สถานที่ที่มีชื่อเสียงและสมควรมาเยือนที่สุดแห่งหนึ่งของฮิโรชิมะ ก็คือสวนอนุสรณ์สันติภาพ หรือ Peace Memorial Park ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก สวนอนุสรณ์สันติภาพแห่งนี้ มีอาณาเขตกว้างขวางครอบคลุมพื้นที่กว่า 120,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยอาคาร Atomic Bomb Dome ที่ด้านหนึ่ง ตามด้วยสวนสาธารณะอนุสรณ์สถาน และพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพ เป็น 3 ส่วนหลักที่เรียงต่อกัน การเดินทางสามารถใช้บริการรถแทรม มาลงที่สถานีสวนสันติภาพ ซึ่งเมื่อมาถึงปุ๊บจะพบเห็นอาคารรูปโดมซึ่งเหลือแต่โครง ดูจะพังมิพังแหล่ ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้าพอดี ที่ด้านหน้าของซากอาคารรูปโดม มีแท่นบูชาพร้อมเครื่องสักการะที่มีผู้คนนำมาวางไว้ ทั้งดอกไม้ นกกระดาษ และขวดน้ำ เอ … มันเกิดอะไรขึ้นกับอาคารแห่งนี้ เหตุใดผู้คนจึงนำสิ่งของดังกล่าวมาแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก
สมัยก่อนพื้นที่แถบนี้เคยเป็นศูนย์กลางการเมืองและการค้าอันเจริญรุ่งเรืองของฮิโรชิมะ และซากอาคารรูปโดมนี้ ในอดีตคือ Prefectural Industrial Promotion Hall หรือโดมหอการค้าริมแม่น้ำโมโตยาสึ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อฮิโรชิมะซึ่งเป็นแหล่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ที่ค่อนข้างสำคัญ ได้รับเลือกอย่างที่เจ้าของสถานที่ไม่เคยเต็มใจ ให้เป็นสนามทดสอบเจ้า Little boy หรือระเบิดปรมาณูลูกแรกที่อุบัติขึ้นบนโลกใบนี้ พื้นที่แถบนี้ก็กลายเป็นศูนย์กลางเป้าหมาย และหลังจากที่ Little boy ได้ปลดปล่อยแสนยานุภาพให้ปรากฏแก่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก ก็สร้างความเสียหายอย่างที่เห็นเป็นหลักฐานคาซากอาคารรูปโดมตรงหน้านี้ ในวินาทีเดียวกันนั้นเองแม่น้ำโมโตยาสึตรงข้างๆ ต้องรับภาระหนักเป็นพิเศษ ในการเยียวยาเบื้องต้นแก่ผู้คนจำนวนมากที่โหยหาแต่ น้ำ น้ำ และก็น้ำ
ป้ายอธิบายประวัติความเป็นมาของอาคารรูปโดม หรือ Prefectural Industrial Promotion Hall ในอดีต
หลังระเบิดอาคารรูปโดมนี้เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่อาคารที่ยังคงทรงตัวอยู่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็เหลือไว้แต่โครงสร้างผุพัง เคยมีการถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย ว่าสมควรจะทุบทิ้งหรือคงไว้ให้เป็นอนุสรณ์อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ต่อไป สุดท้ายก็ได้ข้อยุติว่าจะอนุรักษ์ไว้ เพื่อย้ำเตือนมนุษยชาติและชนรุ่นหลังให้เห็นถึงมหันตภัยร้ายแรงที่ผิดพลาด แม้ทางจีนและสหรัฐอเมริกาจะไม่ค่อยเห็นด้วยนักในตอนนั้น
ถัดจากอนุสรณ์ซากอาคารโดม จะเป็นสวนสาธารณะอันเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานเหยื่อผู้เสียชีวิต โดยจะพบเห็นรูปปั้นสัญลักษณ์หลายชิ้น หนึ่งในนั้นที่สำคัญที่สุดคือสุสานรูปประตูโค้ง ที่เก็บบันทึกรายชื่อเหยื่อเคราะห์ร้ายที่เสียชีวิตจากการระเบิด ทั้งโดยฉับพลัน และทั้งที่มาเสียชีวิตในภายหลัง (เนื่องจากผลกระทบด้านรังสี) ชื่อสลักบนประตูโค้งยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีรายชื่อดังกล่าวอยู่กว่าสองแสนรายชื่อแล้ว ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังคงได้รับการดูแลรวมถึงติดตามผลจากหน่วยงานภาครัฐอย่างสม่ำเสมอ
สุสานรูปประตูโค้งใน Peace Park
อนุสรณ์ของหนูน้อยซาดาโคะ
นอกจากนี้ยังมีอนุสรณ์ของหนูน้อยซาดาโคะ ที่ได้รับรังสีปรมาณูเข้าไปตั้งแต่อายุ 2 ขวบ กระทั่งสงครามผ่านพ้นไป 10 ปี เธอป่วยเป็นลูคีเมีย หรือมะเร็งในเม็ดเลือดขาว และต้องนอนรักษาตัวอยู่แต่ในโรงพยาบาล แต่เด็กอย่างเธอกลับเต็มไปด้วยความหวัง เธอเพียรพยายามพับนกกระเรียนจนครบหนึ่งพันตัว เพื่ออธิษฐานขอพรให้หายป่วยจากโรคร้ายตามคติความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ทว่า 8 เดือนให้หลังเธอก็ต้องจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ เรื่องราวของหนูน้อยซาดาโคะได้แพร่หลายเป็นที่รู้จักในเวลาต่อมา และเป็นที่มาของสิ่งของไว้อาลัยจากผู้มาเยือนในรูปแบบดังกล่าวข้างต้นนั่นเอง
แผ่นพับของพิพิธภัณฑ์ Hiroshima Peace Memorial Museum เมื่อนานมาแล้ว รูปหน้าปกคือโมเดลจำลองศูนย์กลางการระเบิดและรัศมีทำลาย
ต่อจากสวนสาธารณะอนุสรณ์สถาน ก็คือพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพ หรือ Peace Memorial Museum เป็นอาคาร 3 ชั้นที่สุดทางด้านหนึ่งของสวนสันติภาพ ค่าเข้าชมก็เพียง 200 เยนเท่านั้น แต่ช่วงนี้มีการซ่อมและปรับปรุงครั้งใหญ่ จึงเปิดให้เข้าชมเพียงบางส่วนเท่านั้น
ถ้าอย่างนั้น ทิปิจังขอเล่าจากประสบการณ์ที่เมื่อก่อน เคยมาเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้หลายครั้งแล้วให้เห็นเป็นฉากๆ แทนก็แล้วกัน ภายในเค้าจัดแสดงนิทรรศการ เช่น เรื่องเล่าเกี่ยวกับประวัติของเมืองฮิโรชิมะ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ โมเดลจำลองศูนย์กลางการระเบิดและรัศมีทำลาย โดยมีไฮไลท์อยู่ที่เรื่องราวในวันที่ 6 ส.ค. ปี 1945 และผลจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ภาพถ่ายและสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาพรอยเปื้อนบนกำแพงจากฝนดำ (คือฝนที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างละอองกัมมันตรังสีกับความชื้นในอากาศ) นาฬิกาที่หยุดเดินที่เวลา 08:15 น. (เป็นเวลาการระเบิดในวันนั้น) กล่องข้าวและชุดเครื่องแบบนักเรียนของผู้เสียชีวิต วิดีโอบทสัมภาษณ์ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และยังมีชีวิตอยู่ ตลอดจนแบบจำลองสถานที่เกิดเหตุ และอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ทิปิจังชื่นชมวิธีการนำเสนอของพิพิธภัณฑ์นี้มากๆ เพราะบรรยากาศไม่ทำให้รู้สึกหดหู่เกินไปจนไม่อยากเดินชมต่อ แต่กลับให้ทั้งความรู้และข้อเตือนใจมายมาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับความโหดร้ายของสงครามนิวเคลียร์ ซึ่งไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์เลย อีกซัก 2-3 ปีเมื่อการปรับปรุงครั้งใหญ่เสร็จสิ้นแล้ว ก็มาลุ้นกันว่าจะนำเสนอได้น่าติดตามยิ่งขึ้นอีกเพียงไรค่ะ
Okonomiyaki สไตล์ฮิโรชิมะ กับรีเควสพิเศษ ขอ 2 เมนูแบ่งครึ่งมาประกบกัน (รีเควสได้เพราะมา 2 คน)
ถ้าเดินชมจนเหนื่อยแล้วก็มาเติมพลังกันค่ะ มาฮิโรชิมะทั้งทีขอแนะนำให้ลองโอโคโนมิยาคิ หรือที่คนไทยมักเรียกติดปากว่าพิซซ่าญี่ปุ่น ชื่อเรียกของเมนูนี้ประกอบขึ้นจากคำว่า โคโนมิ (好み) ที่แปลว่าชอบ และยาคิ (焼き) ที่แปลว่าปิ้งหรือย่าง ส่วนคำว่าโอ (お) ใช้เติมข้างหน้าเพื่อให้สุภาพ ดังนั้น โอโคโนมิยาคิ จึงหมายถึงการนำวัตถุดิบต่างๆ ตามชอบ เช่น กุ้ง หมู หมึก มาคลุกเคล้ากับแป้งผสมผัก แล้วปิ้งย่างบนกระทะร้อนในคราวเดียวกัน โดยสูตรของฮิโรชิมะจะแยกเส้นหมี่และไข่ออกมาต่างหาก ไม่ได้นำทุกอย่างมาผสมรวมแล้วปิ้งพร้อมกันทีเดียวเหมือนสูตรของโอซาก้า เมื่อย่างเสร็จจึงปรุงรสด้วยซอสสูตรพิเศษของแต่ละร้าน ที่ตรงข้ามห้าง Parco บนถนนฮนโดริ มีสถานที่ชื่อว่า Okonomi Mura หรือหมู่บ้านโอโคโนมิ ซึ่งมีร้านโอโคโนมิยาคิขึ้นชื่อมารวมอยู่ภายในอาคารเดียวกันหลายร้าน แต่ละร้านก็เล็กกะทัดรัดตามสไตล์ญี่ปุ่นเค้าล่ะ ถ้ามีโอกาสลองแวะมาเลือกชิมร้านที่ถูกใจดูนะ ได้บรรยากาศดีค่ะ แต่อาจจะมีเยอะเกินจนเลือกไม่ถูกเลยรึป่าว อิอิ
เที่ยวเกาะมิยาจิมะ Hiroshima
สวนสันติภาพแห่ง Hiroshima
สะพานคินไทเคียว Iwakuni, Yamaguchi
ริมทะเลญี่ปุ่น จังหวัดยามากุจิ (ศาลเจ้า Motonosumi & เกาะ Omijima)
เยือนทสึวาโนะ จังหวัดชิมาเนะ (ศาลเจ้า Taikodani & Tsuwano old town)ริมทะเลญี่ปุ่น จังหวัดยามากุจิ (ศาลเจ้า Motonosumi & เกาะ Omijima)
ตัวอย่างทริปคิวชู 7 วัน + side trip 2 วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น