มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

8 พฤศจิกายน 2559

ญี่ปุ่น 4 ฤดู


ปล่อยให้มิสกะโปโลเล่าเรื่องราวแถบยุโรปอยู่ตั้งนาน ตอนนี้ขอสลับให้ทิปิจังได้ทำหน้าที่บ้างนะ ปกติถ้ามีใครซักคนมาถามว่า ไปญี่ปุ่นเที่ยวไหนดี ทิปิจังจะถามกลับว่า ไปเดือนไหนล่ะ เพราะเสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่นที่ทำให้ไปได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ ก็คือสีสันแห่งฤดูกาลผลิร้อนร่วงหนาวนั่นเอง ถ้าจับคู่สถานที่ให้เข้ากับฤดูกาลที่เหมาะสม จะทำให้การเที่ยวญี่ปุ่นสนุกขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ฤดูใบไม้ผลิ หรือ haru (ประมาณกลางเดือน 2 ถึงกลางเดือน 5)
พอย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ ความรักก็เริ่มผลิบานแข่งกับดอกไม้ที่กำลังเตรียมออกดอกชูช่อ ไฮไลท์สำคัญอยู่แถวๆ ปลายเดือน 3 ต่อต้นเดือน 4 ได้แก่ ฤดูกาลซากุระสีชมพู ซึ่งก็น่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่ระวังด้วยล่ะ เพราะซากุระจะบานเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น โดยจะบานไล่เรียงจากใต้ขึ้นเหนือ ประมาณว่าอุ่นก่อนก็บานก่อน (ฮอกไกโดนี่บานหลังสุดเลย) เพราะฉะนั้นถ้าหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปชมดอกซากุระหรือฮานามิที่ญี่ปุ่น ต้องกะจังหวะเวลาดีๆ หน่อย แล้วก็เตรียมใจว่าอาจจะได้เห็นคนมากกว่าปริมาณซากุระ โดยเฉพาะวันไหนอากาศดีๆ เพราะแน่นอนว่าคนญี่ปุ่นเองก็มากอยู่แล้ว ยังผสมโรงด้วยนักท่องเที่ยวอีกมหาศาล ทุกคนพร้อมใจแห่กันไปฮานามิ ถือเป็นปรากฏการณ์ที่หาชมได้ไม่ง่ายนักในประเทศอื่น ทั้งคนและดอกไม้พร้อมเพรียงที่สุด



https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

 ดูดอกไม้ หรือดูคนดีนะ

เก๋กู๊ดสุดๆ

นอกจากนี้ถัดไปอีกหน่อย ก็จะมีดอกอื่นๆ ให้ชมอีกมากมาย เช่น วิสทีเรีย ที่โด่งดังจากละครของพี่เบิร์ด หรือพิงค์มอส ที่จะเปลี่ยนทั้งภูเขาให้เป็นพรมสีชมพู ทั้งโทนอ่อนและเข้ม เป็นต้น และถ้าใครสนใจตะลอนทัวร์เส้นทางกำแพงหิมะ บนเทือกเขาเจแปนแอลป์ (Tatayama Kurobe) ก็สามารถเที่ยวได้ในฤดูกาลนี้เช่นกัน เพียงแต่อาจต้องเบียดเสียดกับผู้คนมากเป็นพิเศษ เพราะซ้อนทับกับช่วงวันหยุดยาวโกลเด้นวีค (Golden Week) ของญี่ปุ่นพอดี

ผลไม้ประจำฤดูกาลฮารุ ที่โดดเด่นก็คือสตรอเบอรี่หวานๆ ลูกโต ถ้าได้ไปเที่ยวช่วงนี้อย่าพลาดเชียวนะคะ

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

ฤดูร้อน หรือ natsu (ประมาณกลางเดือน 5 ถึงกลางเดือน 8)
ความร้อนแบบเหนอะๆ มาเยือนแล้ว ที่ญี่ปุ่นอากาศร้อนแบบร้อนชื้น คือแม้ไม่มีแดด ก็ร้อนเหงื่อแตกจนน่าหงุดหงิด ดอกไม้มีให้ชมบ้างนิดๆ หน่อยๆ เช่น ไฮแดรนเยีย (ajisai) หลากสี แล้วพอเข้ากลางๆ เดือน 6 ถึงเดือน 7 (บางปีก็ล่อไปถึงเดือน 8 นู่น) จะเข้าสู่หน้าฝน หรือ tsuyu แนะนำว่าไปไหนมาไหนพกร่มด้วยจะดีกว่า เพราะที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยพบเห็นร้านรวงมีกันสาดให้เดินหลบฝน แถมฝนตกทีก็ตกยาวต่อเนื่องเป็นวันๆ ยืนยันได้เลยว่าอุปกรณ์กันฝนจำเป็นจริงๆ แต่ถ้าขนาดมีไต้ฝุ่นเข้า โดยเฉพาะในช่วงปลายๆ ฤดู แนะนำให้เลี่ยงการเดินทางเลย มันไม่สนุกหรอกค่ะ ดีไม่ดีไปเที่ยวไหนไม่ได้ ต้องอุดอู้อยู่แต่ในโรงแรม ถึงตั๋วเครื่องบินจะถูกลงมาแค่ไหนก็อย่าได้ไว้ใจเชียว นอกจากว่าฉันไม่แคร์ ช้อบลูกเดียว ก็อีกเรื่องค่ะ

ไฮแดรนเยีย หรือ ajisai ดอกไม้แห่งฤดูฝน

เมื่อพายุผ่านพ้น ก็เข้าสู่ฤดูกาลของเทศกาลงานรื่นเริง ฤดูร้อนจะมีงานเทศกาล หรือ matsuri มาหลอกล่อให้ออกไปเที่ยวมากเป็นพิเศษ ทั้งที่จัดกันเล็กๆ ในท้องถิ่น (ประมาณงานวัด แม้ไม่เกี่ยวกับวัดเลยก็ตาม) และงานใหญ่โตระดับประเทศมากมาย รวมถึงที่จัดควบคู่กันบ่อยๆ ก็คือ ดอกไม้ไฟ หรือ hanabi นั่นเอง (อ่านว่า ฮานาบิ ไม่ใช่ ฮานามิ ที่หมายถึงการชมดอกซากุระนะจ๊ะ) ฤดูนี้เป็นขวัญใจของสาวๆ ได้ใส่กิโมโนหน้าร้อน หรือ yukata ออกมาเดินฉุยฉาย ถ้าได้ไปเที่ยวในช่วงเทศกาลพอดี และอยากทำตัวให้เข้ากับบรรยากาศ ลองสืบเสาะหาร้านเช่าชุดยูกาตะมาใส่เดินเล่นบ้างก็เก๋ดีนะ หรือจะซื้อเองก็ได้ ยูกาตะราคาไม่แพงเท่าไหร่ ไม่กี่พันเยนครบเซ็ทก็มีขาย ซื้อแล้วให้เค้าใส่ให้เลยชัวร์ที่สุดค่ะ



ฤดูร้อนนี้มีวันหยุดยาวของญี่ปุ่นอีกช่วงหนึ่งคือ โอบ้ง (กลางเดือน 8) เป็นเทศกาลกลับบ้าน เพื่อกราบไหว้ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ (คล้ายๆ เชงเม้งบ้านเรา) ถ้าไม่จำเป็นก็แนะนำหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงนี้

ฤดูใบไม้ร่วง หรือ aki (ประมาณกลางเดือน 8 ถึงกลางเดือน 11)
ถ้าฤดูใบไม้ผลิคือสัญลักษณ์ของความรักที่เริ่มเบ่งบาน ฤดูใบไม้ร่วงก็คงเปรียบได้กับความรักที่เริ่มโรยรา ดุจดังใบไม้ที่ร่วงหล่นสินะ บรรยากาศดูจะเศร้าสร้อยไปหน่อยรึป่าว แต่ใบไม้เปลี่ยนสีๆ แดงที่เรียกว่า โมะมิจิ หรือ โคโย ก็โรแมนติกดีออกนะ แถมอากาศเย็นสบายกำลังดี เหมาะกับการออกไปเดินป่าไฮกิ้งชื่นชมธรรมชาติเป็นที่สุด ทั้งนี้โมะมิจิจะเริ่มเปลี่ยนสีจากเหนือลงใต้ ตรงกันข้ามกับซากุระ ซึ่งทางเหนือหนาวเร็วและนานกว่า ก็เปลี่ยนสีก่อนนั่นเอง

ฤดูนี้จะมีผลไม้ที่ออกสีสันโทนเดียวกับฤดูกาล เช่น ลูกพลับ หรือ คะคิ ออกมาให้ชิมกัน ส่วนเกาลัด หรือ คุริ ก็มีออกมามากในช่วงอาคินี้เช่นกัน ซึ่งถ้าไม่ชอบซื้อแบบคั่วมาแกะกิน ก็อาจลองแวะตามร้านเค้ก ซึ่งหลายร้านจะนำผลเกาลัดมาบดเป็นครีมเรียกมารอง และเมื่อนำมารองมาทำเค้กก็เรียก มารองเค้ก เป็นผลิตผลจากฤดูอาคิที่อร่อยสุดๆ เลยล่ะ





ฤดูหนาว หรือ fuyu (ประมาณกลางเดือน 11 ถึงกลางเดือน 2)
หนาวเกินไปแล้วสำหรับคนเมืองร้อนอย่างพวกเรา ถ้ามาเที่ยวช่วงนี้แนะนำ 2 อย่าง คือ เล่นสกี (รวมถึงกีฬาฤดูหนาวอย่างอื่น เช่น สเก็ตน้ำแข็งกลางแจ้ง เป็นต้น) หรือไม่ก็แช่อองเซ็น (ซึ่งจริงๆ ก็เริ่มเที่ยวได้ตั้งแต่ยังหนาวน้อยๆ ในฤดูอาคิ หรือฮารุแล้วล่ะ) แต่ถ้าจะให้ดีเลือกช่วงเวลาที่มีเทศกาลนู่นนี่หน่อยก็ดี เช่น เทศกาลคริสมาสต์ปีใหม่ ที่จะได้สัมผัสบรรยากาศการเฉลิมฉลองเก๋ๆ ไปในตัว (แต่ระวังเรื่องการเดินทาง และผู้คนที่เบียดเสียดในช่วงหยุดยาว) หรือให้มันหนาวถึงขั้วสุดๆ ไปเลย ก็จะลองเทศกาลหิมะบนเกาะที่เหนือที่สุด (คือ ฮอกไกโด) ในช่วงเดือน 2 ซึ่งเป็นเดือนที่หนาวที่สุด ก็ได้นะ

 รวมแก็งมาเล่นสกีกัน

 Ice skate กลางแจ้ง

สีสันงาน Kobe Luminarie ใกล้เทศกาลคริสมาสต์ ปีใหม่

เมื่อรู้จักฤดูกาลทั้งสี่แล้ว ต่อไปก็สามารถนำมาจับคู่กับสถานที่ๆ อยากจะไปได้อย่างเหมาะสม พร้อมชื่นชมสีสันของฤดูกาลไปในตัว สำหรับทิปิจังช่วงไหนร้อนขอไปแอ่วเหนือ แล้วพอหนาวหน่อยก็ลงใต้โลดเลย อันนี้ก็แล้วแต่สไตล์ แล้วแต่ชอบเลยนะคะ


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

ญี่ปุ่น 4 ฤดู
ฉลองปีใหม่ที่ญี่ปุ่น ต้องลอง
นอนเรียวคัง แช่อองเซน
ศาลเจ้า v.s. วัดพุทธ
พิธีชงชาแบบญี่ปุ่น

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น