ดาไซฟุ (Dazaifu) เป็นอีกหนึ่งเมืองชื่อดังบนเกาะคิวชู สามารถเดินทางไปมาหาสู่ได้สะดวกยิ่งนัก เนื่องจากอยู่ห่างจากเมืองใหญ่ฟุคุโอคะไปทางใต้เพียง 15 กิโลเมตรเท่านั้น โดยเมืองดาไซฟุนี้มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณปลายศตวรรษที่ 7 และเป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองของคิวชูทั้งเกาะมากว่า 500 ปี ถือเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญแห่งหนึ่งในสมัยที่คันไซยังเป็นศูนย์กลางการปกครองประเทศ อีกทั้งยังเป็นเมืองการทูต เนื่องจากคิวชูเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ใกล้ชิดกับเอเชียแผ่นดินใหญ่มากกว่าส่วนอื่นของญี่ปุ่น และดาไซฟุก็อยู่ไม่ไกลจากฮาคาตะหรือตัวเมืองฟุคุโอคะ ซึ่งมีทั้งอ่าวและท่าเรือในการติดต่อกับประเทศต่างๆ (และญี่ปุ่นส่วนอื่น) ปัจจุบันแม้ดาไซฟุจะลดบทบาทลงเป็นเพียงเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบ แต่ก็มีสมบัติล้ำค่าสืบเนื่องจากเมื่ออดีต ที่ทำให้ดาไซฟุเป็นเมืองจิ๋วแต่แจ๋ว มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวมากมาย
ถ้ามาถึงสถานีดาไซฟุแล้ว จะรู้ในทันทีเลยว่าควรต้องเดินไปทางทิศไหนต่อ เพราะถนนเส้นเล็กที่โดดเด่นที่สุดตรงหน้า จะพาไปยังสถานที่ที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของดาไซฟุ ซึ่งก็คือ ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกู (Dazaifu Tenmangu) ในขณะที่ศาลเจ้าและวัดวาอารามสำคัญอื่นๆ ก็อยู่ในอาณารัศมีไม่เกิน 2km จากสถานีรถไฟดาไซฟุนี้
ดูชื่อของศาลเจ้า บางคนอาจสงสัยว่า เอ๊ะ เทนมังกู อีกแล้ว ทั่วญี่ปุ่นนี้มีศาลเจ้าเทนมังกูเป็นร้อยเลยค่ะ ทั้งนี้ศาลเจ้าเทนมังกูถูกสร้างขึ้น เพื่อเทิดทูนนักปราชญ์และนักการเมืองผู้คงแก่เรียนในสมัยเฮอันท่านหนึ่ง ได้แก่ท่านมิชิซาเนะ ซุกาวาระ แต่เพราะปราดเปรื่องจนอาจจะโดดเด่นเกินไป จึงมีเหตุให้ขัดแย้งกับศูนย์กลางอำนาจที่คันไซ จนสุดท้ายถูกเนรเทศมายังเมืองดาไซฟุ และเพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้นท่านก็เสียชีวิตลง ประเทศญี่ปุ่นตกอยู่ในภาวะภัยธรรมชาติคุกคามชนิดขวัญหนีดีฝ่อ ชาวเมืองพากันเชื่อว่านี่คงเป็นผลจากการเนรเทศท่านมิชิซาเนะอย่างไม่ยุติธรรม จึงเริ่มต้นสร้างศาลเจ้าเทนมังกูขึ้นมา และศาลเจ้าเทนมังกูที่ดาไซฟุนี้ มีความพิเศษกว่า ตรงที่สร้างขึ้นบนพื้นที่สุสานของท่านมิชิซาเนะ จึงถือเป็นเทนมังกูที่มีชื่อเสียงที่สุด
ไข่ปลา mentaiko ของขึ้นชื่อแถบนี้เลยล่ะ
สตาร์บั๊คก็มีนะ เก๋ด้วย
ร้านขนมโมจิรสบ๊วย ของดีดาไซฟุ
ระหว่างทางบนถนนเส้นเล็กๆ สู่ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกู มีร้านค้าให้เพลิดเพลินมากมาย โดยเฉพาะร้านขนม ทั้งดูและชิมตลอดทางไม่มีเบื่อ เราเอ้อระเหยจนมาถึงหน้าประตูศาลเจ้าแล้ว เห็นรูปปั้นวัวซึ่งตั้งเด่นอยู่ด้านใน โดยมีส่วนจมูกและเขาที่วาววับจับตาเป็นพิเศษ ทั้งนี้เนื่องจากได้ผ่านการลูบไล้และขอพรมาแล้วอย่างโชกโชนหลายมือ เดินต่อเข้ามาด้านในจะพบกับสระน้ำรูปหัวใจ (หมายถึงตัวอักษรคันจิ 心 ที่แปลว่าหัวใจ ไม่ใช่รูปหัวใจกุ๊กกิ๊กนะจ๊ะ) และสะพานโค้งข้ามสระน้ำนี้ติดกัน 2 สะพาน สื่อถึงการเชื่อมโยงแผ่นดิน 3 ส่วน อันเป็นสัญลักษณ์ของอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอีกที … ตีความหลายทอดจัง ต้องนักปราชญ์เท่านั้นถึงจะเข้าใจถ่องแท้
ถึงแล้ว ศาลเจ้าดาไซฟุ
รูปปั้นวัว มันแวววับที่จมูกกับเขา
สองสะพานนี้เชื่อม อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ก่อนถึงวิหารหลักหรือฮงเดน จะพบเห็นต้นพลัมหรือบ๊วยปลูกอยู่มากมาย ว่ากันว่าที่ศาลเจ้านี้ที่เดียวมีต้นพลัมปลูกอยู่กว่าหกพันต้นแน่ะ ทั้งนี้ตามตำนานเชื่อว่าเมล็ดต้นพลัม ได้ปลิวตามลมตามท่านมิชิซาเนะมาจากเกียวโตะนู่นแน่ะ และท่านเองก็ชื่นชอบต้นพลัมเป็นพิเศษอยู่แล้วด้วย ดังนั้นเวลาไปศาลเจ้าเทนมังกูที่ไหนก็มักจะพบเห็นแต่ต้นพลัมนั่นเอง … แต่ช่วงเวลาที่ทิปิจังมาเยือนศาลเจ้าดาไซฟุนี้ เนื่องจากเป็นฤดูหนาว จึงยังไม่มีดอกบ๊วยสีชมพูบานสะพรั่งให้เห็นนะคะ
มาถึงฮงเดนก็ได้เวลาขอพรสินะ สังเกตุลูกกระพรวนลูกโตที่แขวนอยู่ด้านหน้าศาลเจ้า เวลาขอพรต้องเขย่าเชือกให้ลูกกระพรวนดังกรุ๊งกริ๊งๆๆ จะได้แน่ใจว่าเทพเจ้าได้ยินที่ขออะไรไปนะ (แต่ที่ไม่แน่ใจคือถ้าขอพรเป็นภาษาอื่นแล้วเทพเจ้าจะเข้าใจมั้ย) จากนั้นให้โยนเหรียญ 5 เยนหรือโกะเอง (五円) ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่าโกะเอง (御縁) ที่มีความหมายมงคล แปลว่าสายใยแห่งมิตรภาพ ลงในกล่องไม้เป็นอันจบการขอพรแบบเบสิค … พอดีช่วงที่มานี้ใกล้ปีใหม่ เทพเจ้าคงทำงานหนักและเหนื่อยเป็นพิเศษล่ะ (อ่านเรื่องเกี่ยวกับปีใหม่ที่ญี่ปุ่นได้ในบล็อกนี้)
และเนื่องจากศาลเจ้าดาไซฟุขึ้นชื่อมากในเรื่องปัญญาและความรู้ (เพราะท่านมิชิซะเนะเป็นนักปราชญ์ผู้ปราดเปรื่อง ถือเป็นเทพแห่งการศึกษา) ดังนั้นเครื่องรางของขลังในศาลเจ้านี้ ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องเรียนเรื่องสอบ ส่วนป้ายไม้เอมะขอพรที่แขวนไว้เต็มทั่วศาลเจ้า ถ้าลองอ่านดูจะพบว่าเกินครึ่งคือขอให้สอบได้นั่นเอง ถ้ามาที่นี่ใกล้ฤดูสอบแข่งขัน คงจะพบเห็นบรรดาน้องๆ เด็กนักเรียน แห่กันมาไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าเยอะเลย
ไหว้พระขอพรช่วงปีใหม่
กำลังทำพิธีกรรมพอดีเลย
ป้ายไม้ขอพรสีสดใส
ถ้าเยี่ยมชมสถานที่ขึ้นชื่อที่สุด อย่างศาลเจ้าดาไซฟุเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังอยากอยู่เที่ยวเล่นแถวนี้ต่อ ก็มีสถานที่น่าสนใจในละแวกใกล้เคียงอีกหลายแห่ง เช่น วัดโคเมียวเซนจิ (Komyozenji) ซึ่งเป็นวัดเซนอยู่ใกล้ๆ กับศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกูเลย วัดคันเซนอนจิ (Kanzeonji) ซึ่งอยู่ไกลไปอีกพอสมควร ถ้าจะไปให้นั่งบัสไปดีกว่า และซากปรักหักพังอาคารรัฐบาลเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยนารา-เฮอันเมื่อพันปีก่อน ซึ่งก็แนะนำนั่งบัสอีกเหมือนกันค่ะ (ถ้าจะไปนะ … แต่ทิปิจังแสนขี้เกียจ เที่ยวตัวเอกที่เดียวพอแล้วค่ะ อิอิ)
ตัวอย่างทริปคิวชู 7 วัน + side trip 2 วัน
1-day trip ฟุคุโอคะ
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ฉบับฟุคุโอกะ
เที่ยวศาลเจ้าดาไซฟุ
บนรถไฟสาย Aso Boy
สวนสันติภาพแห่ง Nagasaki
8 ขุมนรกร้อนๆ ที่เบบปุ
หิมะแรกแสนโรแมนติคที่ยุฟุอิน
ชิลๆ ที่ Sakurajima, Kagoshima
อองเซนทรายร้อนที่ Ibusuki, Kagoshima
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น