My travel diary: เยือนทสึวาโนะ จังหวัดชิมาเนะ (ศาลเจ้า Taikodani & Tsuwano old town)

ถ้าอยากลองเที่ยวญี่ปุ่นในบรรยากาศชนบทนิดๆ และนักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน ให้ได้ความรู้สึกรีแลกซ์ชิลๆ แต่ก็ไม่กันดารจนเกินไปนัก สำหรับนักท่องเที่ยวตาดำๆ 55 ลองแวะไปที่อีกมุมหนึ่งทางภาคตะวันตกของเกาะฮอนชูสิคะ เบ้ไปทางเหนือหน่อยๆ ในจังหวัดชิมาเนะ (Shimane) และยามากุจิ (Yamaguchi) หนีห่างจากแนวชินคันเซนทางตอนใต้ ที่พานักท่องเที่ยวอีกเป็นโขยง มาเยือนเมืองฮิตๆ อย่าง ฮิโรชิม่า หรือที่ระดับความฮิตลดมาอีกหน่อย เช่น อิวาคุนิ (ในจังหวัดยามากุจิ เช่นกัน) เป็นต้น

กับป้ายเที่ยวทสึวาโนะ ในฤดู ผลิ ร้อน ร่วง หนาว

บล็อกนี้พาเที่ยวเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ น่ารัก บรรยากาศชิลๆ ที่โอบล้อมด้วยขุนเขา ชื่อว่า ทสึวาโนะ (Tsuwano) ที่ตั้งอยู่เกือบสุดขอบจังหวัดชิมาเนะ ต่อกับจังหวัดยามากุจิพอดี การเดินทางแม้ไม่มีชินคันเซนพาดผ่าน แต่ก็จับรถไฟด่วน Limited Express จากสถานี JR Shin-Yamaguchi มาเที่ยวได้ไม่ยากเลย แค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้วค่ะ โดยสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ในเมืองนี้ได้แก่ ศาลเจ้า Taikodani Inari Shrine ที่ต้องออกแรงปีนป่ายขึ้นเขานิดนึง (ของดีต้องทุ่มเทสินะ 55) ย่านเมืองเก่าในละแวก town center กับบรรยากาศหมู่บ้านซามูไรเก่าแก่ และโบสถ์คริสต์ ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานของยุคสมัย ที่คริสเตียนเป็นเรื่องต้องห้ามในประเทศญี่ปุ่น ทางภูเขาด้านเหนือของสถานี JR Tsuwano นั่นเอง

เหมือนไม่มีอะไร แต่เพลินดีเชียวแหละ

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

หูยยย ยังมีแบบนี้

สายน้ำใสๆ

ออกจากสถานี JR Tsuwano มาก็เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงดุ่ยๆๆ เลยค่ะ เราจะไปเมืองเก่ากับศาลเจ้าบนเขาก่อน บรรยากาศถนนแถวนี้เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก็เพลินดีเหมือนกันนะ สมใจที่อยากมาเดินเล่นชิลๆ ในเมืองชนบทเช่นนี้ ซักพักก็มาถึงทาวน์เซนเตอร์ ซ้ายมือคือเมืองเก่า โหววว บรรยากาศน่าเดินสุดๆ ต้นแปะก๊วยสีเหลืองสดใสในต้นฤดูใบไม้ร่วงดึงดูดมากมาย แต่ในขณะที่ยังแรงดีฟิตปั๋งอยู่นี้ เราหักขวาเลี้ยวขึ้นเขาไปศาลเจ้ากันก่อนเถอะค่ะ

เลิศมากค่ะ

สายน้ำและขุนเขา ชอบจัง

แต่เราเลี้ยวขวาค่ะ ไปทางนี้ก่อน

เดินมาเรื่อยๆ เจอแล้ว โทริอิ เสาแรกสู่เบื้องบน

นี่งัยคะ เสาโทริอิสีแดงสดใสเสาแรก ตั้งเด่นตระหง่านต้อนรับพวกเราแบบใกล้ชิดสายน้ำเลยทีเดียว มองตามขึ้นไปด้านบน ว้าวๆๆ ยังมีอีกเป็นร้อยต้น ไล่เรียงไต่ระดับขึ้นไปจนถึงศาลเจ้าบนยอดเลย เอาล่ะ จากนี้ก็ออกแรงกันเถอะ ถ้าเดินขึ้นธรรมดาก็คงประมาณ 15 นาทีมั้ง แต่ของพวกเรานี่ล่อไปกว่าครึ่งชั่วโมง เพราะถ่ายรูปได้ตลอดทั้งเส้นทาง 55 (ถือโอกาสแอบอู้ไปในตัว) แหม … ก็มันตื่นเต้นนิคะ สวยออกอย่างนี้

มองขึ้นไป โหววว อีกหลายเสาเลย

มาค่ะ เริ่มเลยดีกว่า ฮึบๆๆ

ลอดอุโมงค์เสาโทริอิสีแดง ไต่เขาไปเรื่อยๆ

ถึงแล้ว

ถึงแล้ว ไม่เหนื่อยเลย (ก็อู้ระหว่างทางซะขนาดนั้น 55) ศาลเจ้า Taikodani Inari ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของศาลเจ้าอินาริ (บูชาเทพเจ้าอินาริแห่งการเก็บเกี่ยว) ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตอนแรกศาลเจ้านี้สร้างขึ้นเพื่อปกปักรักษาปราสาททสึวาโนะ ที่อยู่ถัดขึ้นไปบนเขา จากภูตผีและวิญญาณร้าย แต่ตอนนี้ปราสาทเหลือแต่ซากแล้ว คนส่วนใหญ่ก็มาไหว้ขอให้เก็บเกี่ยวได้ผลดี และขอพรอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งตอนที่พวกเรามาถึง เค้ามีพิธีพอดีเลย ก็เลยตื่นเต้นเพิ่มอีกเล็กน้อย และพยายามท่องเที่ยวแบบสงบเสงี่ยม ไม่กรี๊ดกร๊าดจนเกินไป

แดงสดใส

อู๊บบ เค้าทำพิธีกันอยู่พอดี เราต้องเที่ยวสงบเสงี่ยมหน่อยนะ

ฟางข้าวศักดิ์สิทธิ์ที่ใหญ่โตขนาดนี้ เห็นได้ตามศาลเจ้าทั่วไปในจังหวัดชิมาเนะ

ถ้าจะไปเยือนซากปราสาทและชมวิวสวยๆ จากมุมที่สูงกว่านี้ (แค่นี้ก็สวยจะแย่แล้ว) ก็เดินขึ้นเขาต่อนะคะ และช่วงสุดท้ายเค้ามีเครื่องทุ่นแรงเป็นลิฟต์แบบตอนไปเล่นสกี หรือ chair lift บริการส่งขึ้นไปถึงข้างบนปราสาทด้วยค่ะ เลือกตามสบายเลย ว่าจะเดินเองหรือนั่งลิฟต์เอา อิอิ … แต่พวกเราขอบายค่ะ เก็บแรงไว้ลั้นลาที่อื่นๆ ต่อดีกว่า … แต่ก็ยังอุตส่าห์เลือกลงเขาที่อีกด้านหนึ่งโดยไม่ย้อนทางเดิม ซึ่งเป็นทางถนนรถวิ่ง วกไปวนมาตามไหล่เขา เลยใช้เวลาลงเขาเยอะพิเศษ 55 แต่ก็ได้แถมวิวฝายทดน้ำ และวิวศาลเจ้าจากฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำสวยๆ สมใจ

เนี่ยค่ะ เราเลือกเดินลงเขามาทางอีกด้านหนึ่ง ตรงที่มีสะพานและธงปักเรียงราย เห็บลิบๆ บนเขานู่นแหละ

วิวฝายทดน้ำชิลๆ

มองกลับไปที่ศาลเจ้าอีกครั้ง

จากนั้นก็ได้เวลาตะลอนทัวร์เมืองเก่าค่ะ ซึ่งที่ Tsuwano นี้ โดยเฉพาะที่ถนนสายหลัก Tonomachi เค้าอนุรักษ์บ้านเมืองในสมัยซามูไรไว้ดีมาก จนได้รับสมญานามว่าเป็น Little Kyoto อีกเมืองหนึ่ง ผสมปนๆ กับบรรยากาศสายน้ำ ปลาคราฟ และโบสต์คาทอลิคเก่าแก่ เพลินมากเลย

ใช้แรงไปเยอะแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาเติมพลังงานแล้วสินะ แถวเมืองเก่าและทาวน์เซนเตอร์ก็มีร้านอาหารอยู่เหมือนกัน แต่พวกเราเลือกเดินกลับไป ยังร้านบนถนนจากสถานีรถไฟ ที่เล็งๆ ไว้ตั้งแต่ขามาแล้ว อิอิ

ร้านนี้แหละ เล็งไว้แต่แรกละ

หม่ำๆๆ

พอท้องอิ่มก็เช็คนาฬิกาดูเวลาอีกที โอเคเลย ก่อนจะถึงเวลาที่ขบวน Limited Express จะมารับพวกเรากลับไปเมือง Yamaguchi ยังพอมีเวลาไฮกิ้งได้อีกซักรอบ ก็เลยโฉบไปออกแรงปีนป่ายอีกครั้ง ขึ้นไปชม Otome Toge Maria Chapel อนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นในปี 1951 เพื่อระลึกถึงคริสเตียนที่ถูกนำตัวมากักขังยังเมือง Tsuwano ในสมัยเมจิ (1868-1912) นั่นเอง

ออกแรงอีกครั้ง สู้ๆ

อันที่จริงศาสนาคริสต์ได้กลายเป็นเรื่องต้องห้ามในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่สมัยเอโดะ (1603-1867) แล้ว แต่แหม คนที่นับถือแล้วจะให้เปลี่ยนใจก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เลยยังมีการแอบนับถือกันแบบลับๆ แล้วพอเปลี่ยนเป็นยุคเมจิ คงนึกว่าไม่ห้ามกันอีกแล้ว เลยทำพิธีนู่นนี่กันเปิดเผย ปรากฏว่ามันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ เค้ายังห้ามอยู่ คริสเตียนเหล่านั้น (ซึ่งส่วนใหญ่มาจากนางาซากิ) ก็เลยถูกกวาดต้อนให้กระจายไปตามที่ต่างๆ ในญี่ปุ่น เพื่อโน้มน้าวให้เลิกนับถือคริสต์ และหนึ่งในนั้นก็คือ Tsuwano ตรงที่เป็นที่ตั้งของ Otome Toge Maria Chapel ในปัจจุบันนี้แหละค่ะ

โบสถ์เล็กๆ แบบนี้แหละค่ะ

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระแม่มาเรียมาโปรดนักโทษที่โดนทรมาน

แต่ขอเตือนไว้เลยนะคะ ว่าไฮกิ้งรอบนี้ที่ดูเหมือนจะเล็กน้อย มันเหนื่อยกว่าที่คิดเยอะเลย ทางค่อนข้างชันทีเดียว หอบกันแฮ่กๆ อีกครั้ง ซึ่งต้องกะเวลาดีๆ เผื่อให้ลงเขาไปทันขึ้นรถไฟด่วนกลับด้วยนะคะ … แล้วบล็อกต่อไปจะพาไปเที่ยวริมทะเลญี่ปุ่นกับ landscape อันน่าทึ่ง ที่จังหวัดยามากุจิค่ะ