มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

14 มีนาคม 2561

ดอกไม้ไฟสไตล์คนเมือง


ที่ญี่ปุ่นนี้พอถึงหน้าร้อน ก็ต้องนึกถึงงานเทศกาลและดอกไม้ไฟก่อนเลยสินะ และที่โตเกียวนี้ ก็มีงานเทศกาลดอกไม้ไฟ (hanabi) ที่สุดจะอลังการงานช้างงานหนึ่ง จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำสุมิดะ ที่พาดผ่านใจกลางมหานครโตเกียวนั่นเอง … ว่าแต่ในกรุงโตเกียวที่แสนจะเบียดเสียด อัดแน่นไปด้วยอาคารสูงตึกระฟ้ามากมาย และผู้คนก็หนาแน่น ทั้งคนญี่ปุ่นเอง และนักท่องเที่ยวหลากสัญชาติ … คนเมืองแถวนี้เค้าจะดูดอกไม้ไฟกันแบบไหนหนอ ** คำเตือน บล็อกนี้ไม่มีภาพดอกไม้ไฟสวยๆ นะคะ มีแต่อย่างอื่น 555 ** ต้องติดตามกันค่ะ

บรรยากาศบนแม่น้ำสุมิดะยามค่ำคืน และไร้ผู้คน

นี่เลยค่ะ งานดอกไม้ไฟริมแม่น้ำสุมิดะ เค้าเริ่มงานกันตั้งแต่ประมาณหนึ่งทุ่มตรง และไล่ยิงดอกไม้ไฟนานาชนิด เป็นจำนวนกว่าหมื่นลูก ยาวรวดเดียวเต็มพิกัดหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ซึ่งสถานที่ๆ จะยิงก็คือทางฝั่งเหนือและฝั่งใต้ของแม่น้ำสุมิดะ นั่นเอง

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

ถ้าเดินทางมาด้วยรถไฟใต้ดิน ก็ไปลงที่สถานี Asakusa ได้เลย จากนั้นเพียงเดินตามผู้คนหมู่มากในชุดยุคาตะ หรือกิโมโนหน้าร้อน (ซึ่งของบางคนก็ประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย จนดูจะแหวกแนวไปหน่อยๆ) ก็จะมาโผล่ที่หน้างานพอดีแบบไม่หลง

เดินตามเค้าไปค่ะ เด๋วถึงเอง

แต่เดี๋ยวก่อน คำว่าหน้างาน ไม่ได้หมายถึงบริเวณที่จะเฝ้าชมดอกไม้ไฟสวยๆ ได้เต็มตาหรอกนะ เพราะงานช้างแบบนี้ กับมหานครอันยิ่งใหญ่ระดับโลก … แต่พื้นที่น้อย … ก็ต้องพิสูจน์ความพยายามกันนิดนึงล่ะ 555


จับจองพื้นที่ตามถนนและสี่แยก

การจุดดอกไม้ไฟบนแม่น้ำสุมิดะที่พาดผ่านใจกลางของเมืองพอดี เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกจำกัดจำเขี่ยให้เห็นได้เต็มๆ เฉพาะบริเวณแคบๆ ริมฝั่งแม่น้ำ ที่ขนาบข้างด้วยตึกสูง ซึ่งแม้ว่าริมฝั่งแม่น้ำจะมีสวนสาธารณะให้พักผ่อนหย่อนใจได้อยู่บ้าง แต่ทำเลดีๆ ก็โดนจับจองไปตั้งแต่บ่ายแล้วล่ะ (ประเทศนี้ขึ้นชื่อเรื่องการรอและเข้าคิวอย่างเป็นระเบียบอยู่แล้ว) … สำหรับผู้ที่มาไม่ทัน ก็ต้องอาศัยพื้นที่ตามสี่แยกและริมถนน ที่เค้าปิดการจราจรเตรียมไว้ให้ ไว้ปูเสื่อนั่งชมความงามของดอกไม้ไฟ … ผ่านซอกหลืบของตึกสูง … เป็นภาพดอกไม้ไฟเว้าๆ แหว่งๆ ไม่เต็มลูก (เพราะถูกตึกบัง) แต่ก็ใกล้ชิดขนาดที่ขี้เถ้าตกใส่ปากได้ และดูดอกไม้ไฟผ่านภาพสะท้อนจากกระจกของตึกสูงในละแวกนั้น ก็แปลกดีเหมือนกันนะ ถ้าไม่ใช่มหานครอันซับซ้อนแบบที่โตเกียวนี้ คงหาชมที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว 555



ชมดอกไม้ไฟผ่านซอกตึก

แต่ … ก็ยังมีคลื่นมหาชนอีกเป็นจำนวนไม่น้อย ที่เพิ่งโผล่หน้ามา รวมทั้งพวกเราที่มัวแต่ห่วงกิน ก็คงเหลือแต่วิธีเดินไปดูไปเท่านั้นแหละ (เพราะไม่มีที่นั่งเหลือแล้วทุกซอกมุม) โดยเมื่อออกจากสถานีรถไฟปุ๊บ (ทั้งใต้ดินและบนดิน) ผู้คนก็จะถูกลำเลียงเข้าสู่วงจรทางเดิน ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับคลื่นมหาชนสำหรับงานบิ๊กบึ้ม (บนพื้นที่จำกัด) นี้โดยเฉพาะ

ที่มาเพื่อเดินชมก็อีกมหาศาล

โดยกฏกติกาสำหรับผู้มา “เดิน” ชมงาน คือต้องเดินไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่จัดไว้ และห้ามหยุดหรือยึดพื้นที่เด็ดขาด แต่แหม บางทีก็อยากหยุดดูมั่งใช่มั้ยล่ะ พอมีการดื้อและฝ่ากฏปุ๊บ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยกขโยงกันมาช่วยไล่ต้อน … ซึ่งบางทีก็มีหงุดหงิดนะ เพราะมันเหมือนยิ่งเดินยิ่งออกห่างจากแม่น้ำไปทุกทีๆ

เจ้าหน้าที่ก็พร้อมมากค่ะ

ต่อเมื่อได้เลี้ยวรอบสุดท้ายนั่นแหละ คือแถวคิวอันยาวเหยียด เพื่อรอขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำสุมิดะ ซึ่งเป็นโลเคชั่นที่สามารถชมดอกไม้ไฟได้สวยสุดๆ แบบที่ไม่มีตึกสูงมาคั่นกลาง … และก็ดูจะเป็นงานชมดอกไม้ไฟที่แปลกประหลาดสำหรับพวกเราอีกครั้ง เพราะทั้งๆ ที่ดอกไม้ไฟก็จุดกันตูมๆ อยู่เบื้องหน้า แต่กลับต้องเดินหนีไปหลบระหว่างซอกตึก ซึ่งก็มองเห็นบ้างมองไม่เห็นบ้างตามยถากรรม และแถวคิวยาวๆ นี้ก็เคลื่อนตัวช้าซะเหลือเกิน

ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงประกาศ (เป็นภาษาญี่ปุ่น) เป็นระยะๆ เพื่อขอความร่วมมือ ประมาณว่าเมื่อขึ้นสะพานและเก็บรูปสวยได้คนละนิดละหน่อยแล้ว ก็ช่วยขยับที เพื่อแบ่งให้คนอื่นๆๆๆๆ อีกมากมายได้มีโอกาสขึ้นมาชมบ้างนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีโหมดสร้างความเข้าใจ และป้องกันสะเทือนใจ ว่างานจะมีต่อเนื่องไปถึงสองทุ่มครึ่งตรงเท่านั้น เมื่อยิงหมดแล้วก็คือหมดเลยจริงๆ นะ เพราะฉะนั้นขอเตือนไว้เลย ว่าแม้จะอยู่ในคิว แต่ก็อาจมีสิทธิพลาดชมได้อยู่ดี

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

เอิ่ม ลึกซึ้งเลยค่ะ 555 แต่จะทำใจได้หรือเปล่าหนอ โดยเฉพาะช่วง 5 นาทีสุดท้าย เมื่อตำแหน่งของพวกเราเข้าใกล้สะพานเข้าไปเรื่อยๆ นี่ลุ้นสุดๆ จะอยู่ในกลุ่มได้ดู หรืออดดูหนอ 555

ขึ้นสะพานมาได้ก็ต้องเดินๆๆ ต่อนะ

เจ้าหน้าที่ก็ประจำการอยู่

ไม่มีตึกกั้น แต่ราวสะพานก็ยังอีกเพียบ 555

และแล้วในช่วง 2 นาทีสุดท้ายของการแสดง พวกเราก็ได้ขึ้นสะพานจนได้ เป็นการชมดอกไม้ไฟชุดปิดงานอลังการ แบบไม่มีตึกสูงบังตา (แต่ก็มีราวสะพานบังอยู่ดี) ที่จวนเจียนที่สุด … งานนี้ทิปิจังปลดปล่อยเสียงกรี๊ดและร่วมเฮไปกับผู้คนรอบข้างแบบไม่รู้ตัวเลย เพราะกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ ต้องฝ่าฟันมาอย่างหนักหน่วงเชียวนะ 555

ถือเป็นประสบการณ์การชมดอกไม้ไฟในมหานคร ที่แปลกประหลาดและปนตื่นเต้นที่สุดครั้งหนึ่งของทิปิจัง ส่วนขาตั้งกล้องที่เตรียมมา ก็ถือไว้เก๋ๆ เท่านั้นแหละ ไม่มีโอกาสได้นำออกมาใช้เลย 555

ส่วนที่สถานีรถไฟหราคะ ณ เวลานี้คงเต็มไปด้วยคิวยาวของผู้คนที่พากันเดินทางกลับพร้อมๆ กัน อย่ากระนั้นเลย เก็บภาพยามค่ำคืนอันเงียบเหงาของแม่น้ำสุมิดะ ที่ในเวลานี้ ประหนึ่งเหมือนไม่เคยเกิดการรวมตัวมากมายของผู้คนใดๆ มาก่อน ให้จุใจก่อนกลับกันดีกว่าค่ะ


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

ดอกไม้ไฟสไตล์คนเมือง

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น