มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

22 พฤศจิกายน 2559

เที่ยวเกาะ Miyajima Hiroshima


มิยาจิมะเป็นเกาะเล็กๆ ในเขตทะเลในเซโตะ มีชื่อเสียงมากถึงมากที่สุด เนื่องจากเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ และเสาโทริอิสีแดงใหญ่ยักษ์ที่ตั้งเด่นอยู่กลางทะเล ถือเป็น 1 ใน 3 ของทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น หรือนิฮงซันเค (日本三景 โดยอีก 2 แห่ง คือ มัทสึชิมะ ในจังหวัดมิยากิ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น และอามาโนะฮาชิดาเตะ ในจังหวัดเกียวโตะ ที่ภูมิภาคคันไซ นั่นเอง)

จากตัวเมืองฮิโรชิมะ นั่งรถไฟขบวนโลคัลธรรมดาๆ เพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึงสถานี JR Miyajimaguchi แปลตรงตัวคือประตูสู่เกาะมิยาจิมะ คือเป็นแค่ประตูน่ะ แต่ยังไปไม่ถึงที่หมายเลย จะไปให้ถึงต้องต่อเรืออีกประมาณ 10 นาที ซึ่งที่ท่าเรือก็มีเรือเฟอรี่ให้บริการข้ามฟากอยู่ 2 ราย แต่ถ้าถือ JR pass ไม่ต้องคิดมากเลย เดินเฉิบๆ ไปขึ้นเฟอรี่ของ JR สิคะ รอรัย (ฟรีอยู่แล้ว) 

 ท่าเรือเฟอรี่ของ JR ที่สถานี JR Miyajimaguchi

 เห็นท่าเรือที่ฝั่งนู้น บนเกาะ Miyajima ลิบๆ 

 เสาโทริอิยักษ์โดดเด่นแต่ไกล

แผนที่เกาะมิยาจิมะ สถานที่เที่ยวส่วนใหญ่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

อยู่บนเรือนี่มองเห็นเสาโทริอิยักษ์ได้ชัดเจนทีเดียว เสียงแชะๆๆ ดังต่อเนื่องจากอุปกรณ์ในมือนักท่องเที่ยวทั้งหลายกระทั่งเรือมาจอดเทียบท่า ถึงเกาะแล้วก็มีฝูงกวางนับร้อยซึ่งอาศัยอยู่อย่างอิสระบนเกาะแห่งเทพเจ้าแห่งนี้มาคอยต้อนรับ เพราะที่ญี่ปุ่นนิยมปล่อยกวางเพื่อทำบุญบูชาเทพเจ้า (ทิปิจังไม่แน่ใจว่าจะคล้ายบ้านเราที่นิยมนำน้องหมาไปปล่อยทิ้งตามวัด ทั้งที่ไม่ได้บูชาอะไรรึป่าว) และสังเกตดีๆ จะพบว่ากวางที่นี่เขากุดทุกตัว เพราะเป็นมาตรการป้องกันอันตรายให้กับนักท่องเที่ยวในระดับหนึ่งนั่นเอง 

 กวางน้อยแม่ลูกนอนอาบแดดสบายใจ

มีสะบัดก้นใส่ด้วย

 ขนมน่ากินตลอดทาง

ต้องลองซักร้าน ก่อนถึงศาลเจ้า

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

จริงๆ แล้วมิยาจิมะนี้เป็นเกาะมีขนาดใหญ่โตใช่เล่น แต่สถานที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือเฟอรี่เท่าไรนักเดินทักทายกวางน้อยไปเรื่อยๆ แป๊บๆ ก็ถึงหน้าศาลเจ้าอิทสึคุชิมะแล้ว ศาลเจ้าชินโตแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงปลายยุคเฮอัน (ปีค.ศ. 1168) และได้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1996 คนทั่วไปนิยมเรียกติดปากว่าศาลเจ้ามิยาจิมะ ซึ่งแปลตรงตัวคือเกาะแห่งเทพเจ้า แสดงความเป็นอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งเกาะนั่นเอง ตัวศาลเจ้าเชื่อมติดกับทะเล อาคารสำคัญๆ เช่น วิหารหลัก และโรงละครโนห์ ล้วนสร้างอยู่บนพื้นที่ที่น้ำท่วมถึง ทำให้เวลาน้ำขึ้นจะเสมือนศาลเจ้าและโทริอิยักษ์ ลอยตุ๊บป่องอยู่กลางน้ำ แต่ในบางครั้งที่น้ำขึ้นสูงมากๆ แม้แต่ระเบียงทางเดินก็จะโดนกลืนหายไปด้วย ถือเป็นความพิเศษหนึ่งเดียวที่หาจากที่อื่นไม่ได้ 

 ชัดๆ อีกทีกับเสาโทริอิกลางน้ำ 




ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะที่สร้างกลางผืนน้ำ และเป็น 1 ใน 3 ของทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น

ป้ายเอมะขอพร

โคมไฟกระดาษบนระเบียงสีแดงสวยงาม

ไปไหนต่อดีนะ

นอกจากศาลเจ้าอิทสึคุชิมะแล้ว ก็ยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น  เซนโจคาคุ หรือหอ 1000 เสื่อ ไดโชอิน วัดไดกันจิ และยอดเขามิเซน ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของเกาะ แต่ทิปิจังเลือกเพียงเดินเล่นมาชมวิวจากมุมสูงนิดๆ แถวเจดีย์ 5 ชั้น แล้วลงมาลั้นลาต่อที่ถนนสายช้อบปิ้งที่ครึกครึ้นที่สุดของเกาะ โดยมีกลิ่นย่างหอมหวลและเย้ายวนนำทางไปค่ะ 

เมนูมื้อเที่ยงวันนี้จะเป็นอื่นใดไม่ได้ นอกจากเมนูปลาไหลอานาโกะ และหอยนางรมสดๆ ย่างหอมหวาน ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของมิยาจิมะและเขตทะเลในเซโตะนี้ หลายคนคงคุ้นเคยกับ อุนากิ ที่แปลว่าปลาไหลมาบ้างแล้ว คราวนี้มาเจอ อานาโกะ ก็ปลาไหลเหมือนกัน แล้วมันต่างกันหรือไม่อย่างไร … ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วก็ปลาไหลทั้งคู่แหละ เพียงแต่อุนากิเป็นปลาไหลน้ำจืด นิยมนำมาย่างกับซอสคาบายาคิให้หอมกรุ่น ก่อนนำไปประกอบเป็นอาหารอื่นๆ เช่น ข้าวหน้าปลาไหล เป็นต้น ในขณะที่อานาโกะมาจากทะเล นิยมนำมาต้มทำเป็นหน้าซุชิ หรือชุบแป้งทอดเป็นเทมปุระ แต่ทางแถบทะเลในเซโตะนี้ อานาโกะของเขาขึ้นชื่อเป็นที่สุด ถึงจะสวนกระแสทำเป็นอานาโกะราดข้าว ก็อร่อยเด็ดไม่แพ้ใครเลยค่ะ 

อานาโกะราดข้าว อร่อยมากเลยขอบอก

หอยนางรมปิ้งย่างหอมกรุ่น

อะไรๆ ก็น่ากินไปหมด

เสร็จจากมื้อของคราวก็สรรหาของหวานมาเติมในกระเพาะที่สอง หรือเบทสึบาระ (หมายถึงกระเพาะแยก เอาไว้รองรับไอศครีมหวานเย็น หรือเค้กนุ่มอร่อยได้เสมอ แม้จะอิ่มเต็มที่กับเมนูของคาวชุดใหญ่มาแล้วก็ตาม) ซึ่งมีกันถ้วนหน้าโดยเฉพาะในหมู่สาวๆ สำหรับขนมที่พบได้บ่อยที่สุดบนเกาะมิยะจิมะนี้ เห็นจะเป็นซาละเปาไส้ถั่วรูปใบไม้แดงหรือโมะมิจิมังจู ซึ่งถือกำเนิดขึ้นที่นี่ตั้งแต่เมื่อกว่า 100 ปีมาแล้ว เหมาะกับบรรยากาศในฤดูใบไม้ร่วง ที่เต็มไปด้วยใบไม้แดง (โมะมิจิ) ขึ้นชื่อของเกาะมิยะจิมะ (แต่ปัจจุบันที่ไหนๆ ทั่วญี่ปุ่นก็หาซื้อโมะมิจิมังจูได้แล้ว) บางร้านมีทั้งไส้ถั่วบดละเอียด และบดไม่ละเอียด (เหลือเป็นเม็ดๆ หรือทสึบุไว้) ให้รสชาติต่างกันเล็กน้อย ซึ่งถ้าเลือกลำบากนักก็เหมามาลองทั้งสองแบบเลย เพราะเบทสึบาระยังว่างอยู่เยอะ 

ไส้ถั่วบดละเอียด กับแบบมีทสึบุเม็ดหยาบๆ เหมาเลยค่ะ

ชุบแป้งทอด เพิ่มแคลอรี่เข้าไปอีก (แต่ก็อร่อยดีนะ)

ส่วนของฝากติดไม้ติดมือ ถ้าใครชอบงานฝีมือแบบ hand made ที่มิยาจิมะก็มีงานไม้ขึ้นชื่อ ที่แสดงถึงศิลปะวัฒนธรรมอันสืบเนื่องมาแต่โบราณ ได้แก่ ทัพพีตักข้าวทำจากไม้ ซึ่งพอนำมาทำเป็นของที่ระลึกขนาดต่างๆ แล้ว ก็สื่อถึงการตักเอาโชคดีเข้ามาและตักศัตรูออกไปนั่นเอง บนถนนย่านร้านค้าหากเดินไปสักพัก จะพบกับศาลเจ้าเล็กๆ อันเป็นที่ตั้งของทัพพียักษ์จัดแสดงให้ดู ด้วยสถิติความยาวถึง 7.7 เมตรทีเดียว

ทัพพียักษ์

ร้านนี้ก็น่ารัก

สนุกจัง

เดินนิดๆ หน่อยๆ ก็เก็บพ้อยต์สถานที่เที่ยวสำคัญๆ ของมิยาจิมะได้หมดแล้วค่ะ สามารถวางแผนทำเป็น day trip มาเช้ากลับบ่ายจากฮิโรชิมะได้ง่ายๆ แต่ถ้าอยากได้ฟิล จะกระเต็งกระเป๋าขึ้นเรือมานอนพักเรียวคังแถวนี้ซักคืน ก็ไม่เลวเลยนะ


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

2 ความคิดเห็น: