มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

20 พฤศจิกายน 2559

อองเซนทรายร้อนที่ Ibusuki, Kagoshima


ถัดจากเที่ยวภูเขาไฟที่ซากุระจิมะ จนเนื้อตัวเปื้อนฝุ่นได้ที่แล้ว ทิปิจังจะพาไปอาบน้ำล้างตัวสบายๆ ท้าลมหนาว ยังแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่อยู่ถัดไปทางใต้ และอาศัยประโยชน์จากความร้อนใต้พิภพบนเกาะคิวชู นั่นก็คือสปาหรืออองเซนนั่นเอง แต่ที่คาโกชิมะนี้มีอองเซนแบบไม่ธรรมดาให้ได้ลองกันค่ะ เป็นอองเซนที่อาศัยน้ำแร่ร้อนๆ มาเพิ่มอุณหภูมิให้กับผืนทรายริมทะเล กลายเป็นอองเซนอบทรายร้อนที่เมืองอิบุซึคิ  ซึ่งเป็นเมืองชายทะเล หันหน้าเข้าหาอ่าวคาโกชิมะทางทิศตะวันออก ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเรื่องอบทรายร้อนริมทะเลนี่ละ และสถานอบทราบร้อนขึ้นชื่อที่ทิปิจังจะพาไป ก็คือซาราคุ หรือซุนะมุชิไคคัง หน้าตาจะเป็นอย่างไร ตามทิปิจังมาเลยค่ะ 

การเดินทางไปยังอองเซนทรายร้อนที่เมืองอิบุซึคินี้ ถ้าจะเลือกใช้บริการรถด่วนขบวนพิเศษก็มีเหมือนกันนะคะ ชื่อว่า Ibusuki no Tamatebako ซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการเดินทางสู่เมืองสปารีสอร์ต ให้ผู้โดยสารได้สุขและผ่อนคลายตั้งแต่บนรถไฟ ด้วยที่นั่งเก๋ไก๋และหน้าต่างพาโนราม่าหันหน้าชมวิวทะเลเต็มอิ่ม พร้อมห้องรับรองและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมโฮสเตสสาวสวยไว้คอยต้อนรับและให้บริการบนขบวนพิเศษนี้

หน้าสถานี JR Ibusuki

ทว่าทิปิจังโชคร้ายนัก จองที่นั่งไม่ทันสิคะ และรถด่วนขบวนพิเศษเช่นนี้ ที่นั่งแบบ free seat หรือจิยูเซคิ ที่ทำเผื่อไว้สำหรับคนที่ไม่ได้จองที่นั่ง ตั้งใจจะมาแย่งชิงหาๆ เอาตอนขึ้นขบวนมาแล้ว ก็ไม่มีเสียด้วย ตั๋วยืนก็ไม่มี หมดสิทธิ์สถานเดียวเลยค่ะ จะบีบน้ำตาอ้อนวอนหรือดราม่าแค่ไหน กฏก็คือกฏ ทิปิจังได้คุณโฮสเตสคนสวย เชิญลงจากขบวนพิเศษแบบสุภาพ ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์สุดชีวิต ก็แหม … ขบวนพิเศษแบบนี้จะมีวิ่งบริการวันละแค่ 2-3 รอบเท่านั้น ในขณะที่ฟ้ายังอำนวย สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้สวยๆ และรอบนี้ก็เป็นรอบสุดท้ายของวันพอดี (เค้าเสียใจ) … ชริ ขยับตัวช้าไปนิด ไปรอขึ้นรถไฟแบบธรรมดาแทนก็ได้ค่ะ 

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

ในตอนนี้อะไรๆ บนรถไฟขบวนโลคัลดูแย่ไปหมด วิ่งก็ช้า รถก็สั่น ไม่นิ่มเลย ที่นั่งเล็กเบียดเสียด แม้แต่วิวก็ไม่สวย (อ้าว  … อันนี้พาลนะคะ ก็วิวเดียวกันกับขบวนพิเศษน่ะแหละ) ถ้าไม่อยากเป็นอย่างทิปิจังต้องเร็วกว่านี้ค่ะ … แหมๆๆ หลับตานอนพักไปเลยแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวก็ถึง  

สปาเท้าบ่อเล็กๆ หน้าสถานี JR Ibusuki

ข้อมูลเกี่ยวกับรถบัสบริการ และนายสถานีเต่า ผู้เป็นตำนาน ...

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

เอาล่ะ มาถึงสถานี JR Ibusuki เรียบร้อยแล้ว จากตรงนี้สามารถใช้บริการรถบัสไปลงใกล้ๆ สถานอบทรายร้อนซาราคุได้เลย แต่ทิปิจังเป็นนักท่องเที่ยวสุดขยันงัยคะ (บล็อกก่อนยังขี้เกียจอยู่แท้ๆ) เลยเลือกพึ่งพาสองเท้าชมวิวบ้านเมืองแทน ระยะทางไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ (บนเกาะซากุระจิมะโหดกว่าเยอะ) เพียงกิโลนิดๆ เอง เดินเอา 15 นาทีก็ถึง และในการเดินท้าลมชมวิวนี้ ก็ทำให้ได้พบเห็นหลายอย่างเก๋ไก๋เข้าท่าดีนะ เช่น สปาเท้าตั้งแต่บ่อเล็กหน้าสถานีรถไฟ และที่น่ารักมากๆ ก็คือสปาเท้าบ่อน้อยริมทะเล (ไคจูอาชิบะ 海中足場) มีลักษณะเป็นบ่อน้ำน้อยๆ ยื่นลงไปบนผืนทะเล ยกระดับให้สูงกว่าเล็กน้อย ข้างๆ มีตะกร้าใส่ผ้าขนหนูและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกนิดๆ หน่อยๆ ให้ผู้มาใช้บริการ (ไม่รู้ใครเอามาวางไว้ แต่แหม … ใจดีจังเลย) ทิปิจังอดสงสัยไม่ได้ว่าน้ำทะเลแถวนี้อุ่นนักหรืออย่างไร ถึงได้มีอองเซนร้อนควันฉุยๆ มาตั้งเด่นเตะตาอยู่ตรงนี้ ลองทดสอบเอามือจุ่มดู โอ้โห หน้าหนาวแบบนี้ ก็เย็นเฉียบสิคะ น้ำทะเลน่ะ … แล้วไฉนจึงมีแต่น้ำในบ่อน้อยนี้เท่านั้นที่ยังอุ่นอยู่ล่ะ  

นี่งัยคะ สปาอุ่นๆ บ่อน้อยริมทะเลอันหนาวเหน็บ 

ป้ายชัดเจน และตะกร้าผ้าขนหนูพร้อมสรรพ แหม ใจดีจัง

ความสงสัยของทิปิจังกระจ่างขึ้น เมื่อเดินต่อมาอีกนิด และพบกับเส้นทางลำเลียงน้ำแร่อองเซนร้อนๆ ควันโขมงโฉงฉุย ในทิศทางจากภูเขาไหลลงสู่ทะเล ซึ่งก็คือแหล่งที่มาของน้ำแร่อุ่นๆ ในบ่อสปาเท้าน้อยๆ ก่อนหน้านี้ ที่อยู่สูงถัดจากน้ำทะเลเย็นเฉียบขึ้นมานิดเดียวเท่านั้นเอง  

นอกจากนี้ การได้เตร็ดเตรระหว่างทาง ยังได้แถมความรู้อย่างอื่นติดตัวมาด้วย เช่น เรื่องที่ว่าเมืองอิบุซึคินี้เอง ที่เป็นต้นกำเนิดตำนานอุราชิมะทาโร่ ผู้ขี่เต่าไปผจญภัยในเมืองมังกรใต้บาดาล … ว่ากันว่าเด็กหนุ่มชาวประมงคนหนึ่งได้รับเชิญให้ไปเยือนปราสาทมังกรใต้ทะเล ของธิดาแห่งท้องทะเล เพราะได้ช่วยชีวิตเต่าเฒ่าตัวหนึ่งไว้ หลังจากได้รับการเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี พร้อมเพลิดเพลินกับมวลหมู่ปลาแบบสุขสุดๆ ในดินแดนใต้ทะเล ผ่านไป 3 วันก็เริ่มคิดถึงและอยากกลับบ้าน ธิดาแห่งท้องทะเลได้มอบของฝากติดไม้ติดมือ เป็นกล่องสวย ทามาเทบาโคะ (คุ้นชื่อมั้ยคะ ลองย้อนกลับไปดูชื่อรถไฟขบวนพิเศษสิคะ) แต่มีคำเตือนว่าห้ามเปิดเด็ดขาดนะ

แต่พอเด็กหนุ่มกลับถึงบ้าน ก็พบว่าทุกสิ่งอย่างได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว สำหรับชาวเมืองบนผืนดิน อุราชิมะ ทาโร่ นั้นเหลือไว้เพียงเสียงเล่าลือว่าได้หายไปในท้องทะเลร่วม 300 ปีแล้ว เขาเสียใจมากๆ จึงลองเปิดกล่องทามาเทบาโคะดู ก็ปรากฏควันขาวพวยพุ่ง และเปลี่ยนให้เขากลายเป็นคนแก่ผมหงอกไปในพริบตา ทั้งนี้เพราะธิดาแห่งท้องทะเล ได้เก็บวันเวลาที่จะแก่เฒ่าของเขาไว้เป็นความลับ ในกล่องทามาเทบาโคะนี้ แต่เขาก็ได้ปล่อยมันออกมาแล้วนั่นเอง

ตอกย้ำตำนาน Urashima Taro กับกล่องไม้ Tamatebako

นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าขานอีกด้วยนะ ว่าทามาเทบาโคะเป็นของวิเศษ ช่วยให้คนๆ หนึ่งมีกำลังวังชาเท่าคนนับพัน และถูกเก็บรักษาเป็นสมบัติล้ำค่า อีกทั้งยังมีคนที่คิดค้นการพับกระดาษหรือโอริกามิ ที่ตั้งชื่อตามมาในภายหลังว่าทามาเทบาโคะอีกด้วย ซึ่งเป็นโอริกามิทรงลูกบาศก์ มีทริคที่สามารถเปิดฝากล่องจากด้านใดก็ได้ เพียงแต่จะเปิดได้ครั้งละหนึ่งด้านเท่านั้น และหลังจากนั้นก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ต่อไม่ติดอีกต่อไป (แหม คนทำช่างคิดจริงๆ) ซึ่งโอริกามิในรูปแบบทามาเทบาโคะนี้ ได้หายสาบสูญไปเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว เพิ่งกลับมาค้นพบใหม่เมื่อไม่นานนี้เอง 

อุ๊ย ออกนอกเส้นทางซะเยอะเลย … กลับมาบนผืนโลก ที่เมืองอบทรายร้อนริมทะเลอิบุซึคิต่อนะคะ ถัดจากเส้นทางลำเลียงน้ำแร่อองเซนนิดเดียว ก็ถึงสถานอบทรายร้อนซาราคุแล้วค่ะ ที่นี่คิดค่าบริการสำหรับผู้ใหญ่คนละ 900 เยน ไม่รวมค่าผ้าขนหนูสำหรับรองศีรษะ (ซื้อ) อีก 100 เยน และค่าผ้าขนหนูสำหรับอาบน้ำ (เช่า) 200 เยน (เน้นว่าบางอันเช่า บางอันซื้อ ต้องตรวจสอบค่ะ) และผ้าขนหนูทั้งหลายหากจะนำมาเองก็ไม่มีใครว่าอะไร และไม่เสียสตางค์ด้วย แต่ทิปิจังนี่นะ รู้ทั้งรู้ ก็ยังอุตส่าห์มาตัวเปล่าแบบไม่ได้ตระเตรียมอะไรติดมาเลยสักชิ้น เสียตังค์เลยสิคะ อิอิ 

ส่วนชุดยุคาตะเค้ามีให้ค่ะ (มีไซส์ใหญ่เล็กสำหรับผู้ชายและผู้หญิง) จากนั้นก็ทางใครทางมัน หญิงชายแยกเข้าคนละห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อ และเก็บของเข้าล็อคเกอร์ จากนั้นก็ออกมารอต่อคิวในชุดยุคาตะ เพื่อเตรียมลงหลุมทรายพร้อมๆ กับแก๊งส์ โดยในวันอากาศหนาวเช่นนี้ เขาจะแจกผ้าขนหนูผืนหนาแถมมาให้อีกคนละผืนไว้ห่มระหว่างรอคิว พร้อมรองเท้าแตะสำหรับเปื้อนทราย ซึ่ง flow ทุกอย่างจัดไว้ดีมากแล้ว แต่หากไม่ดูตาม้าตาเรือและออกผิดทาง จะไม่มีทั้งผ้าขนหนูกันหนาวและรองเท้าแตะลุยทรายนะ จะบอกให้ … ถ้าพบว่าสภาพต่างจากชาวบ้าน ก็ควรรู้ตัวและกลับเข้าไปใหม่เพื่อออกให้ถูกทางค่ะ

สถานอบทรายร้อน Saraku

มาถึงลานอบทรายร้อนหน้าหาดแล้ว ที่ซาราคุนี้จะแบ่งพื้นที่อบทรายร้อนเป็นแบบกลางแจ้งเปลือยๆ และในกระโจมบังลมที่อยู่ถัดกันข้างๆ ส่วนจะให้บริการตรงที่พื้นที่ใด ทางเจ้าหน้าที่หน้างานจะเป็นผู้กำหนด ในวันที่อากาศหนาวยะเยือกและลมแรงได้ใจ เขาจะไม่อบกันที่หน้าหาดเปลือยๆ (และมีร่มสีบาดตาอันเล็กๆ ปักบังแดดเหนือศีรษะเหมือนในโปสการ์ด) หรอกค่ะ … มั่นใจได้เลยว่าทุกคนจะถูกลำเลียงเข้ากระโจม … จากนั้นเจ้าหน้าก็จะมาพาตัวไปลงหลุม ขนาดของหลุมขุดเตรียมไว้แล้วใหญ่พอๆ กับตัวเรานี่ละ เจ้าหน้าที่โบ้ยใบ้บอกให้นำผ้าขนหนูผืนเล็กมารองศีรษะ แล้วเอนตัวนอนลงในหลุมซะ จากนั้นก็จะช่วยพับผ้าขนหนูห่อศีรษะให้ และเริ่มลงมือ … ฝังกลบสิคะ  รอรัย

อุ่นดีแฮะ ทรายร้อนจากน้ำแร่อองเซนธรรมชาติอบได้ที่ประมาณ 50-55 องศา สบายตัวดีจริง ผืนทรายส่งผ่านความร้อนได้อย่างน่าประหลาดใจ ที่อิบุซึคินี้เป็นเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น ที่มีทรายร้อนตามธรรมชาติไว้ให้บริการนอนอบตัวกันแบบนี้ เนื่องจากที่ด้านหนึ่งของเมืองเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟไคมงดาเคะ ซึ่งยังพร้อมที่จะปะทุขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ และใต้พื้นดินส่วนที่ลึกที่สุด ก็มีแนวน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ถูกสะสมมานานไหลวนอยู่ โดยมีเอนซุยคุซาบิ (塩水くさび) เป็นแนวแบ่งเขตระหว่างน้ำพุร้อนใต้ดินและน้ำทะเล เมื่อไหร่ที่ระดับน้ำทั้งสองสูงขึ้น เอนซุยคุซาบิก็จะปล่อยให้น้ำพุร้อนได้ถ่ายเทความร้อน ซึ่งก็จะทำให้หาดทรายร้อนขึ้นนั่นเอง

ฝังกลบอบกันเป็นแถว สบายจริงๆ

ผ่านไปเกินครึ่งทางประมาณ 7-8 นาทีละ ทรายร้อนแสนสบายในช่วงแรก เริ่มหนักอึ้ง แถมเม็ดทรายแถวนี้ก็ค่อนข้างหยาบ ไม่นุ่มละมุนแบบชายหาดบ้านเรา ตอนนี้เนื้อตัวเริ่มเจ็บ รอให้ถึงสิบนาทีเป๊ะคงไม่ไหว ทิปิจังเลยจำใจตะโกนบอกออกไปว่า พอแล้ว ไม่เอาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้เราฮึดออกแรงยกมือขึ้น พอมือพ้นขึ้นจากทรายได้แล้ว ก็สามารถปัดทรายหนักๆ ที่กองทับบนหน้าอกออก และลุกพรวดขึ้นมานั่งได้ด้วยตนเอง … โอว ทั้งหมดนี้ก็สบายดีอยู่หรอก แต่หากใครป่วยเป็นโรคความดันสูงหรือโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว ไม่ค่อยแนะนำนะคะ

จากนั้นก็ได้เวลาล่อนจ้อนล้างตัวค่ะ ซึ่งวิธีปฏิบัติในการลงบ่อก็จะเหมือนอองเซนอื่นทั่วๆ ไป และเนื่องจากมากันตัวเปล่าจริงๆ โลชั่นทาผิวซักนิดก็ไม่มีพกมา เลยต้องยอมตัวเหี่ยวๆ แห้งๆ ขึ้นรถไฟกลับกันไป เลือดลมตามเนื้อตัวสูบฉีดดีมาก สามารถท้าลมหนาวต่อได้อีกนานเลย และท้องก็หิวได้ที่ เหมาะกับการกลับไปโซ้ยเมนูขึ้นชื่ออันดับต้นๆ ของคาโกชิมะ ได้แก่ หมูดำหรือคุโรบุตะ แบบเต็มคราบ


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    


https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น