บล็อกนี้ก็คาแรคเตอร์อีกเช่นกันค่ะ คราวนี้เป็นคิวของน้องหมาตัวดำๆ ชื่อเจ้าคุโระ (kuro แปลว่า สีดำ) ซึ่งเป็นแมสคอทสุดน่ารักประจำรถไฟด่วน (Limited Express หรือทคคิว) ขบวนพิเศษ Aso Boy บนเกาะคิวชูของญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งที่คิวชูมีรถไฟด่วนขบวนพิเศษให้บริการหลายสายเลย เช่น Ibusuki no Tamatebako ที่เล่าถึงในบล็อกนี้ และ Yufuin no Mori ในบล็อกนี้ เป็นต้น แต่ที่น่ารักสุดๆ แบบนี้ ทิปิจังยกให้ Aso Boy แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
บล็อกนี้มีเรื่องเล่าเยอะเลยค่ะ ทั้งเรื่องรถไฟขบวนน่ารัก เรื่องการเล่นคำในภาษาญี่ปุ่น เรื่องเทคนิครถไฟไต่เขา และเรื่องภูเขาไฟ น่าสนใจทุกเรื่องเลยใช่มั้ยล่ะ (อวยเองเลย 555) … เริ่มจากขบวนรถไฟสุดพิเศษนี้ก่อนเลยนะคะ ซึ่งถ้าเป็น Aso Boy ก็ต้องนั่งไปเที่ยวภูเขาไฟอาโซะ (Aso san) ที่ยัง active อยู่สินะ อาโซะซังตั้งอยู่ที่ตอนกลางของเกาะคิวชู ก่อนแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เมืองคุมาโมโตะในปี 2016 รถไฟด่วน Aso Boy เค้าวิ่งให้บริการตั้งแต่คุมาโมโตะทางฝั่งตะวันตก มาส่งตรงถึง Aso เลย แต่พอหลังแผ่นดินไหว ตอนนี้ก็วิ่งเหลือแค่ระหว่าง Aso ถึงเบบปุ (Beppu) ทางฝั่งตะวันออกของเกาะคิวชูเท่านั้นค่ะ (เช็คตารางเวลาและเส้นทางล่าสุดจาก JR Kyushu นะคะ) และ … ขอนอกเรื่องแป๊บ … เบบปุก็น่าเที่ยวนะ อ่านต่อบล็อกนี้เลยค่ะ อิอิ
ความพิเศษของรถไฟด่วน Aso Boy นี้ก็คือ การออกแบบและตกแต่งทุกอย่าง จะมีเจ้าคุโระ น้องหมาตัวดำ หน้าตาบ้องแบ๊ว มาเป็นมาสคอตรับเชิญประจำขบวน พร้อมด้วยโฮสเตสสาวสวย ที่จะมาต้อนรับกันตั้งแต่ก่อน Aso Boy จะมาจอดเอี๊ยดเทียบชานชลาเสียอีก … ไม่แปลกใจเลยที่ Aso Boy จะมีผู้โดยสารตัวน้อยเยอะเป็นพิเศษ
ก้าวขึ้นบนขบวนรถ โอ้โห การตกแต่งภายในและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำเอาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ลั้นลาจนหน้าบาน ทั้งหน้าต่าง บานประตู เก้าอี้โดยสาร ห้องเสบียง จี๊ดจ๊าดมากมาย และยังมีห้องเด็กเล่นเอาใจคุณหนูอีกด้วย (ผู้ใหญ่เห็นก็อยากเล่นนะ) ในระหว่างเดินทางมีบริการเสียงตามสายบรรยายให้ความรู้ (เป็นภาษาญี่ปุ่น) โดยเฉพาะเมื่อ Aso Boy เฉียดเข้าใกล้สถานที่น่าสนใจต่างๆ เช่น น้ำตก กังหันผลิตไฟฟ้า หรือจุดสลับรางอันเก๋ไก๋ที่สถานีทาเทโนะ เป็นต้น รวมทั้งพระเอกตามท้องเรื่องอย่างภูเขาไฟอาโซะนั่นเอง
ส่วนเรื่องจุดสลับรางที่สถานีทาเทโนะ (Tateno) อันนี้เป็นความรู้ทางวิศวกรรมที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นระบบสลับรางแบบสามชั้น หรือแบบ Z ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น คิดดูนะคะ พื้นที่แถบนี้เป็นภูเขาสูงชัน จะเคลื่อนขบวนจากความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 170 เมตรที่สถานีก่อนหน้า มาถึงระดับความสูง 277 เมตรที่สถานีทาเทโนะ ถือว่าชันมากๆ โดยเฉพาะสำหรับรถไฟที่ไม่ได้ออกแบบมาให้ไต่เขาโดยเฉพาะ และต่อจากสถานีทาเทโนะยังต้องไต่ขึ้นไปอีกถึงระดับความสูง 465 เมตรที่สถานีถัดไป สิ่งที่ทำได้คือต้องค่อยๆ ไต่ขึ้น โดยมีการถอยหลัง หรือ switch back ไป 190 เมตรครั้งหนึ่ง แล้วค่อยเดินหน้าไต่ขึ้นไปต่อเป็นรูปตัว Z นั่นเอง
นั่งรถด่วนแบบธรรมดาไม่ได้ความรู้ขนาดนี้นะคะ ขอบอก การเดินทางอันยาวไกลบนรถไฟขบวนพิเศษ Aso Boy สู่ภูเขาไฟอาโซะ เลยไม่มีเวลาให้เงียบเหงาและแอบงีบเลย 555 … เช็คเวลารถไฟเที่ยวกลับด้วยก็ดีนะคะ เผื่อจะได้พบกับเจ้าคุโระบนขบวนรถไฟสุดพิเศษอีกครั้ง
สถานี JR Aso
PS: แถมเรื่องภูเขาไฟนิดนึงค่ะ เมื่อถึงสถานีอาโซะแล้ว ต้องนั่งรสบัสต่ออีกประมาณ 40 นาที ผ่านทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม ปศุสัตว์และฟาร์มน้อยใหญ่ เลี้ยงวัวเลี้ยงม้ามากมาย รวมถึงภูเขาเขียวๆ รูปโคนเล็กๆ จุ๋มจิ๋มน่ารัก ชื่อว่าโคเมซุคะ (ซึ่งตามความเชื่อท้องถิ่น ว่ากันว่าเกิดจากเทพเจ้าแห่งภูเขาไฟอาโซะ เก็บเกี่ยวข้าวเอามากองไว้รวมกันตรงนี้) คุซะเซนริ ซึ่งก็วิวทิวทัศน์สวยบาดใจจนนึกว่ามาเที่ยวสวิสฯ (ในฤดูหนาวแอ่งตรงกลางกลายเป็นลานสเก็ตน้ำแข็งกลางแจ้งขนาดใหญ่โต) และแหล่งความรู้ที่ Aso Volcano Museum นั่นเอง
หลังจากนั้นต่อกระเช้า หรือ ropeway ขึ้นไปจนถึงปากปล่องพ่นควันปุ๋ยๆ (กระเช้า 5 นาที ถ้าเดินเองก็ 1km ครึ่งชั่วโมง) ช่วงไหนที่เค้าขยันพ่นแก๊สเหม็นออกมามาก ก็ไม่เปิดให้เข้า ซึ่งแก๊สส่วนใหญ่มีส่วนผสมของกำมะถัน เหม็น และเป็นพิษ สูดดมเข้าไปเยอะไม่ดี แต่โดยปกติแล้วจะหนักกว่าอากาศ ไม่ลอยคลุ้งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ยกเว้นว่าลมแรงจัดก็ไม่แน่ ใครเป็นหอบหืด ภูมิแพ้ หรือโรคหัวใจ ควรชมห่างๆ ค่ะ และชมๆ อยู่ถ้าได้ยินเสียงประกาศเตือน ก็ปฏิบัติตามกันด้วยนะคะ บังเกอร์แถวนั้นเค้าเตรียมให้พร้อมแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น