งเส้นทางเลยก็ว่าได้

วิวสวยๆ จาก ropeway

6. Kurobe Cablecar
ผ่านพ้นช่วงหุบเขา ก็มาเจอเขาคั่นอีกลูก เค้าเลยเจาะภูเขาให้ทะลุผ่านอีกเช่นเคย แต่อุโมงค์ตรงนี้ชันมากเลย ก็เลยต้องใช้เป็น cable car ไว้ไต่เขาชันๆ อีกแล้ว มาส่งพวกเราจาก Kurobedaira ถึงสถานี Kurobeko อยู่ในอุโมงค์เอียงๆ ทั้งเส้น ใช้เวลา 5 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 860 เยน (อันนี้ถูกกว่าอุโมงค์อันแรก เพราะสั้นกว่ามั้ง) ไม่เห็นวิวอีกแล้ว



มืดๆ ออกมาจากอุโมงค์ก็ว้าวเลยค่ะ เพราะตรงนี้คือเขื่อนสวย Kurobe Dam ความสูง 186 เมตร ซึ่งเป็นเขื่อนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ตอนนี้ระดับน้ำเพิ่งเริ่มๆ จะสูงขึ้น (หิมะเริ่มละลายนิดๆ) ถ้าเป็นหน้าร้อนตั้งแต่ปลายๆ มิ.ย. ถึงกลาง ต.ค. น้ำที่สะสมในเขื่อนจากหิมะละลายจะเยอะขึ้น ต้องปล่อยน้ำออก อัตราการปล่อยคือ 15 ตันต่อวินาที กลายเป็นน้ำใสๆ คุณภาพดีส่งไปหล่อเลี้ยงฟาร์มวาซาบิที่มัทสึโมโตะ (ขอโฆษณาอีกบล็อก อิอิ) และเป็นวัตถุดิบในการผลิตเหล้าสาเกชั้นดีของแถวนี้ด้วยสินะ และช่วงน้ำเยอะๆ นี้เอง ก็สามารถใช้บริการล่องเรือชมเขื่อนได้ด้วยค่ะ

วิวเขื่อนคุโรเบะสวยๆ

สันเขื่อนก็เก๋มาก

7. Kanden Trolley Bus
เดินเล่นสันเขื่อนชมวิวสวยกันเพลินๆ เสร็จ ก็มาต่อรถไฟฟ้า trolly ซึ่งเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาอีกแล้ว จาก Kurobe Dam ถึง Ogizawa ใช้เวลา 15 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 1,540 เยน (ตั้งราคายังงัยเนี่ย อุโมงค์นี้ยาวสุด แต่ไม่แพงเท่าอุโมงค์แรก สงสัยเพราะอยู่ที่ระดับความสูงต่ำกว่ามั้ง เลยสร้างได้ไม่ยากเท่า เดาๆ เอานะคะ 55)

8. Ogizawa-Omachi Bus
สุดท้ายแล้วค่ะ จาก Ogizawa ไปสุดทางเส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route ที่สถานี JR Shinano-Omachi ในเมืองโอมาจิ ระหว่างทางผ่าน Omachi Onsen ด้วย มีใครแวะลงมั้ยคะ อิอิ ใช้เวลา 40 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 1,360เยน

ท้ายแล้วแต่ไม่ท้ายสุดจริงๆ เพราะที่พักในค่ำคืนนี้ของทิปิจังอยู่ที่เมืองมัทสึโมโตะน่ะสิคะ จาก JR Shinano-Omachi ต้องนั่งรถไฟ JR ต่ออีกนิดไปลงสถานี JR Matsumoto อีกเกือบๆ ชั่วโมงค่ะ และขอเตือนดังๆ ณ จุดนี้เลยนะคะ ที่สถานี JR Shinano-Omachi นี้ มาถึงแล้วอย่าเผลอเพลินต่อ JR ไปด่วนๆ เด็ดขาด เพราะกระเป๋าของพวกเรายังรออยู่ที่นั่น ไปรับกระเป๋าให้เสร็จก่อนและพกไปด้วยค่ะ ถ้าคืนนี้อยากจบสวยๆ ห้ามลืมเด็ดขาด 55

ป้ายบอกว่ารับกระเป๋าตรงไหน มีภาษาไทยด้วย

ทั้งหลายทั้งปวงนี้ นั่งขนส่งสาธารณะทั้งหมด 8 ต่อ ค่าโดยสารเที่ยวเดียวรวมๆ แล้ว 10,xxx เยนตลอดทั้งเส้นทาง ขอแนะนำว่าให้ซื้อตั๋วรวมรวดเดียวจบจากต้นทางเลยจะสะดวกกว่า ถึงราคามันจะไม่ได้ลดอะไร แต่ก็จะได้ไม่ต้องควักกระเป๋าสตางค์บ่อยๆ ยังงัยล่ะคะ ยกเว้นแต่ว่าเป็นประเภทชอบทิ้งๆ ขว้างๆ ทำของหายบ่อยเกิน จะซื้อเป็นเที่ยวๆ ก็ตามใจนะคะ เผื่อเวลาไว้เข้าคิวด้วยล่ะ 55


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

วน 1 รอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ
https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น