ฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นปกติจะกินเวลานาน 3 เดือนเต็ม คือตั้งแต่กลาง พ.ค. ถึงกลาง ส.ค. นู่น และอากาศก็ร้อนๆๆๆ สมชื่อ ร้อนชื้นแบบที่ไม่โดนแดดก็เหงื่อออกรัวๆ แล้ว อีกทั้งยังเป็นช่วงที่ฟ้าฝนจะโปรยลงมาล้อเล่นกันบ่อยๆ ช่วงนี้ถ้าไม่หนีร้อนขึ้นเหนือไปสุดๆ ไปดูดอกไม้ที่ฮอกไกโด ท้องฟ้าก็ไม่ใจร้ายจนเกินไป เพราะจะปล่อยให้ฝนได้ทิ้งช่วง ลั้นลากับงานเทศกาล หรือมัทสึริ matsuri กันได้บ้าง ตั้งแต่ปลาย ก.ค. เป็นต้นไป (ซึ่งก็ดูดอกไม้ที่ฮอกไกโดเสร็จพอดี)
หน้างานเทศกาลก็จะมีทั้งขบวนแห่ ออกร้าน ดอกไม้ไฟ ระดมกันมาอย่างล้นหลาม สาวๆ ได้แต่งชุดยูกาตะ ควงแขนหนุ่มมั่ง ไม่หนุ่มมั่ง ออกมาอวดโฉม ใครยังโสดก็โซ้ยเข้าไปค่ะ พวกของกินออกร้านงานวัดญี่ปุ่นเนี่ย มันอร่อยมาก ขอบอก แล้วงานเทศกาลมันก็จะมีแบบนี้ เล็กมั่งใหญ่มั่ง ต่อเนื่องยาวไปจนถึงกลาง ส.ค. ใกล้ๆ งานเชงเม้งญี่ปุ่นหรือโอบ้งนู่นแน่ะ (ซึ่งคนญี่ปุ่นจะเข้าสู่โหมดหยุดยาวกันอีกครั้ง)
ถ้าอยากเที่ยวงานเทศกาลให้จุใจ (อารมณ์ประมาณฝรั่งมาเที่ยวสงกรานต์บ้านเรา 3-4 วันเอาแต่สาดน้ำโครมๆ จนหนำใจ) ทิปิจังขอแนะนำภูมิภาคโทโฮะขุ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะใหญ่ฮอนชู ซึ่งอัดแน่นด้วยเทศกาลงานช้างระดับประเทศหลายงาน โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ส.ค. ของทุกปี เหมาะมากสำหรับนักเดินทางจากแดนไกล ที่ต้องฟาดฟันจองตั๋วเครื่องบินกันล่วงหน้า มาโทโฮชุช่วงนี้ได้เที่ยวงานวัดสมใจแน่ … แต่จะเจอร้อนแค่ไหนก็แล้วแต่บุญกรรมนะจ๊ะ อุตส่าห์ถ่อขึ้นมาซะเหนือขนาดนี้ละ ความร้อนช่วยเบาๆ มือหน่อยละกันนะ
สำหรับทัวร์งานเทศกาลในทริปโทโฮะขุนี้ ทิปิจังขอนำเสนอระดับบิ๊กเบิ้มซึ่งมีทั้งหมด 3 งานด้วยกัน เหมาเรียกรวมๆ กันว่า Tohoku Sandai Matsuri ได้แก่ เทศกาล Aomori Nebuta (2-7 ส.ค.) Akita Kanto (3-6 ส.ค.) และ Sendai Tanabata (6-8 ส.ค.) นอกจากนี้ (โดยเฉพาะช่วงนี้) ถ้าได้แวะเมืองอื่นระหว่างทาง รับรองต้องฟลุ้คได้แถมงานเล็กงานน้อยอีกเพียบ
ทริปนี้ใช้เวลาเที่ยวเล่น และทัวร์งานเทศกาล 5 วันเต็มในภูมิภาคโทโฮขุ เพราะซื้อ JR East pass แบบ 5 วันไว้ จึงต้องแพลนให้ได้นั่งชินคันเซนไปและกลับโตเกียวภายใน 5 วันนี้แหละ (แต่สมัยนี้น่าจะใจดีขึ้น ให้ใช้ 5 วันแบบไม่ต่อเนื่องได้ภายใน 14 วัน ก็สามารถอยู่เที่ยวโทโฮขุต่อได้นานขึ้นอีกหน่อย … ถ้าต้องการ) แผนเที่ยวแบบที่ต้องฟิตร่างกายมาดีของทิปิจัง หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
วันที่ 1 – เปิดซิง JR pass นั่งชินคันเซนขึ้นเหนือสู่ภูมิภาคโทโฮขุกันเลย แต่มีขอเบรคระหว่างทาง เพื่อชิมหมี่เย็นขึ้นชื่อของโมริโอคะ คือ Morioka reimen ซักหน่อย (และได้แถมบรรยากาศการเตรียมงานเทศกาลเมืองโมริโอคะด้วย) จากนั้นนั่งชินคันเซนต่อ ไปปลดเปลื้องสัมภาระยังที่พักในเมือง Omagari (ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการทำดอกไม้ไฟ) ก่อนจะเดินทางไปยังเมืองอาคิตะ เพื่อลั้นลากับงานเทศกาล Akita Kanto Matsuri (ส่วนเหตุผลที่ไม่ค้างเมืองอาคิตะซะเลย เนื่องจากเป็นช่วงงานเทศกาล หาที่พักไม่ง่ายนัก) มาถึงเมืองอาคิตะทั้งที แวะชิมของดีขึ้นชื่ออย่างคิริทัมโปะ kiritanpo เป็นมื้อเย็นก็ดีนะคะ (เป็นอาหารที่เน้นข้าวเป็นหลัก เพราะเมืองนี้ดังเรื่องปลูกข้าวอร่อยค่ะ)
แวะชิม Morioka reimen ที่ได้รสชาติเผ็ดร้อนแบบเกาหลีนิดๆ
วันที่ 2 – ขนย้ายสัมภาระขึ้นชินคันเซนไปยังเมือง Hachinohe ซึ่งไม่ไกลนักจากอาโอโมริ เพื่อปลดเปลื้องสัมภาระอันหนักอึ้ง (ส่วนเหตุผลที่ไม่พักที่อาโอโมริ ก็เช่นเดียวกันกับวันที่ 1) ยังเช้าอยู่ก็ไปตะลอนเที่ยวที่อื่นก่อนสิคะ ทิปิจังเลือกไปเที่ยวเมืองฮิโรซาคิ ชมปราสาท Hirosaki Castle และบรรยากาศการเตรียมงานเทศกาล Hirosaki Neputa ซึ่งเป็นเทศกาลน้องของ Aomori Nebuta (สะกดด้วย p กะ b ไม่เหมือนกันนะคะ ออกเสียงต่างกันนิดนึง) ก่อนจะกลับมาที่อาโอโมริในช่วงเย็น เพื่อครื้นเครงกับเทศกาลตัวแม่ Aomori Nebuta จนถึงดึกดื่น
วันที่ 3 – วันนี้หอบหิ้วกระเป๋า ย้ายมาปักหลักที่เซนไดละ แต่วันนี้ยังไม่เที่ยวเซนไดค่ะ สลัดกระเป๋าเรียบร้อย ก็นั่งรถไฟข้ามเขาไปต่อกันที่เมืองยามากาตะ แล้วปีนเขาไปเที่ยววัดยามาเดระ Yamadera กันก่อนเลยค่ะ พกผ้าซับเหงื่อไปด้วยนะคะ น้ำดื่มเย็นๆ ซักกระป๋องก็ดี จะได้ขอความเย็นแนบหน้าระหว่างทาง 555 จากนั้นก็ลงเขาแบบเข่าอ่อนมาต่องานเทศกาลหมวกดอกไม้ หรือ Yamagata Hanagasa Festival ที่ในตัวเมือง งานนี้มีความพยายามต้องการยกให้เป็นบิ๊กเบิ้มลำดับที่ 4 ของภูมิภาค แต่โดยส่วนตัวทิปิจังคิดว่ายังต้องอีกนิดนะคะ และเผอิญว่าเย็นนี้มีงานดอกไม้ไฟฉลอง Tanabata Eve ที่เมืองเซนไดพอดี ก็ต้องเลือกแล้วล่ะ ว่าจะอยู่ที่ยามากาตะนี้ต่อ หรือกลับไปที่เซนไดดี งานนี้ … แรงดีต้องมานะคะ 555
วิวสวยๆ จากวัด Yamadera
วันที่ 4 – ยังปักหลักอยู่ที่เซนไดค่ะ แต่ไม่เที่ยวเซนไดซะที ขอเปลี่ยนโหมดจากงานเทศกาลนิดนึง ไปทัวร์อื่นๆ ที่ละแวกเมือง Ichinoseki ในจังหวัดอิวาเตะมั่ง ซึ่งก็ได้เพลิดเพลินกับวิวสวยๆ ของโตรกธาร Genbikei พร้อมดังโงะบินได้ ลิ้มรสวังโคะโซบะ เที่ยววัด Chusonji ในเมืองมรดกโลกฮิไรซึมิ ล่องเรือท้องแบนชมวิวทิวทัศน์ของหุบเขา Geibikei Gorge ก่อนจะปิดท้ายมื้อเย็นด้วยเมนูโมจิ และงานวัดท้องถิ่นเป็นของแถม (อีกแล้ว)
โตรกธาร Genbikei
รับวังโคะโซบะซักถาด 2 ถาดมั้ยคับ
ล่องเรือชมหุบเขา Geibikei
เมนูโมจิ ของเมือง Ichinoseki
วันที่ 5 – วันสุดท้ายแล้ว ต้องเที่ยวเซนไดแล้วสินะ แต่ขอแป๊บนึงค่ะ ช่วงเช้าขอไปตะลอนตลาดเช้า Sendai asaichi และตลาดปลา Shiogama Fish market ก่อน (อาศัยแท็กซี่เล็กน้อย เริ่มขี้เกียจเดินเอง) จากนั้นก็ล่องเรือชมอ่าวมัทสึชิมะ จนหนำใจแล้วค่อยกลับมาเซนได เดินชมบ้านเมืองที่ประดับตกแต่งต้อนรับเทศกาลแห่งดวงดาว หรือทานาบาตะ ที่มีอยู่มากมายเต็มไปหมด ตั้งแต่สถานีรถไฟ JR และช้อบปิ้งอาเขตสายหลักในย่านดาวน์ทาวน์ ก่อนจะตบท้ายมื้อเย็นด้วยเมนูลิ้นวัวขึ้นชื่อของเซนได ถึงได้ยอมนั่งชินคันเซนกลับโตเกียวในตอนเย็น
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ … เนื่องจากเป็นทริปทัวร์งานเทศกาลตอนมืดค่ำ ก็ต้องกระเต็งกระเป๋าเดินทางกันในช่วงเช้า แล้วเที่ยวตอนสายๆ จนถึงดึกดื่นกันแบบนี้ล่ะค่ะ ไม่ค่อยเหมือนทริปอื่นเท่าไหร่ … แต่ก็สนุกดีอีกแบบ แถมได้นั่งชินคันเซนซะคุ้มเลย เที่ยวไปปาดเหงื่อไป (นี่ขนาดเที่ยวภาคเหนือละนะ 555) รายละเอียดงานเทศกาลต่างๆ ติดตามได้ในบล็อกถัดๆ นะคะ
ตัวอย่างทริปโทโฮขุ 5 วัน ทัวร์เทศกาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น