My travel diary: USJ vs Disney: FP พาร์คไหนทำข้อเข่าป้าเสื่อมที่สุด

ญี่ปุ่นคือสวรรค์ของคนรักสวนสนุกจริงๆ เลย ทั้งสวนเล็กสวนใหญ่ เยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะสเกลใหญ่ระดับเวิลด์คลาสอย่างโตเกียวดิสนีย์แลนด์ ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอเจแปน (USJ @Osaka) และเลโก้แลนด์ (เพิ่งเปิดไม่นานนี้เอง @Nagoya)

ถ้านับอายุแล้วเลโก้แลนด์เป็นคุณหลาน วัยเตาะแตะเดินยังไม่คล่อง เพราะอายุไม่ถึงขวบ ส่วน USJ นี่ 16 แล้วเป็นสาวน้อยรุ่นลูกวัยรุ่นเต็มตัว ในขณะที่ดิสนีย์แลนด์ 34 ก็คุณแม่วัยกลางคนละ แต่ดีกรีความแซ่บของแต่ละนางไม่แพ้กันเลย มีหนุ่มๆ เข้าคิวรอเข้ายาวเหยียดตลอด (เอิ่ม เลโก้แลนด์ยังไม่เคยไปนะ เดาเอา 55)

2 ปีติดกัน ทิปิจังได้ไปเที่ยวทั้งฝั่งคุณแม่ดิสนีย์ ที่โตเกียว และฝั่งคุณลูกสาว USJ ที่โอซาก้า ในช่วงเวลาเดียวกันของปี คือก่อนวันฮาโลวีน (2016 เที่ยว USJ และ 2017 เที่ยวทั้ง Disneyland และ DisneySea) โดยเลือกไปในวันธรรมดาทั้งคู่ เพื่อเลี่ยงคนเยอะในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ขอโทษ นี่ขนาดเลือกแล้วนะ คนยังตรึม คิวยังล้นสุดๆๆ จนเป็นที่มีของบล็อกนี้เรื่อง fast pass หรือ FP (และความขาเดี้ยง) นั่นเอง

แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องนั้นขอถือโอกาสเปรียบเทียบเรื่องอื่นๆ แบบย่อๆ ให้อ่านกันเล่นๆ

1. บรรยากาศฮาโลวีน
พบเห็นได้ทั้งพาร์คค่ะ รวมทั้งพวกของที่ระลึกกระจุ๊กกระจิ๊กทั้งหลายด้วย แต่ขายได้จนถึงคืนวันที่ 31 ต.ค. เท่านั้นนะ คืนนั้นพนักงานคงเหนื่อยกันน่าดู เปิดพาร์คมาอีกวัน 1 พ.ย. เคลียร์หมดจดเรียบร้อย เข้าสู่สภาวะปกติทุกประการ เลิศมากเลยค่ะ

ฮัลโหลคิตตี้ฮาโลวีน @USJ

มินเนี่ยนฮาโลวีน @USJ

มือจับบนรถไฟสายวนรอบดิสนีย์รีสอร์ต เฉพาะกิจช่วงฮาโลวีน

ฟักทองเต็มไปหมด @Disney

https://www.facebook.com/Travelismylifeblog/

Booking.com

2. แต่งตัวกันสุดฤทธิ์
สุดๆ ค่ะ จะมีสวนสนุกประเทศไหน ที่ผู้คนจะกล้าแปลงร่างเป็นตัวอะไรก็ได้ตามใจ เดินเล่นชิลๆ ได้เท่านี้อีก แบบว่าแต่งกันมาระดับนี้ บางชุดรุ่มร่ามขึ้นเครื่องเล่นไม่ได้ก็ยอมนะ ขอแค่เวทีได้มากรี๊ดกร๊าดกับเพื่อนฝูง โดยเฉพาะในบรรยากาศฮาโลวีนเยี่ยงนี้ จัดเต็มสุดๆ ค่ะ

เด็กน้อยสิงโตน่ารัก @USJ

มาเป็นทีม เล่นมือถือเพลินเลย ระหว่างต่อคิว @USJ

การ์ตูนญี่ปุ่น @USJ

ทีมนี้สีสันสุดซาบซ่า @Disney

ตะเบ๊ะ คับผม @Disney

แต่ … ไม่ใช่ว่าฮาโลวีนแล้วจะเลือดสาดไส้ทะลักกันมานะคะ เด็กๆ เยอะอยู่ 55 ในโบรชัวร์เค้าเขียนไว้เลยว่า กรุณาอย่าแต่งจนเป็นการรบกวนคนอื่น เลยได้เห็นคอสเพลย์เกือบครบทุกสไตล์ ยกเว้นแนวสยอง (เอ๊ะ ฮาโลวีนตรงไหน 55) ซึ่งก็เพลินมากเลยค่ะ แค่ดูคนแต่งคอสเพลย์ก็เพลินละ แต่ไม่พอ บรรยากาศแบบนี้ ขอมีส่วนร่วมนิดนึง อุปกรณ์แถวนั้นเยอะค่ะ จัดมาคนละอัน อิอิ … แต่ถ้าเปรียบเทียบแล้ว คอสเพลย์ที่ดิสนีย์แลนด์จะดูหนาแน่นกว่า และออกแนวน่ารักกว่าเยอะค่ะ สมแล้วที่ถึงเทศกาลฮาโลวีนทีไร ทราเวลไกด์จะติดดาวให้สวนสนุกดิสนีย์ทุกทีเลย

@USJ

@Disney

3. อาหาร
ตามรูปเลยค่ะ กุ๊กกิ๊กน่ารักตามสไตล์แต่ละพาร์ค แต่โดยส่วนตัว ทิปิจังคิดว่าเมนูที่ USJ ดูจะวาไรตี้กว่านะ อิอิ

@USJ

@Disney

4. เครื่องเล่น
ถ้าอยากได้ความคลาสสิค จนถึงแอนทีคหน่อยยๆ นี่เลยค่ะ โตเกียวดิสนีแลนด์ 55 อยากให้สดใหม่ขึ้นอีกนิด ก็ต้องดิสนีย์ซีข้างๆ ส่วน USJ เค้าจะโละของเก่าทิ้งบ้างอะไรบ้าง อัพเดทเพิ่มเติมเรื่อยๆ (ทั้งๆ ที่อายุก็น้อยกว่าเยอนะ 55 ดูรีวิวเพิ่มเติมได้ที่บล็อกนี้) ส่วนเรื่องความโหดของเครื่องเล่น USJ ได้หลั่งอะดรีนาลีนเยอะกว่าอยู่แล้ว (บอกแล้วดิสนีย์เด็กเยอะ) แต่จะเก่าใหม่ หรือโหดไม่โหดยังงัย ก็คิวแน่นเอี๊ยดเต็มตลอด เฮ้ออ

มีคาใจอยู่นิดนึงตรงที่มันเป็นช่วงฮาโลวีนนี่แหละค่ะ ไปเที่ยว Disney’s Halloween ยังได้เล่นเครื่องเล่นเหมือนตอนอื่นๆ แต่ไปเที่ยว Halloween Horror Nights ที่ USJ เนี่ย เครื่องเล่นบางอย่างถูกแทนที่ด้วยเครื่องเล่นผีๆ สไตล์ญี่ปุ่น (ประมาณการ์ตูนผีโรงเรียนมัธยม ไรงี้) ทิปิจังไม่อินเลย มาสวนสนุกเวิลด์คลาสก็อยากเล่นเครื่องเล่นแบบเวิลด์คลาสสิคะ ไม่ได้อยากเจอผีญี่ปุ่นซะหน่อย แถมแถวคิวก็ไม่ใช่เล่นๆ (สงสัยคนญี่ปุ่นชอบแบบนี้) แต่ทิปิจังขอผ่านนะ 55

5. พาเหรด
ดิสนีย์ทั้ง 2 พาร์คมีโชว์และพาเหรดมากกว่าเยอะเลย อลังการมากมาย (โดยเฉพาะดิสนีย์ซี) ซึ่งก็ทดแทนความหน่อมแน้มของเครื่องเล่นได้เป็นอย่างดี 55 แต่โดยส่วนตัวจะแถมคะแนนให้ USJ ในความเป็นกันเอง และสร้างความมีส่วนร่วมกับผู้ชมได้มากกว่า จากตอนแรกที่นั่งดูกันเป็นแถวเป็นระเบียบดีอยู่ หลังๆ โดดลุกขึ้นมาผสมโรงเต้นกับขบวนพาเหรดเลย แต่พอพาเหรดขอทางให้ขบวนเคลื่อนต่อ ก็ร่วมไม้ร่วมมือกลับมานั่งในแถวเป็นระเบียบเหมือนเดิม ชอบมากเลยค่ะ

โดนลากเข้าขบวน (ใครลากใคร?) @USJ

ขบวนนี้พิเศษ แถมให้เฉพาะฮาโลวีน @Disney

6. คนและคิว
โอ๊ยยย ไม่ต้องพูดถึงเลย อะไรจะเป็นที่นิยมขนาดนั้น นอกจากคนญี่ปุ่นแล้วก็นักท่องเที่ยวแบบเราๆ นี่แหละ ที่พากันแออัดยัดเยียดกันเข้าไป เครื่องเล่นอันไหนไม่เจ๋งจริง แถวคิวระดับ 40, 50, 60 นาที หรือมากกว่า ข้ามเลยนะคะ เสียเวลาชีวิต 55 เฮ้อ เดินด้วย ยืนรอต่อคิวยาวๆ ด้วย เมื่อยชะมัด

ดูคนสิคะ อื้อหือ @USJ

ข้างนอกว่ายาวแล้ว ข้างในต่ออีก @Star Tours, Tokyo Disneyland

คิวข้างใน @Indiana Jones Adventure, DisneySea

7. สีสันช่วงกลางคืน
ดิสนีย์อลังการมากเลยค่ะ ทั้ง Electric Parade และโชว์กลางน้ำของดิสนีย์ซี แม้บางวันลมแรงจำเป็นต้องยกเลิกดอกไม้ไฟชุดใหญ่ไป (ประหยัดไปหลายแสนเลยนะ) ก็ยังอลังการงานสร้างสุดๆ ไม่เกี่ยวว่าฮาโลวีนรึป่าว ส่วน USJ ก็มีดอกไม้ไฟนะ ซึ่งก็ยิ่งใหญ่ดีค่ะ แต่ซอมบี้ที่ทยอยถือเลื่อยไฟฟ้าออกมาป่วนไปเป๋มา เหมือนจะน่ากลัวขึ้นมาหน่อยๆ ในบรรยากาศฮาโลวีน ทิปิจังไม่อินอีกแล้วค่ะ ส่วนตัวจึงเลือกข้างดิสนีย์ไปเรียบร้อย 55

คัดมาเฉพาะตัวน่ารักๆ ซอมบี้ไม่เอา @USJ

Electric Parade @Tokyo Disneyland

@DisneySea

8. ค่าเสียหาย
ค่าเข้าพาร์คจริงๆ ก็พอกันนะ ทั้งดิสนีย์และ USJ แต่สำหรับ Fast Pass (FP) หรือ USJ เรียก Express Pass (ขอเรียก FP เหมือนกันเพื่อให้ง่าย) ซึ่งก็คือสิทธิพิเศษในการย่อแถวคิวให้สั้นลง ดิสนีย์มีระบบ FP แจกฟรีไม่คิดตังค์เพิ่ม ในขณะที่ USJ ต้องจ่ายค่า FP เพิ่มขึ้นอีกพอๆ กับค่าเข้าเลย ซึ่งมีหลายระดับราคาขึ้นกับว่า FP ได้กี่เครื่องเล่น ซึ่งส่วนตัวคิดว่ามี FP คุ้มกว่าซื้อตั๋วแบบ 2 วัน แต่ต้องต่อคิวยาวๆ เอาเอง ถึงจะเล่นได้ครบ (เพราะกรณีนี้เสียทั้งเงินและเวลา 55) … แต่ใช่ว่าประหยัดตังค์กว่าแล้วทิปิจังจะเทใจให้หรอกนะ

มาถึงประเด็นเรื่อง FP กันซะที คือว่า ระบบ FP ของ USJ (ที่ต้องเสียตังค์ซื้อเพิ่ม) เนี่ย เราต้องวางแผนตั้งแต่แรกเลย ว่าอยากได้คิวสั้นๆ เล่นได้เร็วๆ สำหรับเครื่องเล่นชิ้นไหน แล้ว้ก็จ่ายเงินซื้อเท่านั้นไป ส่วนเครื่องไหนไม่ได้ซื้อก็เข้าคิวตามระเบียบ และเวลาจะใช้สิทธิพิเศษด้วย FP ก็สามารถใช้ได้ทันที ไม่ต้องนัด ไม่ต้องรอ อยากเล่นตอนไหนก็แค่เดินดุ่ยๆ ไป แล้วเล่นได้เลย

ส่วนของดิสนีย์ทั้ง 2 พาร์ค ใช้ระบบเดียวกันคือ หลังจากเล็งๆ แล้วว่าเครื่องไหนฮิตจัด คิวยาวโหดเหลือเกิน ก็ไปกดบัตร FP มาเก็บไว้ ซึ่ง FP จะระบุช่วงเวลาไว้เลยว่าได้คิวกี่โมงถึงกี่โมง ซึ่งถ้าจะเล่นก็ต้องกลับมาให้ทันช่วงนี้เท่านั้น ไม่งั้นหมดสิทธิ์ จากนั้นก็ไปเข้าคิวเครื่องเล่นชิ้นอื่นไปพลางๆ เพราะกว่าจะกด FP ได้ใหม่อีกครั้ง ต้องรออีก 2 ชั่วโมงค่ะ … ซึ่ง FP ใบแรกที่ทิปิจังไปกดมาได้ กดตอน 9 โมงครึ่ง ได้คิว 4 โมงเย็น โอ้ว แม่เจ้า เล่นเอาใจฝ่อไปเลยค่ะ 55 แต่ก็เฉพาะเครื่องนี้เครื่องเดียวแหละที่ฮิตเกินไป ไปกดเครื่องอื่นทีหลังยังได้คิวก่อน FP ใบแรกเสียอีก

แต่ … ที่เล่ามาทั้งหมดก็ยังไม่เข้าประเด็นเลยค่ะ … ประเด็นที่แท้จริงคือ การกด FP เครื่องนี้ แล้วเดินไปหาเครื่องเล่นอื่นต่อคิวเล่น พอครบ 2 ชั่วโมง ก็ไปหาเครื่องเล่นฮ็อตฮิตเครื่องใหม่กด FP มาเก็บอีก แต่ก็ยังไม่ได้เล่นเครื่องนั้น ต้องเดินไปหาเครื่องเล่นอื่นต่อคิวต่อ แล้วรอให้ได้เวลาบน FP ค่อยเดินกลับไปเล่นเครื่องที่กด FP มา ... เห็นภาพมั้ยค่ะ (หรือยิ่งงง 55) ว่าทิปิจังต้องเดินมากเกินความจำเป็นอีกแค่ไหน เดินเสร็จ ยืนรอต่อคิว ได้เล่นเครื่องเล่น (และพักขา) แค่แป๊บๆ เดินต่อ ต่อคิวอีก โหววว ขาเดี้ยงยิ่งกว่าทุกทริป แค่ดิสนีย์แลนด์พาร์คเดียว เดินไปกว่า 2 หมื่นก้าวเลยค่ะ (ไม่ใช่มินิมาราธอนนะ 55)

ส่วนดิสนีย์ซีผู้คนเบาบางกว่า ก็สร้างความเดี้ยงได้อีกแบบ คือพอจะไปกด FP ปรากฏว่าคิวมันแค่ 20 นาทีเอง ไม่คุ้มหรอก ไปหาเครื่องอื่นกดแทนดีกว่า กลายเป็นว่าต้องเดินไปเดินมาเพื่อตามหาที่ใช้ FP จนเปลืองแรงและเสียเวลาเกินจำเป็น … ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวที่ชอบวางแผนแบบทิปิจังนะคะ คนญี่ปุ่นเองก็บ่นเรื่องนี้เหมือนกัน ขาแทบจะหลุดกันถ้วนหน้า 555

สรุปเลยนะคะ FP ของฟรีทำเอาทิปิจังข้อเข่าเสื่อมที่สุดเลยค่ะ เสียสภาพมากมาย ขอบังอาจแนะนำว่า ดิสนีย์กรุณาคิดตังค์ FP ไปเลยเถอะ แล้วให้เดินน้อยๆ หน่อย ยอมแพ้ค่ะ 555 หรือถ้าปราณี ก็ช่วยทำแอพมือถือให้ใช้ทีเถอะ ฟรีแบบนี้หลอนเหลือเกินในคืนฮาโลวีน 55

กระดูกป้าไม่ไหวค่ะ :)