คิวชูเป็นเกาะใหญ่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น และมีความเป็นญี่ปุ่นในแง่มุมที่อาจแตกต่างไปบ้าง เมื่อเทียบกับส่วนอื่นของประเทศ เพราะทำเลที่ตั้งที่ใกล้ชิดติดกับแผ่นดินเอเชียมากที่สุด ทำให้มีเมืองท่าชั้นเอกซึ่งติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ ทั้งจากตะวันออกและตะวันตกมาตั้งแต่อดีตนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษจากไออุ่นใต้พิภพ ที่มากระจุกตัวรวมกันมากมายเป็นพิเศษบนเกาะคิวชูแห่งนี้ จึงเป็นแหล่งน้ำแร่อองเซนธรรมชาติ และภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่อีกเป็นจำนวนมาก … แต่ก่อนจะออกสำรวจที่ไหนต่อไหนรอบเกาะคิวชู ลองให้เวลาอย่างน้อย 1 วัน สำหรับสำรวจเมืองหลวงของภูมิภาคทางใต้บนเกาะคิวชูแห่งนี้ ที่เมืองฟุคุโอคะกันหน่อยมั้ยคะ มาดูกันค่ะว่า 1 วันในฟุคุโอคะ ทิปิจังจะตะลอนทัวร์ไปเที่ยวไหนได้บ้าง
Fukuoka Tower
ถ่ายรูปกับป้ายยินดีต้อนรับสู่ Fukuoka Tower
เริ่มนับ 1 วันตั้งแต่ช่วงเช้าที่นั่งเครื่องบินมาลงที่ฟุคุโอคะแบบสดๆ ร้อนๆ เลยก็ยังน่าจะไหว เพราะสนามบินฟุคุโอคะดูจะเป็นสนามบินนานาชาติเพียงไม่กี่แห่งบนโลกกลมๆ ใบนี้ ที่ตั้งอยู่ใกล้ชิดติดกับเมืองมากมาย ใช้เวลานิดเดียวก็เชื่อมถึงตัวเมืองแล้ว คือเพียง 5 นาทีโดยรถไฟใต้ดิน ก็สามารถเดินทางจากสนามบินถึงสถานีฮาคาตะ (Hakata) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลักแห่งหนึ่งของเมือง หรือบวกเพิ่มอีก 5 นาที ก็ถึงใจกลางเมืองแถวแหล่งช้อบปิ้งในย่านเทนจิน (Tenjin) แล้ว
ยังเช้าอยู่อย่าเพิ่งช้อปเยอะค่ะ หนักตัวเปล่าๆ ไปลั้นลาถ่ายรูปกันก่อนดีกว่า สถานที่แรกที่ทิปิจังจะพาไปก็คือ สวนสาธารณะโมโมชิริมทะเล (Seaside Momochi) ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยจัดงาน 1989 Asia Pacific Expo มีอาณาบริเวณกว้างขวางมาก ประกอบด้วยส่วนหลักๆ คือชายหาดริมทะเลที่ถูกถมขึ้นมาใหม่ มีทางเดินขนานเลียบหาด และท่าเทียบเรือ Marizon ที่ยื่นเก๋ๆ ออกไปในทะเล และเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและโรงแรมหรู พร้อมโบสถ์สำหรับใช้ประกอบพิธีแต่งงานสวีทวี้ดวิ้ว เคียงคู่ตึกระฟ้าและอาคารทันสมัยมากมาย โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่อาคาร Fukuoka Tower ความสูง 234 เมตร (สูงที่สุดในเมือง) ทางฟากตะวันตก และ Hawks Town ซึ่งเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ทางฝั่งตะวันออก ซึ่งก็ห่างกันเป็นกิโลเลยเหมือนกัน
Marizon ที่ตั้งของร้านอาหารและโรงแรมหรูที่ยื่นเก๋ๆ ออกไปในทะเล
ชายหาดเทียมที่ Seaside Momochi
มีทางเดินไม้ปูไว้ตลอดทางแบบเท้าไม่ต้องเปื้อนทรายเลย
เริ่มต้นจากฝั่งตะวันตกแถว Fukuoka Tower ก่อนเลยนะคะ ทิปิจังขอนำเสนออาคารของสถานีโทรทัศน์ TNC ที่มี Robosquare หรือพิพิธภัณฑ์หุ่นยนต์ (ขนาดเล็กจิ๋ว) ซึ่งจัดแสดงหุ่นยนต์นานาชนิด ตั้งแต่ยุคโบราณ (ประเภทตุ๊กตาหุ่นเชิดกลไก หรือ karakuri ningyo) จนถึงหุ่นยนต์ยุคใหม่ เช่น แมวน้ำขี้อ้อนสำหรับเป็นเพื่อนเล่นแก้เหงาผู้เฒ่าผู้ชรา (ลูบหัวทีก็มองตาละห้อยตามที พร้อมเสียงเงี้ยวง้าวน่ารัก จนอยากคว้ากลับบ้านไปด้วยเลย) หุ่นยนต์ไอโบ (Aibo) และหุ่นยนต์คิตตี้ ที่รับคำสั่งเสียงแล้วก็ปฏิบัติตามบ้าง ไม่ปฏิบัติตามบ้าง (สงสัยสำเนียงภาษาญี่ปุ่นของทิปิจังจะเพี้ยนเยอะไปหน่อย) และอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งแม้ที่ Robosquare นี้จะเปิดให้บริการฟรี แต่สุดท้ายคงต้องมีควักกระเป๋าให้กับสินค้าในนั้นบ้างละ เชื่อสิ … ใครกันจะอดใจไหว
ทางเข้า Robosquare
กองทัพหุ่นยนต์
แบบนี้ก็เล่นได้ สนุกจัง 555
โหวววว สายตาอ้อนมากเลยค่ะ
เตะซะทีสิ Aibo จ้องอยู่นั่นแหละ
สารพัดรุ่นเลย
คิตตี้จังก็มา
จากนั้นไปกรี๊ดกร๊าดเก็บเกี่ยวบรรยากาศดีๆ ที่ชายหาดเทียม แบบที่ปลายเท้าไม่ต้องสัมผัสผืนทรายเลยซักแอะ (เพราะมีทางเดินไม้ปูไว้เรียบร้อยตลอดทาง) เอ้อระเหยกินลมชมวิวมาเป็นกิโลเห็นจะได้ ก็มาถึงศูนย์กลางของ Seaside Momochi อีกด้านทางฝั่งตะวันออก ซึ่งมีสนามกีฬาหลังคารูปโดมหรือ Yahoo dome ตั้งเด่นคอยต้อนรับ
พื้นที่ส่วนนี้เป็นที่ตั้งของ Hawks Town เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งประกอบด้วย Yahoo Dome อันเป็นสนามเหย้าของทีมเบสบอลนกเหยี่ยว Fukuoka Hawks รวมทั้งบรรดาแหล่งช้อบปิ้ง และโรงแรมหรูหลายดาว ที่ญี่ปุ่นนี้เบสบอล หรือยาคิวจัดเป็นกีฬายอดนิยมอันดับหนึ่ง ซึ่งที่ฟุคุโอคะนี้จะมีทีมอาชีพอยู่เพียงทีมเดียว และอาศัย Yahoo Dome แห่งนี้สร้างชื่อนั่นเอง … เพียงเท่านี้ก็หมดไปครึ่งวันแล้วสินะ สำหรับการตะลอนทัวร์เลียบชายทะเลทางตอนเหนือของเมือง ช่วงนี้ทิปิจังขอตัดข้าสู่เบรคเที่ยงตามกลิ่นเนื้อย่างอันหอมหวลใน Hawks Town เพิ่มพลังก่อนนะคะ
ถึงแล้ว Yahoo Dome
ประตูทางเข้าสู่สนามเหยี่ยว
แฟนคลับใครบ้าง
นกเหยี่ยวสู้ๆ
ชูสองนิ้ว
มือใครบ้าง
บรรยากาศรอบๆ
ร้านค้ามากมาย บรรยากาศน่าเดินมาก
จากนั้นเมื่อท้องอิ่ม ก็ได้เวลาชะแว้บกลับเข้าสู่ใจกลางเมือง ทิปิจังจะพานั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่ศูนย์กลางแหล่งช้อบปิ้งย่านเทนจิน ที่คะแนลซิตี้ (Canal City) ซึ่งเป็นเมืองช้อบปิ้งและเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (เป็นเมืองในเมืองอีกที) ชื่อดัง และที่ชั้น 5 ก็มี Ramen Stadium ซึ่งเป็นแหล่งรวมของร้านราเมงชื่อดังถึง 8 ร้านจากทั่วญี่ปุ่น แต่เนื่องจากท้องอิ่มมาแล้ว ทิปิจังจึงไม่ได้แวะขึ้นไปค่ะ แต่ใช้เวลาไปกับการละลายทรัพย์ที่ร้านค้าน่ารักต่างๆ มากมายภายในคะแนลซิตี้แห่งนี้ ทำเอากระเป๋าสตางค์เบาหวิวไปเรียบร้อย
บรรยากาศริมน้ำเก๋ๆ ใน Canal City
มีสไตล์แบบญี่ปุ่นๆ
ร้านนี้ของ limited edition เพียบ ขอบอก
ไปต่อกันทางเหนืออีกนิดนึงค่ะ เฉียดไปถึงตลาดเก่า Nakasu Kawabata แบบจงใจ ทำให้ได้แบกข้าวของพะรุงพะรังสำรวจตลาด แบบที่จะหยิบกล้องขึ้นมาทีไรเป็นต้องทุลักทุเล สุดท้ายจึงตัดสินใจหอบหิ้วข้าวของไปเก็บไว้ที่โรงแรมแป๊บ (แถมแอบงีบซักพัก) ก่อนจะได้เวลาตามหาฮาคาตะราเมง ที่หอมกรุ่นด้วยน้ำซุบเข้มข้นสูตรเฉพาะของแถบนี้เป็นมื้ออร่อยมื้อเย็น แล้วไปเดินเล่นบริหารแข้งขาต่อ โดยการสำรวจเมืองยามค่ำคืน ใกล้ๆ กับย่านตลาดเก่าที่ไปตะลอนมาก่อนหน้านี้ คือที่เกาะนาคาซุกลางเมืองฟุคุโอคะนั่นเอง
ที่ตลาดเก่า Nakasu Kawabata ก็คึกคักดี
ที่เกาะนาคาซุ เราเห็นเป็นเกาะเนื่องจากมีแม้น้ำล้อมรอบทั้งสองฝั่ง แถบนี้ทางด้านใต้ๆ จะเป็นแหล่งรวมยาไท (yatai) หรือแผงร้านอาหารกลางแจ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง ให้บรรยากาศเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร จนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของฟุคุโอคะไปเสียแล้ว โดยยาไทจะตั้งแผงขนานไปกับสองฝั่งแม่น้ำ ตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไปจะเริ่มพบเห็นร้านเปิดบ้างแล้ว แต่ยิ่งดึกจะยิ่งหนาแน่นและคึกคักยิ่งขึ้นไปอีก และอาจยาวเลยไปถึงตี 2 นู่นแน่ะ (ยกเว้นว่าอากาศไม่เป็นใจ) ทว่าจะมีวันหนึ่งของสัปดาห์ที่บรรดายาไทเค้าจะหยุดกิจการพักผ่อนมั่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักเป็นวันอาทิตย์ แต่ก็แล้วแต่สถานที่ค่ะ
ร้านยาไทส่วนใหญ่จะเป็นอาหารปิ้งย่างเหมือนในร้านเหล้า (sakaya) เช่น ยาคิโทริ หรือไก่ย่าง โอเด้ง และที่ขาดไม่ได้ก็คือราเมง โดยเฉพาะฮาคาตะราเมงในซุปกระดูกหมูเข้มข้น ร้านยาไทแต่ละร้านมีขนาดเล็กกระทัดรัด นั่งเบียดๆ กันอบอุ่นดีแท้ (เต็มที่คงได้ 7-8 คน) บางร้านถ้าลูกค้าเยอะจัดก็ใช้พื้นที่หน้าร้านเสียเลย ให้บรรยากาศคล้ายๆ ข้าวต้มโต้รุ่งบ้านเราเหมือนกัน
ยาไทริมน้ำ ย่านเกาะนาคาซุ เอกลักษณ์ตอนหัวค่ำของฟุคุโอคะ
ตะลอนทัวร์ 1 วันจบไปแล้วตามสภาพ แต่ยังไม่ได้ลองเมนูขึ้นชื่ออย่างอื่นของแถบนี้เลย เช่น เมงไทโคะ หรือไข่ปลาคอดหมักปรุงรสออกเผ็ดนิดๆ ซึ่งแถบฟุคุโอคะนี้ขึ้นชื่อนักเชียวละ ว่ากันว่าเมงไทโคะรสเผ็ดถือกำเนิดในยุคสงครามระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลี และก็บังเอิญว่าฟุคุโอคะเป็นเมืองระหว่างกลางที่สำคัญที่สุดในยุคนั้น โดยเฉพาะในด้านการคมนาคม การหมักกิมจิจากเกาหลีจึงแพร่หลายเข้ามา และผสมผสานกับอาหารท้องถิ่นของฟุคุโอคะ จนเกิดเป็นเมงไทโคะนั่นเอง … ไม่เป็นไรค่ะ ไว้ไปเมืองอื่นใกล้ๆ ค่อยตามหากันต่อไป
ป.ล. นอกจากนี้ทางฝั่งของหวาน ก็มีขนมขึ้นชื่อที่น่าพกกลับมาเป็นของฝากจากฟุคุโอคะ ได้แก่ เมอิคะ ฮิโยโคะ ขนมเก่าแก่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1912 หน้าตาเป็นซาลาเปา หรือมังจู ทำจากถั่วบดห่อด้วยแป้ง และปั้นแต่งจนได้หน้าตาเป็นลูกเจี๊ยบตัวน้อย พบเห็นร้องเจี๊ยวจ๊าวน่ารักเกือบทั่วทุกแห่งในฟุคุโอคะ ผ่านเจอที่ไหนก็ลองแวะชิมกันนะคะ
ตัวอย่างทริปคิวชู 7 วัน + side trip 2 วัน
1-day trip ฟุคุโอคะ
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ฉบับฟุคุโอกะ
เที่ยวศาลเจ้าดาไซฟุ
บนรถไฟสาย Aso Boy
สวนสันติภาพแห่ง Nagasaki
8 ขุมนรกร้อนๆ ที่เบบปุ
หิมะแรกแสนโรแมนติคที่ยุฟุอิน
ชิลๆ ที่ Sakurajima, Kagoshima
อองเซนทรายร้อนที่ Ibusuki, Kagoshima
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น