มิสกะโปโล และ ทิปิจัง ขอนำเสนอ บล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านที่สนใจค่ะ

13 มีนาคม 2561

วน 1 รอบทะเลสาบคาวากุจิโคะ


เป็นอีกหนึ่ง option ที่เก๋กู๊ด เมื่ออยากกระเถิบไปใกล้ชิดภูเขาไฟฟุจิ เพราะ Fuji Five Lake หรือ Fujigoko เป็น 5 ทะเลสาบที่เรียงรายอยู่รอบๆ ฐานของภูเขาไฟฟุจิทางด้านเหนือ ประกอบด้วยทะเลสาบคาวากุจิโคะ ยามานาคะโคะ ไซโคะ โชจิโคะและโมโทสึโคะ ซึ่งก็ไม่ใช่ฐานที่ต่ำเตี้ยอะไรเลย ทะเลสาบทั้ง 5 นี้ตั้งอยู่ที่ความสูงหนึ่งพันเมตรเหนือระดับน้ำทะเลนู่นเลยทีเดียว ทั้งหมดอยู่ในเขตจังหวัดยามานาชิ เขตจูบุ และยังใกล้ชิดติดขอบขนาดที่พอจะเป็นจุดเริ่มต้นยอดนิยม สำหรับบรรดานักไต่เขาที่มุ่งจะพิชิตยอดฟุจิซังอีกด้วย

มาสคอตน่ารักๆ แถวนี้

ในทะเลสาบทั้ง 5 นี้ ยามานาคะโคะ (Yamanakako) มีขนาดใหญ่สุด แต่ถ้าเรื่องการคมนาคมเข้าถึงและเดินทางสะดวกที่สุด ต้องยกให้คาวากุจิโคะ (Kawaguchiko) ค่ะ เพราะนอกจากรถบัสแล้ว ยังมีรถไฟของฟุจิคิวโค (Fujikyuko) มารับส่งถึงที่ และมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ รอบทะเลสาบมากที่สุด โดยเฉพาะที่ฝั่งตะวันออกใกล้กับสถานีรถไฟนั่นเอง

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook


https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

สำหรับบล็อกนี้ ทิปิจังจะพาเคลื่อนขบวนด้วยขนส่งสาธารณะล้วนๆ ตะลอนเที่ยวรอบคาวากุจิโคะแบบไปเช้าเย็นกลับนะคะ จากโตเกียวเราอาศัยรถบัสเดินทาง ซึ่งจะมาถึงที่ทะเลสาบยามานาคะโคะก่อน จากนั้นก็วิ่งอ้อมไปรับส่งผู้โดยสารที่ฟุจิคิวไฮแลนด์ (Fujikyu Highland) ซึ่งเป็นรีสอร์ตและสวนสนุกที่สูงที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง มีรถไฟเหาะที่น่าตื่นเต้นระดับโลก (ทิปิจังขอบาย พอดีว่าใจไม่แข็งพอ แค่เห็นรางก็ไม่ไหวแล้ว 55) ซึ่งแค่ที่ป้ายนี้ผู้โดยสารก็ทยอยลงไปครึ่งคันแล้ว เหลืออีกครึ่งกระเต็งกันไปจนถึงสุดทางที่คาวากุจิโคะด้วยกัน

สถานี Kawaguchiko

นี่ขนาดต้นเดือน ส.ค. หน้าร้อน แต่อากาศแถวนี้เย็นพอควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อมีหมอกฝนพรำๆ มาต้อนรับในทันที่ก้าวลงจากรถ และจากนี้เราจะพึ่งพาเรโทรบัส (Retro Bus) ให้พาตระเวนเที่ยวไปทั่ว โดยเรโทรบัสจะวิ่งรับส่งใน 2 เส้นทางหลักๆ คือเส้นที่วิ่งวนรอบทะเลสาบคาวากุจิโคะ กับอีกเส้นที่วิ่งเชื่อมจากคาวากุจิโคะและเลยไปไกลถึงทะเลสาบไซโคะทางทิศตะวันตกนู่น ค่ารถเค้าคิดตามระยะทางค่ะ ซึ่งถ้าไม่อยากยุ่งยากก็ซื้อตั๋วแบบบุพเฟ่ต์ราคา 1300 เยนไปเลย ใช้ได้ถึง 2 วันเต็ม (แต่แค่วันเดียว ทิปิจังก็ใช้คุ้มแล้วล่ะ)

แผ่นพับเรโทรบัส

ป้าย Retro Bus ที่หน้าสถานี Kawaguchiko

เอาล่ะ มาเริ่มตะลอนกันเลยดีกว่า แถวคิวขึ้นเรโทรบัสยาวเหยียดใช้ได้เลย  … เตือนกันนิดๆ จากประสบการณ์ตรงก่อนเลยนะคะ เที่ยวที่ไหนก็แล้วแต่ในญี่ปุ่นโดยอาศัยรถบัสเนี่ย บวกเวลารอรถ (ซึ่งก็ตรงเวลาดีอยู่หรอก) เวลารถแน่นขึ้นไม่ได้ ต้องรอคันต่อไป (ซึ่งนานๆ ทีจะเจอแบบนี้) มันทำให้เที่ยวได้ไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถ้าจะตะลอนหลายที่ เช่ารถขับเองสะดวกกว่าเยอะค่ะ … แต่ถ้าไม่ได้รีบร้อนอะไร นั่งรถบัส ดูผู้คนไปเรื่อยเปื่อยก็เพลินดีค่ะ เป็นตัวเลือกที่ไม่น่าเกลียดนักหรอก ใครๆ เค้าก็นั่งกัน (แหม เค้าให้มาเป็นแพ็จตั้ง 2 วัน ค้างเลยสิคะ อิอิ)  … แต่ไปเช้าเย็นกลับแบบทิปิจัง ก็ตะลอนไปได้ไม่น้อยเลยนะ พยายามอาศัย 2 เท้าผสมๆ ปนๆ กันไป ไม่เสียเวลาเท่าไหร่ และวิวแถวนี้ก็เพลินดีเลยแหละ

แถวคิวยาวทีเดียว

เรโทรบัสบางคันก็หน้าตาน่ารักแบบนี้

สต๊อปแรก เรานั่งโรโทรบัสมาลงที่ป้าย Kawaguchiko Natural Living Center สุดสายทางตอนเหนือของทะเลสาบ ซึ่งหน้าตาในโปสการ์ดที่เห็นกันดาษดื่น ก็ทำให้เชื่อได้ว่าจะเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟุจิที่ดีที่สุดจุดหนึ่ง ยิ่งถ้ามาเร็วกว่านี้ซักนิดนึง จะได้ชมทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดมินิด้วย (แถวนี้เก็บเกี่ยวลาเวนเดอร์กันประมาณกลางเดือน ก.ค.) … มา ส.ค. ก็พลาดละ อิอิ

Kawaguchiko Natural Living Center ในยามที่ลาเวนเดอร์โกร๋นเชียว

สวนสวย

ฟุจิซังของจริงเจอหมอกบังซะแล้ว ดูของปลอมขนาดมินิ ทำจากดอกไม้แทนไปก่อนนะ

จากนั้นค่อยๆ เดินย้อนกลับมา สู่สต๊อปถัดไปที่ Konohana Bijutsukan ซึ่งเป็นร้านอาหารและมิวเซียมเล็กๆ มีแมวเหมียวเป็นธีม (เวลามีน้องแมวเดินป้วนเปี้ยนผ่านมา มักถูกนักท่องเที่ยวถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แบบที่เจ้าเหมียวเองก็คงงงๆ) สถานที่ท่องเที่ยวแถบนี้ส่วนใหญ่จะมีขนาดค่อนข้างกระทัดรัด เจ้าของลงทุนทำกันเองด้วยใจรักเป็นการส่วนตัว ซึ่ง Konohana Bijutsukan แห่งนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นแหละ บรรยากาศชิลๆ น่ารักดีทีเดียว  

ตึกรามอาคารสวยๆ ระหว่างเดินย้อนกลับมา

สวนสวยรอบๆ ทะเลสาบ

มุมนี้มองเห็นสะพาน Ohashi ด้วย

สะพานไม้ดูุวินเทจดี

ถึงละ ทางเข้า Konohana Bijutsukan

กิ๊บเก๋

แมวอีกละ

แมวจริงๆ

แมวตลอด

 Find MsKapolo and Behind-The-Design-Story on Facebook

หมูก็มี

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

นอกจากนี้แถวๆ นี้ก็มีเวทีละครลิง พิพิธภัณฑ์นู่นนี่ และศูนย์ฝึกสอนงานฝีมือต่างๆ เช่น ร้อยสร้อย ร้อยลูกปัด หรือเป่าแก้ว เป็นต้นมากมาย เป็นกิจกรรมดีๆ ที่โอบล้อมบรรยากาศรอบทะเลสาบที่เคยเงียบเหงา ให้มีสีสันเพิ่มมากขึ้น (และคงจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการขยายไปยังทะเลสาบอื่นด้วย) 

ละครลิงมั้ยคร้าบ



เก็บตกบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวแถบนี้เต็มอิ่ม ก็อาศัยเรโทรบัสเคลื่อนย้ายกันอีกครั้ง โดยคราวนี้ไปลงที่ป้าย Kozantei Ubuyamae ใกล้กับทางขึ้นสะพาน Kawaguchiko Ohashi ที่พาดข้ามทะเลสาบเชื่อมเหนือใต้เพียงแห่งเดียว โดยในวันที่อากาศแจ่มใสกว่านี้ จะเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวฟุจิซังที่ดีที่สุด … แต่แหม อากาศวันนี้มันขมุกขมัวซะเหลือเกิน 555

ฝาท่อระบายน้ำก็สวย

แต่ขมุกขมัวก็ใช่ว่าจะแย่นะคะ ยิ่งเมื่อเดินข้ามมาถึงตรงกลางสะพาน โอ้โห ทั้งสภาพอากาศเย็นๆ และสายหมอกพรำๆ ให้ความรู้สึกเหมือนยุโรปเลย สวยไปอีกแบบ แต่เอ๊ะ … ตกเราเรามาเที่ยวประเทศไหน 555

วิวทะเลสาบในสายหมอก เลิศมากเลยค่ะ

อีกฝั่งของสะพานทางตอนใต้ทะเลสาบ สถานที่ท่องเที่ยวน่ารักๆ เพียบเลยค่ะ ไม่ว่าจะสวนสมุนไพรคาวากุจิโคะ (Kawaguchiko Herb Kan) ที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์สมุนไพรและหัวน้ำหอมหลากชนิด (แต่มาเดือนนี้ ลาเวนเดอร์ก็โกร๋นอยู่ดี เฮ้อ) Teddy’s garden ที่มีเจ้าหมีเทดดี้เป็นตัวเอก (แต่เจ้าตัวบิ้กเบิ้มที่ตั้งอวดโฉมอยู่ด้านหน้า ดูจะมอมแมมไปหน่อยนะ) และพิพิธภัณฑ์อัญมณีแห่งจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi Hoseki Hakubutsukan) เป็นต้น

ที่อีกฝั่งด้านใต้ มีชายหาดให้ลั้นลา


กิจกรรมเยอะแยะ


ดอกไม้และสวนสวยที่ Kawaguchiko Herb Kan

ขายลูกท้อยักษ์ หน้า Teddy's Garden

หมีเท็ดดี้คู่นี้ดูมอมแมมไปหน่อยนะ

Yamanashi Hoseki Hakubutsukan

จากนั้นก็ต่อเรโทรบัสมุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออก และลงที่หน้าสถานีรถกระเช้า เพื่อจะไต่ขึ้นเขาเทนโจ (Tenjosan) นั่นเอง เขาเทนโจเป็นอีกโลเคชั่นที่สูงพอจะชื่นชมยอดฟุจิซังได้ชัดๆ (ถ้าอากาศดีนะ) นอกจากนี้ยังจะได้เพลิดเพลินกับทุ่งดอกไม้แห่งฤดูฝน อย่างดอกอาจิไซ (ajisai) หรือไฮเดรนเยีย นั่นเอง ซึ่งอาจิไซเป็นดอกไม้พิเศษ สามารถเปลี่ยนสีได้ตามสภาพอากาศ (ขึ้นกับสภาพกรดด่าง โดยจะออกแดงๆ ชมพูในสภาพกรดสูง และค่อนไปทางฟ้าม่วงในสภาพด่างสูง แต่ถ้าสภาพกรดด่างพอๆ กันหรือค่อนข้างเป็นกลาง ก็จะออกขาว) และที่เขาเทนโจนี้มีเป็นแสนต้น ถือเป็นความสุขเล็กๆ สำหรับผู้มาเยือนเลยทีเดียว

ขึ้นกระเช้ากัน

มี 2 ตัวนี้มาต้อนรับ

มุมทะเลสาบในสายหมอกมองจากกระเช้า

เห็น Fujikyu Highland ชัดเจน ใจสั่นมาก ขอบอก 555

มุมนี้ก็สวย

2 ตัวคู่หูนี้เยอะมาก 


พุง v.s. พุง 

ป้ายไหนๆ ก็มาสคอตคู่นี้แหละ tanuki & usagi

อากาศแบบนี้ ฟุจิซังเลยค่อนข้างขี้อาย แวะโลเคชั่นดีๆ มาหลายสต๊อปแล้ว แต่นางก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นชัดๆ เลย (เป็นงัยล่ะ ใกล้ชิดจริง แต่ปิดหน้าตลอด 555) … ก่อนจะขึ้นรถบัสรอบเย็นกลับโตเกียว เรามาลงเอยมื้อเย็นกับเมนูท้องถิ่นชื่อดังแถบนี้ ได้แก่ โฮโทอุด้ง แหม … ช่างเป็นอุด้งที่เพียบไปด้วยเส้นขาวและเหนียวหนีบ ปรุงกับผักท้องถิ่นนานาชนิด โดยในหน้าร้อนแบบนี้จะมีแบบเย็นเรียกว่า ซารุ (แปลว่าตะแกรงไม้ไผ่) มาเป็นตัวเลือกที่เหมาะเจาะกับสภาพอากาศอีกด้วย … มาแล้วต้องลอง ซึ่งก็อร่อยดีนะ แต่จะดูญี่ปุ่นจ๋ามากๆ เพราะแป้งเยอะ โปรตีนน้อย … แบบนี้ มื้อเดียวพอค่ะ 555

Houtou udon แบบเย็น บนตะแกรงไม้ไผ่

แบบธรรมดา ในน้ำซุป


http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_7.html http://travelismylifeblog.blogspot.com/p/blog-page_8.html    

วน 1 รอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ
https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

 Visit MsKapolo shop on Etsy.com

Booking.com

http://www.shutterstock.com/g/tipwam?rid=3993592

http://www.shutterstock.com/?rid=3993592

http://submit.shutterstock.com/?ref=3993592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น