เป็นอีกหนึ่ง option ที่เก๋กู๊ด เมื่ออยากกระเถิบไปใกล้ชิดภูเขาไฟฟุจิ เพราะ Fuji Five Lake หรือ Fujigoko เป็น 5 ทะเลสาบที่เรียงรายอยู่รอบๆ ฐานของภูเขาไฟฟุจิทางด้านเหนือ ประกอบด้วยทะเลสาบคาวากุจิโคะ ยามานาคะโคะ ไซโคะ โชจิโคะและโมโทสึโคะ ซึ่งก็ไม่ใช่ฐานที่ต่ำเตี้ยอะไรเลย ทะเลสาบทั้ง 5 นี้ตั้งอยู่ที่ความสูงหนึ่งพันเมตรเหนือระดับน้ำทะเลนู่นเลยทีเดียว ทั้งหมดอยู่ในเขตจังหวัดยามานาชิ เขตจูบุ และยังใกล้ชิดติดขอบขนาดที่พอจะเป็นจุดเริ่มต้นยอดนิยม สำหรับบรรดานักไต่เขาที่มุ่งจะพิชิตยอดฟุจิซังอีกด้วย
มาสคอตน่ารักๆ แถวนี้
ในทะเลสาบทั้ง 5 นี้ ยามานาคะโคะ (Yamanakako) มีขนาดใหญ่สุด แต่ถ้าเรื่องการคมนาคมเข้าถึงและเดินทางสะดวกที่สุด ต้องยกให้คาวากุจิโคะ (Kawaguchiko) ค่ะ เพราะนอกจากรถบัสแล้ว ยังมีรถไฟของฟุจิคิวโค (Fujikyuko) มารับส่งถึงที่ และมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ รอบทะเลสาบมากที่สุด โดยเฉพาะที่ฝั่งตะวันออกใกล้กับสถานีรถไฟนั่นเอง
สำหรับบล็อกนี้ ทิปิจังจะพาเคลื่อนขบวนด้วยขนส่งสาธารณะล้วนๆ ตะลอนเที่ยวรอบคาวากุจิโคะแบบไปเช้าเย็นกลับนะคะ จากโตเกียวเราอาศัยรถบัสเดินทาง ซึ่งจะมาถึงที่ทะเลสาบยามานาคะโคะก่อน จากนั้นก็วิ่งอ้อมไปรับส่งผู้โดยสารที่ฟุจิคิวไฮแลนด์ (Fujikyu Highland) ซึ่งเป็นรีสอร์ตและสวนสนุกที่สูงที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง มีรถไฟเหาะที่น่าตื่นเต้นระดับโลก (ทิปิจังขอบาย พอดีว่าใจไม่แข็งพอ แค่เห็นรางก็ไม่ไหวแล้ว 55) ซึ่งแค่ที่ป้ายนี้ผู้โดยสารก็ทยอยลงไปครึ่งคันแล้ว เหลืออีกครึ่งกระเต็งกันไปจนถึงสุดทางที่คาวากุจิโคะด้วยกัน
สถานี Kawaguchiko
นี่ขนาดต้นเดือน ส.ค. หน้าร้อน แต่อากาศแถวนี้เย็นพอควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อมีหมอกฝนพรำๆ มาต้อนรับในทันที่ก้าวลงจากรถ และจากนี้เราจะพึ่งพาเรโทรบัส (Retro Bus) ให้พาตระเวนเที่ยวไปทั่ว โดยเรโทรบัสจะวิ่งรับส่งใน 2 เส้นทางหลักๆ คือเส้นที่วิ่งวนรอบทะเลสาบคาวากุจิโคะ กับอีกเส้นที่วิ่งเชื่อมจากคาวากุจิโคะและเลยไปไกลถึงทะเลสาบไซโคะทางทิศตะวันตกนู่น ค่ารถเค้าคิดตามระยะทางค่ะ ซึ่งถ้าไม่อยากยุ่งยากก็ซื้อตั๋วแบบบุพเฟ่ต์ราคา 1300 เยนไปเลย ใช้ได้ถึง 2 วันเต็ม (แต่แค่วันเดียว ทิปิจังก็ใช้คุ้มแล้วล่ะ)
แผ่นพับเรโทรบัส
ป้าย Retro Bus ที่หน้าสถานี Kawaguchiko
เอาล่ะ มาเริ่มตะลอนกันเลยดีกว่า แถวคิวขึ้นเรโทรบัสยาวเหยียดใช้ได้เลย … เตือนกันนิดๆ จากประสบการณ์ตรงก่อนเลยนะคะ เที่ยวที่ไหนก็แล้วแต่ในญี่ปุ่นโดยอาศัยรถบัสเนี่ย บวกเวลารอรถ (ซึ่งก็ตรงเวลาดีอยู่หรอก) เวลารถแน่นขึ้นไม่ได้ ต้องรอคันต่อไป (ซึ่งนานๆ ทีจะเจอแบบนี้) มันทำให้เที่ยวได้ไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถ้าจะตะลอนหลายที่ เช่ารถขับเองสะดวกกว่าเยอะค่ะ … แต่ถ้าไม่ได้รีบร้อนอะไร นั่งรถบัส ดูผู้คนไปเรื่อยเปื่อยก็เพลินดีค่ะ เป็นตัวเลือกที่ไม่น่าเกลียดนักหรอก ใครๆ เค้าก็นั่งกัน (แหม เค้าให้มาเป็นแพ็จตั้ง 2 วัน ค้างเลยสิคะ อิอิ) … แต่ไปเช้าเย็นกลับแบบทิปิจัง ก็ตะลอนไปได้ไม่น้อยเลยนะ พยายามอาศัย 2 เท้าผสมๆ ปนๆ กันไป ไม่เสียเวลาเท่าไหร่ และวิวแถวนี้ก็เพลินดีเลยแหละ
แถวคิวยาวทีเดียว
เรโทรบัสบางคันก็หน้าตาน่ารักแบบนี้
Kawaguchiko Natural Living Center ในยามที่ลาเวนเดอร์โกร๋นเชียว
สวนสวย
ฟุจิซังของจริงเจอหมอกบังซะแล้ว ดูของปลอมขนาดมินิ ทำจากดอกไม้แทนไปก่อนนะ
จากนั้นค่อยๆ เดินย้อนกลับมา สู่สต๊อปถัดไปที่ Konohana Bijutsukan ซึ่งเป็นร้านอาหารและมิวเซียมเล็กๆ มีแมวเหมียวเป็นธีม (เวลามีน้องแมวเดินป้วนเปี้ยนผ่านมา มักถูกนักท่องเที่ยวถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แบบที่เจ้าเหมียวเองก็คงงงๆ) สถานที่ท่องเที่ยวแถบนี้ส่วนใหญ่จะมีขนาดค่อนข้างกระทัดรัด เจ้าของลงทุนทำกันเองด้วยใจรักเป็นการส่วนตัว ซึ่ง Konohana Bijutsukan แห่งนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นแหละ บรรยากาศชิลๆ น่ารักดีทีเดียว
ตึกรามอาคารสวยๆ ระหว่างเดินย้อนกลับมา
สวนสวยรอบๆ ทะเลสาบ
มุมนี้มองเห็นสะพาน Ohashi ด้วย
สะพานไม้ดูุวินเทจดี
ถึงละ ทางเข้า Konohana Bijutsukan
กิ๊บเก๋
แมวอีกละ
แมวจริงๆ
แมวตลอด
หมูก็มี
นอกจากนี้แถวๆ นี้ก็มีเวทีละครลิง พิพิธภัณฑ์นู่นนี่ และศูนย์ฝึกสอนงานฝีมือต่างๆ เช่น ร้อยสร้อย ร้อยลูกปัด หรือเป่าแก้ว เป็นต้นมากมาย เป็นกิจกรรมดีๆ ที่โอบล้อมบรรยากาศรอบทะเลสาบที่เคยเงียบเหงา ให้มีสีสันเพิ่มมากขึ้น (และคงจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการขยายไปยังทะเลสาบอื่นด้วย)
ละครลิงมั้ยคร้าบ
ฝาท่อระบายน้ำก็สวย
แต่ขมุกขมัวก็ใช่ว่าจะแย่นะคะ ยิ่งเมื่อเดินข้ามมาถึงตรงกลางสะพาน โอ้โห ทั้งสภาพอากาศเย็นๆ และสายหมอกพรำๆ ให้ความรู้สึกเหมือนยุโรปเลย สวยไปอีกแบบ แต่เอ๊ะ … ตกเราเรามาเที่ยวประเทศไหน 555
วิวทะเลสาบในสายหมอก เลิศมากเลยค่ะ
ที่อีกฝั่งด้านใต้ มีชายหาดให้ลั้นลา
กิจกรรมเยอะแยะ
ดอกไม้และสวนสวยที่ Kawaguchiko Herb Kan
ขายลูกท้อยักษ์ หน้า Teddy's Garden
หมีเท็ดดี้คู่นี้ดูมอมแมมไปหน่อยนะ
Yamanashi Hoseki Hakubutsukan
จากนั้นก็ต่อเรโทรบัสมุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออก และลงที่หน้าสถานีรถกระเช้า เพื่อจะไต่ขึ้นเขาเทนโจ (Tenjosan) นั่นเอง เขาเทนโจเป็นอีกโลเคชั่นที่สูงพอจะชื่นชมยอดฟุจิซังได้ชัดๆ (ถ้าอากาศดีนะ) นอกจากนี้ยังจะได้เพลิดเพลินกับทุ่งดอกไม้แห่งฤดูฝน อย่างดอกอาจิไซ (ajisai) หรือไฮเดรนเยีย นั่นเอง ซึ่งอาจิไซเป็นดอกไม้พิเศษ สามารถเปลี่ยนสีได้ตามสภาพอากาศ (ขึ้นกับสภาพกรดด่าง โดยจะออกแดงๆ ชมพูในสภาพกรดสูง และค่อนไปทางฟ้าม่วงในสภาพด่างสูง แต่ถ้าสภาพกรดด่างพอๆ กันหรือค่อนข้างเป็นกลาง ก็จะออกขาว) และที่เขาเทนโจนี้มีเป็นแสนต้น ถือเป็นความสุขเล็กๆ สำหรับผู้มาเยือนเลยทีเดียว
ขึ้นกระเช้ากัน
มี 2 ตัวนี้มาต้อนรับ
มุมทะเลสาบในสายหมอกมองจากกระเช้า
เห็น Fujikyu Highland ชัดเจน ใจสั่นมาก ขอบอก 555
มุมนี้ก็สวย
2 ตัวคู่หูนี้เยอะมาก
พุง v.s. พุง
ป้ายไหนๆ ก็มาสคอตคู่นี้แหละ tanuki & usagi
อากาศแบบนี้ ฟุจิซังเลยค่อนข้างขี้อาย แวะโลเคชั่นดีๆ มาหลายสต๊อปแล้ว แต่นางก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นชัดๆ เลย (เป็นงัยล่ะ ใกล้ชิดจริง แต่ปิดหน้าตลอด 555) … ก่อนจะขึ้นรถบัสรอบเย็นกลับโตเกียว เรามาลงเอยมื้อเย็นกับเมนูท้องถิ่นชื่อดังแถบนี้ ได้แก่ โฮโทอุด้ง แหม … ช่างเป็นอุด้งที่เพียบไปด้วยเส้นขาวและเหนียวหนีบ ปรุงกับผักท้องถิ่นนานาชนิด โดยในหน้าร้อนแบบนี้จะมีแบบเย็นเรียกว่า ซารุ (แปลว่าตะแกรงไม้ไผ่) มาเป็นตัวเลือกที่เหมาะเจาะกับสภาพอากาศอีกด้วย … มาแล้วต้องลอง ซึ่งก็อร่อยดีนะ แต่จะดูญี่ปุ่นจ๋ามากๆ เพราะแป้งเยอะ โปรตีนน้อย … แบบนี้ มื้อเดียวพอค่ะ 555
Houtou udon แบบเย็น บนตะแกรงไม้ไผ่
แบบธรรมดา ในน้ำซุป
วน 1 รอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น