ภูมิภาคโทโฮขุนี้ปลูกข้าวกันเยอะค่ะ นอกจากบรรดาพืชผักหวานๆ แล้ว ก็นับว่าข้าวคุณภาพดีจากแถวนี้นี่แหละ คือแบรนด์เนมขึ้นชื่อและเป็นหน้าเป็นตาที่สุดอย่างหนึ่ง สมศักดิ์ศรีความเป็นเป็นหม้อข้าวของญี่ปุ่น อาหารท้องถิ่นแถบนี้ อย่างเช่นที่อาคิตะ ก็เน้นข้าวเป็นหลัก เช่นเมนูคิริทัมโปะ หรือข้าวปั้นเป็นแท่งๆ เสียบไม้ย่างจนหอมฉุย และกินร้อนๆ ในหม้อไฟนาเบะ ร่วมกับไก่ฮิไนพันธุ์ดี งัยล่ะคะ
ถ้ามีโอกาสได้มาเที่ยวภูมิภาคโทโฮขุในช่วงเทศกาลฤดูร้อน หรือจบทริปตระเวนทุ่งลาเวนเดอร์ที่ฮอกไกโดแล้ว จะลองแวะมาเยี่ยมชมศิลปะบนผืนนา หรือ Inakadate tanbo art (tanbo แปลว่า rice paddy หรือนาข้าว) ที่อาโอโมริ จังหวัดทางเหนือสุดของภูมิภาคโทโฮขุ กันหน่อยมั้ยล่ะคะ ไทม์มิ่งดี๊ๆ เลยค่ะ เพราะเป็นช่วงเวลาที่นาข้าวอันแสนจะธรรมดา ได้กลายสภาพเป็นภาพวาดศิลปะสุดล้ำ ในเมืองชนบทที่ห้อมล้อมด้วยทุ่งหญ้าและผืนนาสีเขียวๆ พอดี หรือถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิด ให้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงหน่อยๆ ทุ่งนาก็จะออกสีทองๆ นิดนึง ตอนต้นข้าวเริ่มสุกรวงนั่นเอง
นั่งรถไฟสาย Konan มุ่งสู่เมือง Inakadate
และศิลปะบนผืนนาที่ว่านั้น อยู่ตรงไหนของอาโมโมริหรือคะ? นี่เลยค่ะ ที่หมู่บ้านอินาคะดาเตะ Inakadate นี้เอง ตั้งแต่ที่มีการค้นพบทางโบราณคดี ว่า ณ บริเวณพื้นที่แถบนี้ ได้รู้จักการปลูกข้าวกันมาตั้งแต่เมื่อ 2 พันปีที่แล้ว (แต่แปลงนาสมัยโบราณจะเล็กกว่าของปัจจุบันเยอะ) เรียกว่าเป็นอารยธรรมได้เลย สมควรให้ลูกหลานได้ภาคภูมิใจ ว่าข้าวอร่อยๆ ที่ปลูกอยู่ตอนนี้ แท้จริงแล้วมีที่มาที่ไปอันสุดแสนจะยาวนาน
สถานี tanbo art กลางทุ่งกลางนากันเลยทีเดียว
หอคอยชมวิวศิลปะบนผืนนา
มองจากบนหอคอย
มองจากภาคพื้นดิน
จึงเกิดเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ของผู้คนในหมู่บ้านค่ะ ช่วงต้นมิ.ย. ก็จะมาช่วยกันปลูกข้าว โดยคัดสรรค์เมล็ดข้าวจากหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งที่มีสีเหลือง สีเขียว และสีม่วง อ่อนแก่ ตามธรรมชาติ (ไม่ใช่พ่นสีเอาเองนะ) นำมาปลูกบนผืนนาให้กลายเป็นภาพวาดศิลปะ ตามการออกแบบโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ช่วย เพื่อให้ได้ภาพที่สมจริงที่สุดเมื่อมองจากความสูงประมาณ 20 เมตร และภาพวาดก็ไม่ซ้ำกันในแต่ละปี มีการออกแบบใหม่ทุกครั้งเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1993 แล้วล่ะค่ะ จากนั้นพอถึงปลายๆ เดือน ก.ย. ต่อต้นเดือน ต.ค. เค้าก็จะมาช่วยกันเก็บเกี่ยว ซึ่งนอกจากจะเสริมสร้างความสามัคคีภายในหมู่บ้านแล้ว ยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นให้มาเยี่ยมชมอีกด้วย
ตรงนี้คือหน้าศาลากลาง มีหอคอยขึ้นไปชมด้วยเช่นกัน
ศิลปะบนผืนนาที่ Inakadate นี้มีให้ชม 2 ที่ค่ะ ที่แรกคือที่หน้าศาลากลาง หรือ town hall และอีกที่คือตรงสถานี tanbo art (ชื่อสถานีแบบนี้ตรงๆ เลยค่ะ) ทั้ง 2 ที่มีหอคอยให้ขึ้นไปชมภาพวาดบนผืนนาจากมุมสูง ซึ่งมีค่าเข้าชมนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้แพงอะไร (ยิ่งเมื่อเทียบกับสิ่งที่ชาวบ้านเค้าอุตส่าห์ตั้งใจทำกันออกมา) การเดินทางสามารถนั่งรถไฟสาย Konan จากฮิโรซาคิ ฉึกฉักๆ ประมาณ 20 นาทีก็มาถึงสถานี tanbo art แล้ว พอลงจากสถานีปุ๊บก็เห็นเลย จากนั้นเมื่อต้องการไปชมอีกที่หนึ่ง ที่หน้าศาลากลาง ก็มีรถ shuttle bus รับส่งฟรีถึงที่อีกเช่นกัน ระหว่างนั่งรถก็ชมวิดีโอที่บอกเล่าประวัติความเป็นมา และภาพกิจกรรมต่างๆ ไปเพลินๆ ค่ะ (เป็นภาษาญี่ปุ่นนะ)
กลับมาขึ้นรถกลับที่สถานี tanbo art อีกครั้ง
นอกจากนี้ถ้ายังพอมีเวลา ก็ลองเข้าไปแวะชมพิพิธภัณฑ์ Inakadate Buried Cultural Property Center & Museum แถวๆ สถานี tanbo art นะคะ นอกจากข้าวของเครื่องใช้โบราณ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการปลูกข้าว และวัฒนธรรมพื้นเมืองแล้ว เค้ายังเก็บพื้นที่แปลงนาข้าวโบราณอายุเป็นพันปีที่ขุดพบ ไว้ให้เยี่ยมชมใต้พื้นกระจกอีกด้วย ทิปิจังไปถึงก็ใกล้จะปิดแล้ว เลยได้สิทธิ์พิเศษมีไกด์พาชมส่วนตัวแบบเร็วๆ รัวๆ ให้ทันก่อนเวลาปิดพอดีเลยค่ะ 555
ทั้งหมดนี้ นอกจากไปเที่ยวเพลินๆ แล้ว ทิปิจังยังรู้สึกประทับใจในความร่วมมือร่วมใจของผู้คนในท้องถิ่น ที่ต้องการพลิกฟื้นหมู่บ้านชนบทธรรมดาๆ แห่งหนึ่ง ให้กลายเป็นบ้านเกิดแห่งความภาคภูมิใจ และสร้างรายได้เพิ่มเติมจากคุณค่าและวัฒนธรรมดั้งเดิมของท้องถิ่นนั่นเอง
ศิลปะบนผืนนา rice paddy art @อาโอโมริ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น